ฝูงนกนางนวลบินผ่านบนท้องฟ้า กองเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่จอดเรียงรายเต็มท่าเรือกำลังขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์สารพัดสีซึ่งกองสูงบนลานกว้างคล้ายตัวต่อปราสาท เรือสำราญจอดเทียบท่าราวตำหนักสูงสง่าตั้งอยู่ในทะเล หากมองจากมุมสูงจะเห็นเมืองแห่งนี้ถูกทะเลโอบล้อมไว้ ทัศนียภาพส่วนใหญ่เป็นภูเขา บ้านเก่าและสิ่งก่อสร้างที่เรียบง่ายมีสีสันหลากหลายเรียงสลับซับซ้อนไปมาตามเชิงเขา อาจทำให้ผู้คนรู้สึกเผลอนึกว่ากำลังอยู่ในเมืองบาร์เซโลนา แต่เมื่อผ่านละอองหมอก สายตามองพลันมองเห็นป้ายเมือง KEELUNG ตั้งตระหง่านเบื้องหน้า สะท้อนแสงแดดเป็นประกาย จึงรู้ว่า ที่นี่คือเมืองจีหลง
ณ เมืองจีหลง แห่งนี้ บรรยากาศยามเช้าเริ่มขึ้นอีกครั้ง เมืองท่าเรือที่บ่มเพาะวัฒนธรรมหลากหลาย ไม่เพียงเหมาะต่อการเดินทาง ยังเหมาะต่อการจอดเรือทอดสมอด้วย
ประวัติศาสตร์ร้อยปี ท่าเรือเก่า เมืองใหม่
เกือบ 100 ปี เมืองจีหลงค่อย ๆ พัฒนากลายเป็นเมืองท่าเรือสำคัญที่สุดทางภาคเหนือของไต้หวัน ด้านเหนือหันสู่ทะเลจีนตะวันออก อีกสามด้านถูกโอบล้อมด้วยภูเขา กลายเป็นดินแดนอ่าวชายฝั่งแห่งหนึ่งที่ส่องแสงเจิดจรัสราวกับไข่มุกทางภาคเหนือของไต้หวัน การค้าและการคมนาคมพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ท่าเรือเมืองจีหลงสร้างขึ้นในรัชสมัยกวงซวี่ (光緒) ยุคราชวงศ์ชิง เป็นท่าเรือพาณิชย์แห่งแรกของไต้หวัน ทำให้การค้าต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการท่าเรือเจริญรุ่งเรืองขึ้น ที่นี่เคยมีคนงานขนถ่ายสินค้าอาศัยอยู่จำนวนมาก เป็นที่ตั้งสถานประกอบการด้านการคมนาคมขนส่ง มีการพัฒนาด้านวัฒนธรรมอาหารการกิน มีร้านสำหรับนั่งจิบชาชมบรรยากาศ สะพานปลาเจิ้งปิน
(正濱) ตลาดปลาขั่นไจ๋ติ่ง (崁仔頂) มีเสียงร้องขายสินค้าดังไม่ขาดสายเรื่อยมา... ที่นี่ยังเป็นชุมชนของทหารที่เคลื่อนย้ายมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ กลุ่มชนชาวฮากกา กลุ่มชนพื้นเมือง และยังมีผู้อพยพจากเมืองอื่นของไต้หวัน คนจำนวนมากเดินทางมาเพื่อขุดทองแสวงโชคสร้างฝัน พวกเขาเชื่อว่าขอเพียงสายน้ำไหลอย่างไม่ขาดสายก็จะมีกินมีใช้ไม่หมดสิ้น ในความรู้สึกของชนรุ่นก่อน ที่นี่เป็นดินแดนสวยงามที่อุดมสมบูรณ์ ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่า ความรุ่งเรื่องที่นี่ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะท่าเรือ แต่เป็นเพราะกลุ่มคนเหล่านี้ต่างหากที่บากบั่นสร้างฝัน เมืองแห่งนี้จึงมีความรุ่งเรืองผ่านมานับร้อยปี
แต่หลังจากที่มีการสร้างท่าเรืออื่นๆ เพิ่มขึ้นในไต้หวัน ปริมาณการขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือจีหลงก็ลดลงเรื่อยมา ประกอบกับการประมงเริ่มมีผลผลิตน้อยลง กิจการเหมืองแร่ปิดตัวลง ทำให้ผู้ที่เข้ามาแสวงโชคลดน้อยลง ทำอย่างไรจึงจะปรับปรุงทรัพยากรทิวทัศน์ธรรมชาติที่หลากหลายและประวัติศาสตร์ที่มากมายในช่วงข้ามศตวรรษ เพื่อให้เมืองจีหลงหลุดพ้นจากความซบเซาของท่าเรือเก่า พลิกกลับมาเป็นท่าเรือที่เป็นศูนย์รวมจิตใจ ชุบเมืองใหม่ให้ตื่นตา ถือเป็นภารกิจสำคัญที่ท้าทายของเทศบาลเมืองจีหลงในปัจจุบัน
การบูรณะพื้นที่ประวัติศาสตร์ เมืองจีหลงที่ยิ่งใหญ่
สเปน โปรตุเกส อังกฤษ ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น ล้วนเคยเข้ามาครอบครองท่าเรือจีหลง ในยุคญี่ปุ่นปกครองไต้หวันได้มีการจัดทำภาพมุมสูงของท่าเรือจีหลง ที่ด้านนอกห้องทำงานของผู้ว่าการเมืองจีหลงได้แขวนภาพแผนที่ผืนใหญ่ 1 ผืน เป็นรูปร่างเมืองจีหลงที่ลอยนูน เมื่อใช้นิ้วชี้เลื่อนไปตามแม่น้ำซาวัน (沙灣溪) มุ่งไปที่เกาะเหอผิง (和平島) ผ่านไปเรื่อยๆ ข้ามป้อมปืนใหญ่ เอ้อซาวัน (二沙灣砲台) ซากหินล้อมฐานปืนใหญ่ต้าซาวัน (大沙灣) ทั้งหมดนี้ก็คือ เขตเมืองเก่ายุคโบราณที่ผ่านคลื่นลมฝนมาอย่างยาวนาน
จุดเด่นในประวัติศาสตร์ก็คือท่าเรือ และท่าเรือก็คือจุดเชื่อมต่อกับทั่วโลก หลินโย่วชัง (林右昌) ผู้ว่าการเมืองจีหลง พูดด้วยรอยยิ้มว่า ท่าเรือจีหลงสร้างขึ้นเป็นเวลา 130 ปีแล้ว พวกเราเคยจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องมากมาย อย่างเช่น ที่ผ่านมามีนิทรรศการพิเศษ ì8 ทัศนียภาพแห่งไต้หวัน (台灣八景) และแผนที่โบราณî โดยหวังว่าจะอาศัยแผนที่โบราณบรรยายโครงสร้างทางประวัติศาสตร์ ช่วยรื้อฟื้นความทรงจำของประชาชนให้รู้จักเมืองจีหลงอีกครั้ง เนื่องจากประวัติศาสตร์ท่าเรือถือเป็นฐานรากสำคัญของการพัฒนาเมืองจีหลงตลอดไป
ในครั้งนี้ได้รับการคัดเลือกจากกระทรวงวัฒนธรรมให้ดำเนินโครงการบูรณะภาพประวัติศาสตร์ในสถานที่ปัจจุบัน โดยได้รับเลือกเป็นโครงการสาธิตในการใช้มรดกทางวัฒนธรรมเป็นแกนหลัก ใช้หลักบริหารพื้นที่ จากจุดขยายเป็นภาพ ขยายเป็นแถบระเบียง นี่คือแนวทางการพัฒนา คาดว่าจะเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของพื้นที่ปัจจุบัน ประวัติศาสตร์ และประชาชน โดยอาศัยการประสานระหว่างส่วนกลางกับท้องถิ่นร่วมกันวางแผนพัฒนา เพื่อให้ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมจากจุดเชื่อมเป็นเส้น ก่อให้เกิดการผสานรวมโครงการของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้ภาพรวมทั้งหมดได้รับการอนุรักษ์ไว้
การเชื่อมโยงสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ บูรณะพื้นที่ประวัติศาสตร์ บรรยายเรื่องราวและภูมิหลังของยุคสมัย เป็นสิ่งที่แตกต่างจากในอดีตที่บรรยายด้วยแกนเวลาเท่านั้น นอกจากนี้ ยังได้เปิดกว้างให้ประชาชนมีส่วนร่วม โดยหวังว่าจะทำให้เกิดแนวความคิดที่หลากหลายขึ้น และเป็นการสร้างความเห็นร่วม อารมณ์ร่วมให้เกิดขึ้นในท้องถิ่น
เรื่องเล่ามากมายภายใต้ เส้นแกนคู่ และฐาน 3 แห่ง
ในเมื่อต้องการบูรณะภาพประวัติศาสตร์ในสถานที่ปัจจุบัน จะต้องเริ่มต้นโดยอ้างอิงข้อมูลในประวัติศาสตร์เมืองจีหลงที่มีมายาวนาน ในยุคที่ญี่ปุ่นปกครองไต้หวัน ภูเขาซวี่ชิว (旭丘) ของเมืองจีหลง ถูกจัดเป็น 1 ใน 8 ทัศนียภาพสุดยอดของไต้หวัน หากพิจารณาภาพแผนที่โบราณแต่ละช่วงจะเห็นได้ว่า ทั้งในยุคสเปน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส หรือฮอลแลนด์ เมืองจีหลงในสายตาของพวกเขาจะเริ่มต้นจากปากอ่าวใหญ่ เพราะฉะนั้นโครงการนี้จะยึดต้าซาวัน (大沙灣) เป็นแกนกลาง ต้าซาวันเป็นจุดชุมชนยุคแรกๆ ของเมืองจีหลง เคยเป็นชายหาดสำหรับเล่นน้ำทะเลเพียงแห่งเดียวของเมืองจีหลง และปัจจุบันยังมีการอนุรักษ์โบราณสถานในยุคราชวงศ์ชิงที่มีความสมบูรณ์ ซึ่งหลงเหลือน้อยนิดในไต้หวัน อย่างสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น สวนสาธารณะสงครามราชวงค์ชิงกับฝรั่งเศส ป้ายอนุสรณ์อุบัติภัยเรือไท่ผิงหลุน (太平輪) ซากหินล้อมฐานปืนใหญ่ต้าซาวัน (大沙灣) หอพักนายทหาร
(基隆要塞司令部) ในยุคญี่ปุ่นปกครองไต้หวัน เป็นต้น
เทศบาลเมืองจีหลงคาดหวังที่จะประสานพื้นที่เกี่ยวโยงเรื่องราวประวัติศาสตร์ของกลุ่มโบราณสถาน เริ่มจากแกนคู่ประวัติศาสตร์ เอ้อซาวัน (二沙灣) และ ภูเขาซวี่ชิว (旭丘) เชื่อมต่อไปยัง 3 ฐาน คือ ต้าซาวัน (大沙灣) เกาะเซ่อเหลียว (社寮) และป้อมปืนใหญ่ไป๋หมี่อ้ง (白米甕) เพื่อให้ประวัติศาสตร์สมบูรณ์มากขึ้น นอกจากจะเป็นการย้อนเรื่องราวในอดีตแล้ว ยังถือเป็นการเชื่อมโยงกับชาวบ้านยุคปัจจุบันด้วย
เกาะเซ่อเหลียว หรือที่ผู้คนอาจจะคุ้นเคยมากกว่าในชื่อ เกาะเหอผิง (和平島) เป็นท่าเรือสำหรับทำการค้ากับต่างประเทศที่เคยรุ่งเรืองในอดีต ในปี 1626 ชาวฮอลแลนด์ ได้สร้างป้อมปราการซานซัลวาดอร์ (Fort San Salvador) ซึ่งทีมนักโบราณคดีจากต่างประเทศเคยเข้ามาขุดสำรวจในปี 2011 และ 2014 โดยในปี 2017 นี้ จะมาทำการสำรวจอีกครั้ง นอกจากนี้ ป้อมปืนใหญ่ไป๋หมี่อ้งทางชายฝั่งตะวันตกก็เป็นจุดสำคัญของการพัฒนาตามโครงการนี้ เทศบาลเมืองจีหลงจะทำให้ชายทะเลทางฝั่งตะวันตกของเมืองจีหลงเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมเพื่อกระตุ้นความเจริญของท้องถิ่น ในแถบนี้เดิมเรียกว่าเมืองฮอลแลนด์ เล่ากันว่าที่นี่มีป้อมตั้งอยู่แล้ว ก่อนที่ราชวงศ์ชิงจะยกเกาะไต้หวันให้กับญี่ปุ่น สิ่งนี้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของไต้หวันในยุคปลายราชวงศ์ชิง ที่ด้านข้างฝั่งตะวันตกของป้อมปืนใหญ่มีปล่องไฟมหึมา 3 ปล่อง ถือเป็นแลนด์มาร์คอีกแห่งหนึ่งของท่าเรือเมืองจีหลง นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งทิวทัศน์ของเมืองจีหลงที่พลาดไม่ได้คือพระอาทิตย์อัสดงไป๋หมี่อ้ง
หลินโย่วชัง (林右昌) ผู้ว่าการเมืองจีหลง ชี้ไปที่แผนที่พร้อมกับเล่าเรื่องความเป็นมาของเมืองจีหลงในอดีต จากเหตุการณ์สงครามจีน-ฝรั่งเศส เมืองจีหลงจึงมีสุสานฝรั่งเศส สุสานอนุสรณ์วีรชน เมื่อถึงเทศกาลสารทจีนแต่ละปี เทศบาลเมืองจีหลงมีการจัดพิธีเซ่นไหว้ดวงวิญญาณชาวต่างชาติ เป็นการปลอบประโลมผู้ที่เคยใช้ชีวิตหรือพลีชีพที่นี่ นอกจากนี้ ในสมัยสงครามเวียดนาม ที่นี่เคยเป็นฐานทัพกองเรือที่ 7 ของสหรัฐ เคยผ่านช่วงที่ธงดาวโบกไสวและมีชาวต่างชาติเต็มท้องถนน
แน่นอนว่าความทรงจำในอดีตเหล่านี้จะต้องอาศัยเทคโนโลยีในปัจจุบันช่วยในการเชื่อมโยง ทางเทศบาลเมืองจีหลงยังวางแผนใช้เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง VR และ AR เพื่อบันทึกมรดกทางวัฒนธรรมที่ผ่านกาลเวลาในอดีต เปรียบเทียบสภาพพื้นที่เก่ากับสถานที่ปัจจุบัน จัดฉากแผนที่เก่าของยุคสมัยที่ต่างกันไว้ในที่เดียวกัน การอาศัยเทคโนโลยีเสมือนจริงจะทำให้การแสดงมรดกทางวัฒนธรรมมีความสมบูรณ์มากขึ้น
สร้างเมืองแห่งเรื่องราวบุคคล วัฒนธรรมและศิลปะ
เผิงจวิ้นเฮิง (彭俊亨) ผู้อำนวยการกองวัฒนธรรม เทศบาลเมืองจีหลง เปิดเผยว่า จีหลงผ่านการพัฒนาที่ยาวนาน ตั้งแต่สมัยที่สเปนและฮอลแลนด์เข้ามาไต้หวัน มาจนถึงปัจจุบันที่จีหลงยังคงเป็นจุดติดต่อกับโลกภายนอกตลอดมา สิ่งที่เทศบาลเมืองจีหลงต้องทุ่มเทในขณะนี้คือการย้อนกลับไปค้นหาประวัติศาสตร์ ซึ่งการบูรณะฟื้นฟู ไม่เพียงแต่จะต้องรวบรวมประวัติศาสตร์ที่กระจัดกระจาย สิ่งที่สำคัญยิ่งคือ จะต้องทำให้ประชาชนในท้องถิ่นยอมรับ และมีความรู้สึกภาคภูมิใจด้วย และเมื่อทุกคนรู้สึกมีส่วนร่วมและมีความเห็นร่วม จึงจะเกิดความหวงแหนต่อผืนแผ่นดินนี้
แน่นอนว่าการบูรณะทางประวัติศาสตร์ไม่ใช่เรื่องง่าย ประวัติศาสตร์ไม่ใช่เรื่องราวที่ทับซ้อนกันเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวพันกับการศึกษา จินตนาการและศิลปะ มีความซับซ้อนหลายชั้น จึงต้องพิจารณาแต่ละเรื่องอย่างรอบคอบ ในภาวะที่กระทรวงวัฒนธรรมไม่ได้กำหนดนโยบายอย่างชัดเจนในการบริหารจัดการพื้นที่มรดกทางวัฒนธรรรมด้านสถาปัตยกรรม ทำให้การใช้งานและการอนุรักษ์มีความยากลำบาก ดังนั้น จะต้องยึดเอาคนเป็นศูนย์กลาง อาศัยการเล่าเรื่อง เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนในปัจจุบันหันมาสนใจประวัติศาสตร์ที่มีการเชื่อมโยงกับสภาพปัจจุบัน ซึ่งจะต้องประสานกันทั้งสองด้าน จึงจะทำให้มรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญเหล่านี้สืบทอดต่อไป และทำให้ประวัติศาสตร์มีชีวิตชีวาน่าสนใจ
ผู้ว่าการหลินโย่วชังชี้ว่า หากพัฒนาท่าเรือจีหลงให้ดี เมืองจีหลงก็จะดีตามไปด้วย เมื่อเมืองจีหลงโดยรวมพัฒนาดีขึ้น ก็จะย้อนกลับมาเกื้อหนุนท่าเรือจีหลงในอนาคต สองสิ่งนี้มีความสัมพันธ์กัน การปรับปรุงผังเมืองรอบสถานีรถไฟเก่าจะทำให้จีหลงที่เสมือนเป็นเกาะไข่มุกแห่งนี้ส่องประกายวาววับมากขึ้น พ่อเมืองจึงหวังว่าประชาชนจะมีส่วนร่วมในการปรับปรุงเมือง การบูรณะฟื้นฟูประวัติศาสตร์ แม้กระทั่งการบรรจุในหลักสูตรของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา เพื่อให้เด็กภูมิใจในบ้านเมืองของเราตั้งแต่ยังเยาว์วัย
ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ และผ่านกาลเวลามานานกว่า 130 ปี เมืองจีหลงที่เผชิญหน้าต่อท้องทะเล กำลังเผชิญหน้ากับตนเอง เพื่อแก้ปัญหาภูมิทัศน์ผังเมือง สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือต้องเข้าใจเรื่องราวของตนเองอย่างลึกซึ้ง จึงจะมีพลังและอาจหาญในการก้าวออกไปสู่โลกกว้าง โครงการบูรณะประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ ถือเป็นการเริ่มต้นครั้งใหม่ อาทิตย์ทอแสงลับลาทะเลสีคราม ขอโบกมืออำลาเรื่องเศร้าในอดีต นาวาเมืองจีหลงลำนี้ เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง มุ่งหน้าสู่อนาคตที่สดใส