บ้านทรงจีนโบราณที่เรียบง่าย คฤหาสน์สีน้ำเงินสลับขาวผสมผสานสถาปัตยกรรมตะวันออกกับตะวันตกและบ้านสไตล์ญี่ปุ่น บ้านเก่า 3 หลังต่างสไตล์ ได้บันทึกเรื่องราวของบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์จีนยุคใกล้ 3 คน ซึ่งได้แก่ อินไห่กวง (殷海光) นักวิชาการเสรีนิยม หลินอวี่ถัง (林語堂) กวีชื่อดังและนักวิชาการด้านจีนศึกษา และเหลียงสือชิว (梁實秋) นักประพันธ์ที่มีชื่อเสียง ระหว่างที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในไต้หวัน
บ้านอินไห่กวง (殷海光故居)
เยือนบ้านคลาสสิก พบร่องรอยนักปราชญ์
หากคุณมีโอกาสเหยียบย่างไปตามตรอกซอกซอยของถนนไท่ซุ่น ในกรุงไทเป จะต้องได้เห็นบ้านพักที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของญี่ปุ่นหลังหนึ่ง ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางสวนขนาดใหญ่ ที่นี่เคยเป็นบ้านพักของอินไห่กวง นักเสรีนิยมที่มีชื่อเสียง เขาเป็นผู้ลงมือก่อสร้างด้วยตนเองหลังขออนุญาตจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน (NTU) และได้พำนักอาศัยอยู่ที่นี่ ตั้งแต่ปีค.ศ.1969 จนกระทั่งเสียชีวิต นับเป็นสถานที่ที่อินไห่กวงพำนักอาศัยอยู่ยาวนานที่สุด หลังจากเดินทางมาใช้ชีวิตในไต้หวัน
อินไห่กวงเป็นนักวิชาการเสรีนิยม (Liberalism) คนสำคัญในยุคทศวรรษที่ 1950 และ 1960 ชั่วชีวิตของเขายึดมั่นแนวคิดแบบเสรีนิยม ไม่เกรงกลัวอำนาจใดๆ กล้าวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่ไม่ถูกต้อง จนกลายเป็นต้นแบบของปัญญาชนในยุคนั้น เขาได้ร่วมกับหูซื่อ (胡適) และเหลยเจิ้น (雷震) จัดทำนิตยสารด้านการเมืองชื่อ FreeChina นับว่าเป็นผู้มีคุณูปการต่อประชาธิปไตยของไต้หวันเป็นอย่างมาก
สระน้ำเล็กๆ ในสวน อินไห่กวงทำขึ้นสำหรับลูกสาวของเขาที่ลืมตาดูโลกได้ไม่นาน หลังเข้ามาพำนักอาศัยในบ้านหลังนี้ ซึ่งมีพื้นที่ไม่ถึง 30 ผิง หรือประมาณ 99 ตารางเมตร (坪 เป็นหน่วยวัดพื้นที่ของไต้หวัน 1 ผิง = 3.3 ตารางเมตร) อินไห่กวงได้ใช้ห้องที่มีแสงแดดสาดส่องอย่างเต็มที่และมีพื้นที่กว้างที่สุดในบ้านมาทำเป็นห้องสมุดส่วนตัว
กาลเวลาล่วงเลยไป ปัจจุบันภายในห้องสมุดได้จัดวางภาพถ่ายเก่าๆ ต้นฉบับหนังสือและจดหมายต่างๆ เพื่อย้อนรำลึกถึงเรื่องราวในอดีต จดหมายที่นำมาจัดแสดงมีจดหมายที่อินไห่ กวงเขียนโต้ตอบกับอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ที่โด่งดังของโลกและเบอร์ทรันด์ รัสเซลล์ นักปรัชญาคนสำคัญของอังกฤษรวมอยู่ด้วย นอกจากนี้ ยังมีบทความที่นำลงตีพิมพ์ในนิตยสาร FreeChina ซึ่งสะท้อนถึงแนวคิดด้านประชาธิปไตยและเสรีนิยมของอินไห่กวง
ในปีค.ศ.2016 บ้านเก่าที่เคยเงียบสงบแห่งนี้ ถูกปรับปรุงใหม่ด้วยการเติมส่วนประกอบแห่งความสดใสลงไป โดยหวังเปลี่ยนแปลงรูปแบบบ้านบุคคลสำคัญในอดีตที่มักจะดูเคร่งขรึมให้มีชีวิตชีวาขึ้น อันเป็นแนวคิดของผู้ช่วยศาสตราจารย์หลู่กุ้ยเสี่ยน (魯貴顯) จากคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยฝู่เหริน (Fu Jen Catholic University : FJU) ที่เข้ารับตำแหน่งเลขาธิการมูลนิธิเพื่อการศึกษาอินไห่กวงเมื่อปีค.ศ.2015 ยิ่งไปกว่านั้นยังเปิดให้กลุ่มศิลปินต่างๆ เข้าไปจัดแสดงผลงาน อาทิ Bio Apartment จัดแสดงเรื่องราวชีวิตและผลงานของอินไห่กวง หรือ Kiwifruitstudio ผุดไอเดียจัดทำเกมแนว Augmented Reality นอกจากนี้ยังมี City Game Studio จากนครไถหนานอีกด้วย
บ้านหลินอวี่ถัง (林語堂故居)
ผสมผสานสถาปัตยกรรมจีนกับตะวันตก เผยโฉมบุคลิกภาพนักปรัชญา
บ้านหลินอวี่ถังออกแบบและก่อสร้างโดยหวังต้าหง (王大閎) สถาปนิกผู้โด่งดัง เปิดให้เข้าชมได้อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในปีค.ศ.2002 ภายใต้การกำกับดูแลของกองวัฒนธรรม กรุงไทเป และเป็นบ้านบุคคลสำคัญในอดีต หนึ่งในสามแห่งแรกของกรุงไทเปที่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้าชมได้ จากช่วงแรกที่ใช้ทำเป็นห้องสมุด ปัจจุบันอนุญาตให้ใช้เป็นสถานที่จัดสัมมนาด้านวรรณกรรมและกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับเด็กและผู้ปกครอง ซึ่งทำให้ผู้คนทั่วไปมีโอกาสสัมผัสกับวิถีชีวิตของหลิน อวี่ถังที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขันและความโรแมนติกอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น
ผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้แก่หลินอวี่ถัง นักวรรณกรรมและนักวิชาการด้านจีนศึกษา และเป็นผลงานที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายคือหนังสือเรื่อง Moment in Peking《京華煙雲》(หนังสือเล่มนี้มีฉบับแปลภาษาไทย ชื่อ เรื่องรักในปักกิ่ง) The Importance of Living《生活的藝術》และ The Life and Times of Su Tungpo《蘇東坡傳》 ชั่วชีวิตของหลินอวี่ถังได้แต่งหนังสือไว้ 80 กว่าเล่ม ถือเป็นนักเขียนชาวจีนเพียงไม่กี่คนที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษแต่งหนังสือและสร้างชื่อเสียงโด่งดังในต่างประเทศ
หลินอวี่ถังตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตในไต้หวัน หลังจากพำนักอาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกาเป็นเวลาหลายปี เขาเลือกไปปลูกคฤหาสน์ทาผนังสีขาว มุงกระเบื้องสีน้ำเงินบนภูเขาหยางหมิงซาน (陽明山) สาเหตุเพราะในวัยเด็กหลินอวี่ถังอาศัยอยู่ในมณฑลฝูเจี้ยน ต่อมาย้ายไปอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ช่วงเวลานี้เองที่เขามีโอกาสได้พบเห็นสถาปัตยกรรมแบบสเปน ซึ่งทำให้เขาประทับใจไม่รู้ลืม เมื่อเดินทางกลับมาไต้หวันในปีค.ศ.1965 เขายังคงนึกถึงบ้านสไตล์สเปนที่เคยเห็นในเซี่ยงไฮ้สมัยที่เป็นเด็ก ประกอบกับสไตล์การออกแบบสถาปัตยกรรมของหวังต้าหงมักจะมีบริบทของตะวันออกผสมผสานอยู่ด้วยเสมอ และนี่คือที่มาของบ้านหลินอวี่ถังที่เราได้เห็นกันในปัจจุบัน
กิจกรรมที่จัดขึ้นอย่างครึกครื้นเป็นประจำทุกเดือนและทุกสัปดาห์ในบ้านหลินอวี่ถัง มักจะใช้เรื่องราวชีวิตประจำวันที่น่าสนใจและเต็มไปด้วยอารมณ์ขันของหลินอวี่ถังมาเป็นหัวข้อในการจัดกิจกรรม จากการที่หลินอวี่ถังชอบทานปอเปี๊ยะสด (潤餅) ดังนั้นเมื่อถึงช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิและต้นฤดูร้อนจะมีการจัด "เทศกาลปอเปี๊ยะสด" โดยได้เชิญชวนเด็กเล็กและเด็กโตมาร่วมกิจกรรมห่อปอเปี๊ยะสดกัน นอกจากนี้ ยังมีการนำเอาข้อความบางตอนในหนังสือเรื่อง The Importance of Living ที่สอดแทรกปรัชญาชีวิตมาพิมพ์ลงบนกล่องคุกกี้นำโชค เพื่อให้ผู้คนทั่วไปที่ได้ลิ้มชิมรสขนมคุกกี้ชนิดนี้ได้รับรู้โวหารอันคมคายของหลินอวี่ถังไปด้วย
กิจกรรม "เหอเล่อน้อยผจญภัย" เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่จัดขึ้นในบ้านหลินอวี่ถัง ซึ่งได้ใช้สมญาของหลินอวี่ถังคือ "เหอเล่อ" (和樂) มาตั้งเป็นชื่อกิจกรรม โดยได้จัดร่วมกับ Garden 91 (草山玉溪) บ้านเฉียนมู่ (錢穆故居) และพิพิธภัณฑ์ซุ่นอี้ (順益博物館) ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน ในปีค.ศ.2016 ยังร่วมมือกับบ้านเก่าของบุคคลสำคัญอื่นๆ อาทิ เฉียนมู่ เหลียงสือชิว (梁實秋) หลี่ีกั๋วติ่ง (李國鼎) และซุนยุ่นเสวียน (孫運璿) วางแผนจัด "นิทรรศการจดหมายเหตุ" ขึ้นในช่วงกลางปีนี้
"อารมณ์ขัน" คือส่วนสำคัญในชีวิตของกวีเอกผู้นี้ ชีวิตของหลินอวี่ถังเต็มไปด้วยสีสันที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง หากคุณมีโอกาสได้อ่านหนังสือเรื่อง The Importance of Living ก็จะรู้ว่าปรัชญาชีวิตของหลินอวี่ถังก็คือ slow life
ลองไปชมบ้านหลินอวี่ถังสักครั้ง คุณจะรู้สึกได้ถึงความสุขที่เกิดจากตัวเราเอง โดยไม่ต้องอาศัยปัจจัยภายนอกอื่นๆ มาช่วยเลยแม้แต่น้อย
บ้านเหลียงสือชิว (梁實秋故居)
อนุรักษ์บ้านเก่า สืบทอดจิตวิญญาณของวัฒนธรรม
ชื่อเสียงของเหลียงสือชิว เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะที่เป็นผู้แต่งพจนานุกรมอังกฤษ-จีน และแบบเรียนภาษาอังกฤษชั้นมัธยมศึกษา อีกทั้งยังเป็นผู้ที่นำเอาระบบการถอดเสียงภาษาอังกฤษแบบ KK (Kenyon and Knott) มาใช้ในไต้หวันถือเป็นผู้ที่มีคุณูปการต่อการศึกษาภาษาอังกฤษของไต้หวันอย่างใหญ่หลวง บ้านพักของเหลียงสือชิวสมัยที่เป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัย NTNU (National Taiwan Normal University : 國立臺灣師範大學) ได้รับการซ่อมแซมปรับปรุงใหม่และเปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่ปีค.ศ.2010
บ้านหลังนี้ก่อสร้างเมื่อปีค.ศ.1933 ก่อนที่เหลียงสือชิวจะเข้าไปพำนักอาศัย เคยเป็นบ้านพักของโยชิสุเกะ โทมิตะ (Yoshisuke Tomita) อาจารย์สอนภาษาอังกฤษชาวญี่ปุ่นของโรงเรียนมัธยมศึกษาไทโฮกุ (Taihoku High School) หลังไต้หวันหลุดพ้นจากการยึดครองของญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากเดินทางออกจากไต้หวันกลับไปญี่ปุ่น บ้านพักหลังนี้จึงถูกนำมาใช้เป็นบ้านพักอาจารย์ของมหาวิทยาลัย NTNU
แม้เหลียงสือชิวจะพำนักอยู่ที่นี่เป็นเวลาสั้นๆ เพียง 7 ปี ระหว่างปีค.ศ.1952-1959 และต่อมาเขาได้เดินทางไปพำนักอาศัยที่สหรัฐอเมริกา แต่ช่วงเวลาที่เขาพำนักอาศัยอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ เป็นช่วงที่เขาแปลผลงานของวิลเลียม เชกสเปียร์กวีเอกชาวอังกฤษและแต่งพจนานุกรมอังกฤษ-จีนของสำนักพิมพ์ฟาร์อีสต์ (Far East Publishing Company) แม้ต่อมาจะมีอาจารย์คนอื่นๆ เข้าไปพำนักอาศัยในบ้านหลังนี้แทนเขา แต่ทางมหาวิทยาลัย NTNU ซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่ ยังคงให้ความสำคัญกับบ้านพักแห่งนี้มาก จึงได้ลงมือปรับปรุงใหม่ ซึ่งใช้เวลาซ่อมแซมนานถึง 2 ปี บ้านพักเก่าของนักวิชาการและนักประพันธ์คนสำคัญที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่ง อารยธรรมและวิชาการจึงถูกอนุรักษ์เอาไว้ ณ สถานที่เดิม ซึ่งอยู่กลางแหล่งชอปปิ้งที่คึกคักรอบๆ มหาวิทยาลัย NTNU
เสี่ยวหวันจื่อ (小玩子 ชื่อจริง: อู๋จืออิ๋ง 吳姿瑩) ปัจจุบันเป็นผู้รับผิดชอบบริหารจัดการบ้านเหลียงสือชิว เมื่อ 2 ปีก่อนได้ขอเช่าจากมหาวิทยาลัย NTNU โดยหวังว่าจะสืบทอดจิตวิญญาณทางวัฒนธรรมของเหลียงสือชิวให้คงอยู่ต่อไป เธอใช้บ้านหลังนี้เป็นสถานที่จัดงานสัมมนาด้านศิลปวัฒนธรรมและกิจการสาธารณะ
เสี่ยวหวันจื่อกล่าวว่า "การอนุรักษ์บ้านพักบุคคลสำคัญในอดีต นอกจากตัวอาคารและวัตถุสิ่งของต่างๆ ที่จับต้องได้แล้ว สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ การสืบทอดจิตวิญญาณของเขาให้คงอยู่ต่อไป" ดังนั้นหลังจากเข้ามาบริหารได้ 2 ปีกว่า อู๋จืออิ๋งยืนยันที่จะไม่เปิดเป็นร้านขายอาหารหรือเครื่องดื่ม เธอเก็บสถานที่แห่งนี้ไว้เพื่อจัดงานสัมมนาด้านศิลปวัฒนธรรมและกิจการสาธารณะที่เต็มไปด้วยสีสัน และบรรยากาศที่คึกคักจากกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวชีวิตและผลงานของเหลียงสือชิว อาทิ “การประกวดรางวัลวรรณกรรมเหลียงสือชิว” และ “เรียนภาษาอังกฤษในบ้านอาจารย์เหลียง” แล้วยังเคยจัดการแสดงดนตรีโบราณของจีน เช่น ขลุ่ยฉือปา (尺巴)และกู่ฉิน (古琴) การสัมมนานักเล่านิทานและการอ่านคัมภีร์เป็นต้น
กิจกรรมที่น่าสนใจเต็มไปด้วยสีสัน และการสัมมนาต่างๆ ล้วนต้องการสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณด้านสุนทรียศาสตร์ และอารยธรรมที่ถ่ายทอดออกมาผ่านผลงานเรื่อง
หลังตระเวนเยือนบ้านบุคคลสำคัญในอดีต วนเวียนอ่านหนังสือที่เต็มไปด้วยพลังของนักวรรณกรรมและนักปรัชญาชื่อดัง หรือแม้แต่การย่ำเดินไปตามมุมต่างๆ ของบ้านเก่าที่ยัง ทิ้งร่องรอยชำรุดทรุดโทรมให้ได้เห็นอยู่บ้าง ทำให้รู้สึกได้ว่าแม้กาลเวลาจะล่วงเลยไปนานสักเพียงใด เรื่องราวชีวิตของหลินอวี่ถัง เหลียงสือชิวและอินไห่กวง ก็ยังคงนำมาเล่าขานสืบต่อกันไปได้อย่างไม่มีวันจบ