สายลมที่โชยพัดในคิมหันตฤดู ชาวไต้หวันเรียกกันว่า "南風 อ่านว่า หนานฟง" หรือลมใต้ ซึ่งมีลักษณะพิเศษ คือชื้นแฉะและทำให้เหนียวตัว ขณะที่ความผูกพันของ ผู้คนบนผืนแผ่นดินนี้ เปรียบประหนึ่งลมใต้ที่อบอุ่นและ โรแมนติก ที่ภาคใต้ของไต้หวันมีนิตยสารฉบับหนึ่งชื่อ Southwind (透南風) บรรยายวิถีชีวิตของผู้คนในถิ่นนี้ ได้อย่างเหมาะเจาะ
ยังมีจุลสารชื่อเจิ้งซิงเหวิน (正興聞) ที่รายงานเรื่อง ราวของคนในท้องถิ่นได้อย่างมีชีวิตชีวา ส่งผลให้ถนนใน เมืองหลวงเก่าแห่งนี้ ซึ่งเดิมก็คึกคักอยู่แล้ว ในช่วงวันหยุด สุดสัปดาห์มีผู้คนหลั่งไหลกันมาไม่ขาดสาย
นครไถหนาน เมืองหลวงเก่าของไต้หวันในวันนี้ หลัง ผ่านยุคที่ถูกญี่ปุ่นยึดครองในศตวรรษที่แล้วเป็นเวลา นานถึง 50 ปี ( ปีค.ศ.1895-1945) ยังหลงเหลือร่องรอย วัฒนธรรมญี่ปุ่นยุคเกียวโตเป็นเมืองหลวงไว้ให้ได้เห็น หาก ท่านมีโอกาสไปเยือนไถหนานสักครา จะพบว่าเมืองนี้ เต็มไปด้วยตลาด ถนนและตรอกซอกซอยเก่าๆ มากมาย ตลอดระยะเวลาสี่ร้อยปีที่ผ่านมา ไถหนานกลายเป็นแหล่ง อารยธรรมสมบูรณ์ยากที่เมืองใดๆ ในไต้หวันจะแทนที่ได้
"สถานที่เหมาะแก่การสานฝันให้เป็นจริง เหมาะสำหรับ ทำงาน มีความรัก แต่งงานหรือใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์" นี่ คือข้อความตอนหนึ่งของบทประพันธ์ที่มีชื่อว่า "ชื่อถนน เก่าในไถหนาน" (台南的古街名) ของเย่สือเทา (葉 石濤) กวีร่วมสมัย (เกิดที่ไถหนาน มีชีวิตอยู่ช่วงปี ค.ศ. 1925-2008) พรรณนาถึงเมืองหลวงเก่าแห่งนี้ไว้ได้อย่าง เหมาะสมที่สุด
รู้จักไต้หวัน เริ่มจากไถหนานก่อน
งานเขียนของผู้เฒ่าเย่ (สมญานามที่วงการกวีไต้หวัน ยกย่องและตั้งให้แก่เย่สือเทา) เป็นที่ยอมรับอย่างกว้าง ขวาง สิ่งที่น่าสนใจที่สุดในบทประพันธ์ที่เขาเขียนคือ วิถี ชีวิตของผู้คนในเมืองหลวงเก่าแห่งนี้ ถูกถ่ายทอดผ่าน ปลายปากกาของเย่สือเทา ทำให้ผู้อ่านเข้าใจและรู้สึกใกล้ ชิดกับนครไถหนานมากยิ่งขึ้น
เริ่มจากถนนรอบๆ วงเวียนสวนสาธารณะเพื่อรำลึก ทนายความที่เสียชีวิตในเหตุการณ์วิปโยค 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ 1947 นามว่า ทังเต๋อจัง (湯德章紀念公園) รอบๆ ประกอบด้วยถนนหลายสาย อาทิ ถนนหมินจู๋ลู่ หมิน เฉวียนลู่ จงเจิ้งลู่ คายซานลู่ กงหยวนลู่ เฉิงกงลู่ ฯลฯ ถนนหรือตรอกซอกซอยต่างๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นจุดเริ่มต้น ของเรื่องราวที่เรียงร้อยขึ้นมาเป็นผลงานของบรรดานัก ประพันธ์ทั้งหลาย
พิพิธภัณฑ์วรรณกรรมแห่งชาติไต้หวัน (National Museum of Taiwan Literature) ซึ่งเดิมคือที่ว่าการ มณฑลไถหนาน (ยุคที่ญี่ปุ่นยึดครองไต้หวัน) ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับพิพิธภัณฑ์วรรณกรรมเย่สือเทาที่สร้างขึ้นในปีค.ศ. 2012 เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกในไต้หวันที่สร้างขึ้นเพื่อ รำลึกถึงกวีคนสำคัญด้วยงบประมาณของทางราชการ ขณะที่ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์วรรณกรรมแห่งชาติไต้หวัน สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1925 อันเป็นปีที่เย่สือเทาเกิด ช่างเป็น ความบังเอิญราวกับฟ้าลิขิต นครไถหนานในสายตาของ ผู้เฒ่าเย่ที่สะท้อนผ่านปลายปากกาออกมานั้น ทำให้มอง เห็นสุนทรียภาพแห่งชีวิตของชาวเมืองไถหนาน ไม่ว่าจะ เป็นร้านฝรั่งเศส-ไทเป ( French & Taipei) เป็นสตูดิโอ ถ่ายภาพวิวาห์ชื่อดังบนถนนหมินเซิงลู่ อดีตคือหอเป๋าเหม่ ยโหลว (寶美樓) สถานบันเทิงที่มีเกอิชาคอยร้องรำทำ เพลงให้ลูกค้าได้ฟังเป็นประจำ ถัดไปเป็นโบสถ์ไท่ผิงจิ้ง (太平境教會 Thai-Peng-Keng Maxwell Memorial Church) ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ป้ายไม้แกะสลักตัว อักษรหมายเลข 1 อันเก่าแก่เหนือประตูทางเข้าศาลเจ้า เทียนถัน (天壇一字匾 ) ก็ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากมาย สถานีอุตุนิยมวิทยารูปทรงแปดเหลี่ยมที่หาดูจากที่อื่นไม่ ได้อีกแล้ว ยังมีโรงน้ำชาฟ่งฉา (奉茶茶館) จุดนัดพบ ของบรรดานักประพันธ์ที่มานั่งจิบชาพลางร่ายกวีอย่าง เพลิดเพลิน
บันทึกความทรงจำของเย่สือเทาชื่อ จากเมืองหลวง สู่เมืองเก่า (從府城到舊城) เขียนไว้ว่า "ครึ่งแรกของ ชีวิตผมอาศัยอยู่ที่ไถหนาน ส่วนครึ่งหลังของชีวิตอาศัยอยู่ ที่จั่วอิ๋ง (左營 เมืองในนครเกาสง) ชั่วชีวิตของผมเวียน ว่ายตายเกิดอยู่ในเมืองเก่าทั้งสองแห่งนี้เอง" หากต้องการ รู้จักไต้หวันต้องเริ่มจากการไปรู้จักไถหนานก่อน การจะ รู้จักไถหนาน ก็ต้องเริ่มจากงานเขียนของผู้เฒ่าเย่ก่อน
ห้างสรรพสินค้าเก่าในรูปโฉมใหม่ ไฉไลที่สุดในไถหนาน
ห้างสรรพสินค้าหลินไป่ฮั่ว (林百貨) หรือชื่อภาษา ญี่ปุ่น ห้างฮายาชิ ตั้งอยู่มุมถนนจงเจิ้งลู่กับถนนจงอี้ลู่ ตอน ที่ 2 หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ห้างห้าชั้น (五棧樓仔 ภาษา ไต้หวันอ่านว่า โหงวจ้านเหลาว่า) ห้างเก่าสมัยญี่ปุ่น ปกครองไต้หวันที่ปรับปรุงใหม่ ไฉไลที่สุดในไถหนาน.
ช่วงบ่ายของวันหยุดสุดสัปดาห์ ในร้านกาแฟบนชั้นสี่ ของห้าง โต๊ะที่อยู่ริมหน้าต่างมีผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง นั่งสนทนา กันโดยใช้ภาษาญี่ปุ่นได้อย่างคล่องแคล่วไหลลื่นพลาง จิบชากาแฟยามบ่ายไปด้วย ทั้งเด็กเล็กและผู้ใหญ่ร่วม สรวลเสเฮฮากันอย่างมีความสุข ข้างๆ เป็นร้านขายของ ที่ระลึกแออัดไปด้วยลูกค้าวัยหนุ่มสาว ที่เข้าไปหาซื้อของ ทรี่ ะลกึ แนวสรา้ งสรรคว์ ฒั นธรรมทยี่ ดึ หา้ งสรรพสนิ คา้ ฮา ยาชิเป็นจุดเริ่มต้นในการออกแบบ
อีกมุมหนึ่งของร้านเป็นโต๊ะที่ตั้งเรียงเป็นแนวยาว จาก จุดน้มี องผ่านหน้าต่างกระจกออกไปจะเห็นธนาคารท่ดี ิน ไต้หวัน (Landbank of Taiwan) และถนนจงเจิ้งลู่ พนักงานบริการในร้านบอกว่า โต๊ะแถบนี้มักถูกจองไว้หมด แล้ว ทำให้เรานึกถึงนิยายของผู้เฒ่าเย่ที่เขียนถึงย่านม่อ กว่างติง* ที่เจริญรุ่งเรืองมากในยุคก่อนทศวรรษ 1980 จน ได้รับสมญาว่าย่านกินซ่า*แห่งเมืองไถหนาน ช่างสมคำร่ำ ลือจริงๆ
ห้างสรรพสินค้าฮายาชิเปิดบริการเมื่อเดือนธันวาคม ปีค.ศ.1932 นับเป็นหนึ่งในสองห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ของไต้หวันในยุคนั้น โดยอีกแห่งคือห้างสรรพสินค้าคิคุโม โตะ ตั้งอยู่ที่ย่านหรงติงในกรุงไทเป (ปัจจุบันคือย่านถนน เหิงหยางลู่) แต่ห้างสรรพสินค้าคิคุโมโตะปิดตัu3623 วไปนาน หลายปีแล้ว ขณะที่ห้างสรรพสินค้าฮายาชิเปิดให้บริการ ในรูปโฉมใหม่เมื่อปี ค.ศ.2014 ซึ่งไม่เพียงช่วยรื้อฟื้นความ ทรงจำของคุณปู่คุณย่าจำนวนมาก แต่ยังดึงดูดความ สนใจจากคนรุ่นใหม่ได้ไม่น้อย จากในอดีตที่นี่เป็นศูนย์ รวมความทันสมัย ซึ่งในยุคนั้นจะใช้คำว่า โมเดิร์น (摩登 Modern ) แต่ในปัจจุบันคนรุ่นใหม่ใช้คำว่าแฟชั่น (很潮 อ่านว่าเหิ่นเฉา หรือ Fashionable) อย่างไรก็ดีหลังผ่าน ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ห้างสรรพสินค้าฮายาชิ ยังคงตั้ง ตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองเก่า แสงไฟยามราตรียังคงส่อง สว่างสุกสกาว ผู้คนเดินไปมาพลุกพล่านเปรียบประหนึ่ง ย้อนเวลากลับไปหาอดีตที่เคยเจริญรุ่งเรือง
เมืองหลวงเก่าท่เี หมาะแก่การยำ่ ต๊อก ตามตรอกซอกซอย
ย่านเมืองเก่าในนครต่างๆ ทั่วโลกล้วนเหมาะแก่การ เดินยำ่ ต๊อกไปตามตรอกซอกซอยเพ่อื สัมผัสและด่มื ดำ่ กับ บรรยากาศอย่างใกล้ชิด แน่นอนไถหนานก็เช่นกัน
ชาวไถหนานใช้ชีวิตอยู่ในตรอกซอกซอย ขณะที่นักท่อง เท่ยี วจากต่างถ่นิ ก็ชอบมาเดินสำรวจตามตรอกซอกซอย เหล่านี้ การท่องเที่ยวในนครไถหนาน พวกมืออาชีพจะรู้ดี ว่าต้องใช้วิธีเดินเที่ยว ร้านอาหารเลิศรสมากมายซ่อนตัว อยู่ในซอยเล็กๆ ร้านที่อร่อยที่สุด มักไม่มีป้ายชื่อร้านและนี่ คือวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนไถหนาน
คุณมาริโกะ ทาคาฮาชิ (Mariko Takahashi) มาจาก ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เธอมักสวมชุดกิโมโนเดินไปมาอยู่ ในตรอกซอกซอยของนครไถหนาน เมื่อถึงช่วงวันหยุดเธอ จะไปที่ย่านเมืองเก่า แล้วนั่งดื่มกาแฟสดผสมวิสกี้ หน้า ร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่ง พลางสนทนาเกี่ยวกับเรื่องราว ต่างๆ ของเธอระหว่างที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้
คุณมาริโกะ ทาคาฮาชิ มาไต้หวันได้ 14 ปีแล้ว เหตุที่ เลือกนครไถหนาน เพราะวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่เป็นไปอย่าง เชื่องช้าสบายๆ และที่นี่ยังมีบ้านสไตล์ญี่ปุ่นเก่าๆ คล้ายกับ บ้านเกิดของเธอ มาริโกะ ทาคาฮาชิในชุดกิโมโนมักทำให้ ผคู้ นทพี่ บเจอรสู้ กึ ราวกบั วา่ ตวั เองกำลงั อยใู่ นนครเกยี วโต ของญี่ปุ่น
ที่น่าสนใจที่สุดคือการเดินสำรวจหาร้านอาหารเก่าๆ ตามตรอกซอกซอยต่างๆ เป็นความเคยชินอย่างหนึ่งของ ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่คนนี้ และเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการ ภาพออกมาว่า ผู้หญิงญี่ปุ่นสวมชุดกิโมโนตลอดทั้งวันคน นี้ ขับขี่มอเตอร์ไซค์ไปมาตามท้องถนนและตรอกซอกซอย น้อยใหญ่ในนครไถหนาน ในกระเป๋าของเธอจะมีชื่อร้าน อาหารเล็กๆ แสนอร่อยที่เพิ่งถูกค้นพบอยู่เสมอและมักเป็น ร้านที่เธอชื่นชอบเป็นการส่วนตัว
การท่องเท่ยี วอีกรูปแบบหน่งึ เรียกกัน ว่า ประสบการณ์ชีวิต
วัฒนธรรมต้องมีการสืบทอดต่อไป เพราะมีการสืบสาน จึงมีการสั่งสมวัฒนธรรมรากฐานของกิจกรรมทาง เศรษฐกจิ ลว้ นมาจากรปู แบบการใชช้ วี ติ ทหี่ ลากหลายของ ผู้คนในท้องถิ่น ที่นครไถหนานเมื่อถึงวันที่ 7 เดือน 7 ตาม ปฎิทินจันทรคติของจีน (ชาวบ้านทั่วไปเรียกกันว่า วันเกิด ของเจ้าแม่เจ็ด) จะมีการจัด"พิธีเข้าสู่วัยหนุ่มสาว ฉลอง อายุครบ 16 ปี" ซึ่งเป็นงานประเพณีเก่าแก่ โดยจะมีการ จัดพิธีดังกล่าวขึ้นที่ศาลเจ้าไคหลง (เขตไท่ผิงจิ้ง) และศาล เจ้าไคไถเทียนโฮ่วกง (เขตอันผิง)
เมื่อถึงวันจัดพิธีเข้าสู่วัยหนุ่มสาวฉลองอายุครบ 16 ปี ของศาลเจ้าไคไถเทียนโฮ่วกง ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอันผิง ชาว บ้านในชุมชนแห่งนี้จะระดมพลมาช่วยงานกันอย่างเต็มที่ ผู้ใหญ่บ้านจะนำจิตอาสาที่เป็นคุณแม่บ้านไปช่วยกันทำ บะหมี่ต๋าหลู่ (打滷麵) เพื่อเตรียมไว้ให้เด็กหนุ่มสาวที่เข้า ร่วมพิธีตั้งแต่ตีสี่ และสิ่งสำคัญที่สุดในพิธีนี้คือ "ซุ้มเจ้า แม่เจ็ด" และ "ซุ้มแม่นก" ซึ่งชาวบ้านในท้องถิ่นจะเป็นผู้ ลงมือทำขึ้นเอง การลอดใต้โต๊ะกับการลอดซุ้มแม่นก มี ความหมายว่าหนุ่มสาวเหล่านี้ พ้นจากการคุ้มครองของ เจ้าแม่เจ็ด เด็กๆ ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว พิธีนี้จัดอย่าง เป็นเกียรติและยิ่งใหญ่ หลังเสร็จพิธี ทุกคนที่ร่วมพิธีจะได้ ล้มิ ลองรสชาติของบะหม่ตี ๋าหล่ทู ่มี ีวัตถุดิบมากมายหลาย อย่าง และมีรสหวานนิดๆ ตามสไตล์อาหารว่างของชาว ไถหนานคนละหนึ่งชาม
พูดถึงอาหารเลิศรส ไถหนานเป็นเมืองแห่งอาหารว่าง เลิศรสมากมาย ย่านสือจิงจิ้ว และย่านถนนซินเหมยเจ ลว้ นเปน็ สถานทที่ ปี่ รากฏในงานเขยี นเกยี่ วกบั วถิ ชี วี ติ ชาว เมืองไถหนานของนักเขียนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นข้าวเหนียว นึ่งทรงเครื่อง ราดหน้าปลา บะหมี่ต้านไจ่ ผัดปลาไหล ซุปเนื้อวัวสด ลวกเครื่องในสัตว์ ซาลาเปาหวานทอด และอาหารว่างราคาย่อมเยาที่ผู้คนทั่วไปชื่นชอบอื่นๆ อีก มากมาย ที่นี่มีขายทั้งนั้น
นอกจากอาหารเลิศรสแล้ว ย่านถนนจินไห่ลู่ ซึ่งในอดีต มีชื่อเรียกกันทั่วไปว่า ย่านห้าท่าเรือ (五條港) ประกอบ ด้วยท่าเรืออันไห่ ท่าเรือหนานเหอ ท่าเรือหนานซื่อ ท่า เรือฝอโถว และท่าเรือซินกั่งเฉียนกั่ง นับจากที่มีการ รณรงค์ให้ปรับปรุงถนนไห่อันล่ใู ห้เป็นถนนแห่งศิลปะเม่อื ปี ค.ศ.2005 เป็นต้นมา ที่นี่ได้กลายเป็นต้นแบบของการ บูรณะซ่อมแซมอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ในนครไถหนาน เลียบถนนไห่อันลู่ไปจะบรรจบกับถนนหมินฉวนลู่ หมินเซิง ลู่ โหย่วอ้ายลู่ เสินหนงลู่และถนนสายอื่นๆ อีกหลายสาย บ้านเก่าในซอยหลังผ่านการบูรณะซ่อมแซมแล้วกลาย เป็นสตูดิโอของบรรดาศิลปินต่างๆ และโฮมสเตย์ที่มี เอกลักษณ์พิเศษ ในช่วงวันหยุดยาวแทบจะไม่มีห้องพัก ว่างเหลืออยู่เลย
จากศาลเจ้าสุ่ยเซียนกง (ย่านตลาดหย่งเล่อ : 永樂市 場) เริ่มต้นที่ถนนกั๋วฮวาเจไปจนถึงถนนเจิ้งซิงเจ (ย่าน ตลาดซี : 西市場) จะได้เห็นบ้านเก่าที่นำมาตกแต่งใหม่ ทำเป็นร้านกาแฟ ร้านไอศกรีม และบูติคโฮเต็ลมากมาย ซงึ่ ลว้ นแลว้ แตเ่ ปน็ ฝมี อื ของคนรนุ่ ใหมท่ เี่ กดิ ในยคุ ทศวรรษ 1980 และ 1990 ทั้งนั้น ปัจจุบันย่านนี้ได้กลายเป็นจุด ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ให้มา เยือนนครไถหนานและยังได้กลายเป็นกระแสความนิยมใน วงการท่องเที่ยวของเมืองหลวงเก่าแห่งนี้ด้วย
*ม่อกว่างติง (末廣町 Suehirocho) ย่านเศรษฐกิจการค้าในนคร ไถหนานยุคญี่ปุ่นยึดครอง
*ย่านกินซ่าเป็นย่านเศรษฐกิจและแหล่ง ชอปปิ้งชื่อดังของกรุงโตเกียว