หนานซื่อเจี่ยว เขตจงเหอ เมืองนิวไทเป เป็นชุมชนของคนพม่าที่ย้ายมาอยู่ไต้หวัน และในซอยถนนซิงหนานมีตึกเก่าสามชั้น ได้เปิดเป็นร้านหนังสือในเดือนเมษายนของปีค.ศ. 2015 หลังปรับปรุงและจัดสภาพใหม่ ภายในร้านเต็มไปด้วยบรรยากาศวรรณศิลป์ และแนวทางความคิดซึ่งสอดคล้องกับชุมชนในละแวกนี้ ร้านหนังสือช้านหล้านสือกวางนี้เป็นร้าน้าหนังสือเกี่ยวกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นผลงานชิ้นล่าสุดของผู้ก่อตั้งจางเจิ้ง ที่จัดตั้งขึ้นหลังหนังสือพิมพ์ซื่อฟัง ชั่งซื่อฟัง โครงการไหว้ผ๋อเฉียว และรางวัลวรรณกรรมของกลุ่มแรงงานต่างชาติ
ทำไมถึงเป็นร้านหนังสือ จางเจิ้งสนใจและได้เข้าไปทำงานเกี่ยวกับปัญหาแรงงานต่างชาติเป็นเวลานาน เขารำลึกถึงความรู้สึกที่เงียบสงบ อยู่ในร้านหนังสือทั้งวัน ในช่วงเวลาที่เขาเรียนภาษาที่เวียดนาม หลังจากกลับประเทศ เขาได้เข้าไปทำงานในหน่วยงานเกี่ยวกับสิทธิแรงงานต่างชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขาไม่จำเป็นต้องรู้ภาษาของทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่เขาอยู่กับภาษาเหล่านี้ตลอด เขาได้เจอกับ Erin Cipta ซึ่งเป็นพยาบาลจากประเทศอินโดนีเซีย ในงานรางวัลวรรณกรรมของกลุ่มแรงงานต่างชาติ Erin Cipta เป็นพยาบาลดูแลผู้สูงอายุที่ต้องทำงานทั้งปี ไม่มีวันหยุด เธอรู้สึกเหมือนถูกกักขัง ไม่มีอิสรภาพ Erin บอกว่า “การอ่านทำให้ฉันมีความสุข การเขียนทำให้ฉันมีอิสระ” และจุดนี้ทำให้จางเจิ่งคิดได้ว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถทำให้แรงงานมีความสุขกับการได้อ่านหนังสือ
เขาเริ่มวางแผนจากแนวคิดของร้านหนังสือเคลื่อนที่ และได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนๆ เขาได้ตั้ง “ฐาน” ของตัวเอง คือ “ช้านหล้านสือกวาง ร้านหนังสือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
ไม่ใช่เพียงแค่ร้านหนังสือ แต่ยังเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จางเจิ้งยิ้มแล้วพูดว่า ความคิดที่อยากเปิดร้านหนังสือแวบเข้ามาในสมอง เขาจึงเข้าไปขอพรกับเหล่าเทพในเฟซบุ๊กว่า อยากได้ที่ทำเลดีๆเหมาะกับการเปิดร้านหนังสือ วันรุ่งขึ้นมีเพื่อนเดินผ่านมหาวิทยาลัยชุมชนจงเหอ และเห็นป้ายประกาศให้เช่า อาคารเก่าและต้องปรับแต่งหลายที่ ด้วยสองมือ ความคิดความสร้างสรรค์ของผู้อาสาทั้งหลาย ช้านหล้านสือกวางได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
ปัจจุบัน ชั้นที่หนึ่งของช้านหล้านสือกวางเป็นห้องสมุด ผนังด้านขวาเป็นภาพวาดป่าไม้เมืองร้อนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่คุณแม่จางเจิ้งวาดขึ้นมา อยากให้ผู้อ่านได้อ่านหนังสือในสิ่งแวดล้อมที่เขียวขจี ด้านซ้ายเป็นภาพวาดพระพิฆเนศที่ผู้อาสาAlexและลูกสาววาดขึ้นมา วันเปิดตัวร้านหนังสือตรงกับวันสงกรานต์ พื้นหลังสีฟ้าตัดกับรูปช้างที่กำลังพ่นน้ำ หยดน้ำที่พ่นออกมาเป็นธงชาติของประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เวลาเดินเข้าร้านจะสะดุดตากับภาพนี้ ที่ร้านมีการจัดกิจกรรม “ห้องสมุดมนุษย์”เป็นประจำ เชิญชวนผู้เชี่ยวชาญทุกวงการมาแลกเปลี่ยนและแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ชั้นที่สองเป็นที่สำหรับฉายหนังและปาฐกถา และในอนาคตวางแผนจะจัดเป็นเวทีสำหรับฝึกซ้อมและจัดแสดง ชั้นที่สามเป็นห้องเรียนภาษา นอกจากจะส่งเสริมให้ชาวต่างชาติได้เป็นผู้สอนหน้าห้องได้เสริมสร้างความมั่นใจ และยังสามารถทำให้คนไต้หวันได้เรียนรู้ภาษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย ปัจจุบันได้เปิดคอร์สสอนภาษาเวียดนาม อินโดนีเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์และไทยแล้ว
นำหนังสือที่คุณอ่านไม่รู้เรื่องกลับมาไว้ที่ไต้หวัน
หนังสือในร้านส่วนหนึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกส่วนหนึ่งเป็นหนังสือที่ผู้มีน้ำใจนำกลับมาจากประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ต้นปีค.ศ. 2015 เพื่อที่จะให้แรงงานต่างชาติมีหนังสืออ่าน จางเจิ้งจัดกิจกรรม “นำหนังสือที่คุณอ่านไม่รู้เรื่องกลับไต้หวัน” อยากให้แต่ละคนไม่ว่าไปท่องเที่ยว ไปทำงาน หรือไปเป็นอาสาสมัครที่ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้นำหนังสือเล่มหนึ่งในประเทศนั้นกลับมาไต้หวันด้วย ไม่ว่าเป็นเล่มใหม่หรือมือสอง กิจกรรมนี้ได้รับการตอบรับอย่างมาก ในร้านมีนักท่องเที่ยวนำหนังสือมาฝากเรื่อยๆ บนชั้นวางหนังสือมีโดราเอมอน โคนันฉบับเวียดนาม ดวงจันทร์ลืมฉันของจิมมี่ในฉบับไทย แล้วยังมีเจ้าชายน้อยในฉบับไทย เวียดนาม กัมพูชา หนังสือเหล่านี้ต่างเป็นหนังสือที่ผู้มีน้ำใจแบกกลับมาจากต่างประเทศ และอยากให้แรงงานต่างชาติมีโอกาสได้อ่าน
นอกจากนี้ ยังได้รับหนังสือจากที่ต่างๆ เราเคยได้รับพัสดุไปรษณีย์จากองค์กรNGOระหว่างประเทศที่ส่งมาจากประเทศกัมพูชา องค์กรนี้ได้รับข่าวจากก่อนหน้านี้ว่าไต้หวันมีกิจกรรมรับบริจาคหนังสือ เลยส่งหนังสือแบบเรียนกัมพูชามาให้กล่องหนึ่ง ความสัมพันธ์ของไต้หวันกับแต่ละประเทศก็แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเพราะหนังสือเหล่านี้
ให้ยืมแต่ไม่ขาย เพื่อให้แต่ละคนมีโอกาสอ่านหนังสือมือสองเหล่านี้
ช้านหล้านสือกวางมีกฎพิเศษที่ไม่เหมือนร้านหนังสือทั่วไป คือ หนังสือในร้านยืมได้แต่ไม่ขาย ไม่เหมือนหอสมุดทั่วไป ระยะเวลาให้ยืมอ่านไม่จำกัด และไม่เหมือนร้านเช่าหนังสือทั่วไป ที่นี่คืนเงินค่ามัดจำทั้งหมด ไม่เสียค่าเช่ายืมและค่าบริการ
เพื่อที่จะให้คนยืมหนังสือคนก่อนและหลังได้สื่อสารผ่านหนังสือ รู้สึกถึงความอบอุ่นซึ่งกันและกัน ผู้อ่านสามารถจดบันทึก ขีดเขียนหรือวาดลงบนหนังสือได้
หนังสือในร้านช้านหล้านสือกวาง ให้ยืมแต่ไม่ขาย ผู้อ่านจ่ายค่ามัดจำแล้วเช่ายืมหนังสือ ไม่จำกัดระยะเวลาให้ยืม เวลาคืนหนังสือยังได้รับค่ามัดจำคืนทั้งหมด นี่คือวิธีแลกเปลี่ยนหนังสือที่จางเจิ้งคิดค้นขึ้นมา
วิธีนี้ นอกจากจะแบ่งเบาภาระของเหล่าแรงงานต่างชาติและผู้ย้ายมาอยู่ใหม่แล้ว ยังสามารถทำให้แต่ละคนมีโอกาสได้อ่านหนังสือมือสองเหล่านี้ จางเจิ้งคิดว่า หนังสือไม่เหมือนสินค้าอื่นๆที่ใช้แล้วก็เสื่อมสภาพ หนังสือมือสองนอกจากไม่เสื่อมสภาพแล้ว จากการบันทึก แบ่งปันและเอาใจใส่ของผู้อ่าน หนังสือจะมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น เพราะเหตุนี้เขาเลยอยากให้ทุกคนเขียนบันทึก และขีดเขียนวาดลงในหนังสือ ทุกคนสามารถแลกเปลี่ยนความคิด พูดคุยสื่อสาร เหมือนนำโซเชียลมีเดียในโลกออนไลน์มาใช้ในโลกแห่งความจริงบนหนังสือเหล่านี้ ให้ผู้อ่านคนก่อนและหลังสื่อสารผ่านหนังสือ รู้สึกถึงความอบอุ่นซึ่งกันและกัน และอยากให้ผู้อ่านมารวมตัวกันในร้านหนังสือ
ผลิดอกแผ่กิ่งก้าน สมาพันธ์การอ่านแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ฐานลับช้านหล้านสือกวาง มักมีคนที่สนใจเข้ามาดู ผู้คนที่มีความชอบเหมือนกันก็มารวมตัวกันที่นี่ รอบข้างก็มีแหล่งทรัพยากรมาจากที่ต่างๆ
ผู้อาสาในร้าน Lily บอกว่า วันก่อนมีพี่ทีมงานจัดการพิเศษของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมาที่ร้าน แล้วเขาอยากได้หนังสือเวียดนามให้แรงงานต่างชาติในบ้านรับรองได้อ่าน พี่เขาบอกว่าคนในบ้านรับรองไม่มีอะไรให้ทำ พวกเขากระวนกระวายใจมาก หลังจากที่พี่เขาเอาหนังสือพิมพ์ซื่อฟางให้เหล่าแรงงานได้อ่าน สายตายอันงุนงงก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา หลังจากที่นำเรื่องนี้ไปลงในเฟซบุ๊ก มีผู้คนสนใจและได้รับการตอบรับอย่างมาก ไอเดีย “บ้านรับรองของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทุกที่มีตู้เก็บหนังสือประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ได้รับการสนับสนุนจากทีมงานการจัดการพิเศษ หวังว่าอีกไม่นานในวันข้างหน้า บ้านรับรองของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทุกที่ จะติดตั้งตู้เก็บหนังสือประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้แรงงานต่างชาติได้อ่านหนังสืออย่างมีความสุข
แค่ช้านหล้านสือกวางที่เดียว ที่เป็นร้านหนังสือเคลื่อนที่ยังไม่เพียงพอ แต่ยังต้องมีการขยายกิ่งก้านออกไปในวงกว้างยิ่งขึ้น จางเจิ้งก่อตั้งสมาพันธ์การอ่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขึ้นตามที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ว่างเจี้ยนซูเจียนที่เถาหยวน ร้านเต่าฮูเช่อที่เจียอี้ ร้านบะหมี่เนื้อติ่งลิ่วที่ไถจงจงผู่ ร้านของชำตงหลงที่ตงซื่อ 102อี๋ต้งเอ๋อร์ี่ที่โฟงหยวน ร้านอาหารวู่หมันของอาหลานที่ซินจู๋ และที่หนานฟางเอ้าของอี๋หลานก็มีร้านหนังสือสำหรับชาวประมง ให้เหล่าแรงงานต่างชาติได้อ่านหนังสือได้อย่างเพลิดเพลิน ไม่ว่าร้านบะหมี่ ร้านอาหารหรือร้านของชำ ก็สามารถเป็นสถานที่อ่านหนังสือได้ ร้านหนังสือไม่จำเป็นต้องคงที่ตายตัวและเหมือนกันทุกร้าน ให้ทุกคนเข้าสู่โลกแห่งการเรียนรู้ได้ตลอดเวลา
ที่ยิ่งกว่านั้นคือ แรงงานอินโดนีเซียได้ไอเดียจากจางเจิ้งและช้านหล้านสือกวาง พวกเขาก่อตั้งสมาคมส่งเสริมการอ่าน(GEMAS, Gerakan Masyarakat Sadar Baca Dan Sastra) พวกเขานัดหมายกันไว้ว่า หากหมดสัญญาแล้ว จะช่วยกันก่อตั้งห้องสมุดประชาชนในบ้านเกิดตัวเอง ให้ความรู้และปัญญาหยั่งรากลึกที่ชนบท
Erinเป็นแรงงานชาวอินโดนีเซีย และเป็นสมาชิกของGEMAS เคยทำงานเป็นพยาบาลดูแลผู้สูงอายุ ปีนี้เธอได้กลับมาไต้หวันอีกครั้ง เพราะได้รับรางวัลวรรณกรรมของกลุ่มแรงงานต่างชาติ นอกจากจะมารับรางวัลแล้ว เธอยังนำหนังสือเต็มกระเป๋าเดินทางมาท ี่ช้านหล้านสือกวาง เธอแบ่งปันหนังสือที่เธอเอามาอย่างมีความสุข ร้านหนังสือที่ Erin จัดเตรียมที่บ้านเกิดของเธอก็ได้เปิดตัวแล้ว เธอบอกว่า “เพราะวุฒิการศึกษาไม่พอเลยถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าห้องสมุด เหตุนี้เธอจึงก่อตั้งห้องสมุดขึ้นมาเอง” และได้รับบริจาคหนังสือ60กล่องจากที่ต่างๆ ตอนนี้ก็จัดวางบนตู้หนังสือเรียบร้อย พร้อมต้อนรับเพื่อนๆเข้าไปอ่านได้เลย
อยากให้สังคมรับอาสาดูแล ร่วมสุขกับช้านหล้านสือกวาง
ปัจจุบัน ลูกค้าชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มาในร้านไม่ถึง10% เพราะพยาบาลดูแลผู้สูงอายุไม่ค่อยมีวันหยุด และร้านหนังสือก็ไม่ได้อยู่ใกล้ที่ทำงานหรือที่พักของเหล่าแรงงาน เพราะเหตุนี้จางเจิ้งเลยอยากให้มีร้านหรือจุดบริการเพิ่มขึ้นในอนาคต ให้แรงงานชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไต้หวันมีหนังสือได้อ่าน
เมื่อถามถึงการดำเนินการของร้านหนังสือ จางเจิ้งตอบอย่างไร้กังวลว่า เขาเปิดร้านหนังสือไม่ใช่เพื่อทำผลกำไร แต่เขาอยากเป็นตัวแทน ให้ไต้หวันและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ศึกษาวัฒนธรรมซึ่งกันละกัน ได้รู้จักและเข้าใจกันมากยิ่งขึ้น ปฎิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ในวันที่สัมภาษณ์ จางเจิ้งวางแผนจะไปเยี่ยมดูผู้สูงอายุใกล้ร้าน ผู้สูงอายุคนนี้เขาอยากรู้แนวทางความคิดของร้านหนังสือ และมีความต้องการที่จะลงทุนอาสาดูแลร้านหนังสือ และนี่อาจเป็นแนวทางการดำเนินการของร้านหนังสืออย่างต่อเนื่อง การรับบริจาคเช่นนี้กำลังเป็นที่นิยม หลายคนต่างนำโจทย์และปัญหาของสังคมมาเป็นข้อคิดและแนวทาง มาพัฒนาให้สังคมน่าอยู่ยิ่งขึ้น เช่นนำหนังสือที่คุณอ่านไม่รู้กลับไต้หวัน หรือรับอาสาดูแลร้านหนังสือร้านหนึ่ง เหมือนสุภาษิตอินโดนีเซียที่จางเจิ้งพูดถึง ทุกคนต่างสามารถเป็นแสงสว่างในความมืดมนได้
ร้านหนังสือชื่อช้านหล้านสือกวาง ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือช้านหล้านสือกวางที่รำลึกถึงอาจารย์ลูซี่ผู้ซึ่งได้ล่วงลับไปแล้ว จางเจิ้งบอกว่า ร้านช้านหล้านสือกวางมีไว้เพื่อให้เหล่าแรงงานได้อ่านหนังสืออย่างเพลิดเพลิน เป็นเวลาที่แพรวพรายและอัศจรรย์ และสำหรับคนไต้หวัน เมื่อเข้ามาในร้านได้เปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น เห็นวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนกัน เปิดโลกทัศน์์สู่วัฒนธรรมที่ไม่ซ้ำแบบ ให้คนไต้หวันได้มีช่วงเวลาที่แพรวพรายและอัศจรรย์เช่นกัน์