จากนักเดินเขากลายเป็นอาสาสมัครประจำขุนเขา
ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางเดินเขาซาข่าตังที่เป็นทางราบและเดินง่าย หรือเส้นทางโบราณจุยลู่ที่ทั้งสูงชันและเปี่ยมไปด้วยอันตราย ต่างก็มีอาสาสมัครคอยดูแลรักษาเส้นทางเหล่านี้ แต่เนื่องจากวิธีการดูแลรักษานั้นเน้นเรื่องการหลอมรวมเข้ากับธรรมชาติ จึงทำให้นักท่องเที่ยวแทบไม่รับรู้ถึงผลงานของพวกเขาเหล่านี้เลย
วีรบุรุษนิรนามเหล่านี้ ได้เข้ามาดูแลรักษาเส้นทางเดินเขาเป็นเวลา 12 ปีแล้ว มีบางคนยังทำหน้าที่เป็นนักอนุรักษ์อาสาสมัครหรือมัคคุเทศก์อาสาสมัครด้วย จนถูกเพื่อนร่วมงานเรียกว่าเป็นพวก “สะเทินน้ำสะเทินบก” คุณหลินกั๋วเหวิน (林國文) ที่ถูกเรียกว่าเฮียสอง ถือเป็นผู้ที่มีประสบการณ์มากที่สุด มีความเชี่ยวชาญในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างสมาชิกในทีม อันมีส่วนช่วยให้การก่อสร้างและงานดูแลรักษาเส้นทางเดินเขาสำเร็จลงได้อย่างราบรื่น เจียงเจิงเหวยเจิน (江曾為真) ที่มีความเชี่ยวชาญทั้ง 3 ด้าน หวังว่าจะสามารถนำเอาเรื่องราวของการสร้างและดูแลเส้นทางเดินเขามาใช้ในการอธิบายให้นักท่องเที่ยวได้ฟังด้วย เพื่อให้พวกเขาเข้าใจถึงหลักการของระบบนิเวศที่อยู่เบื้องหลังการก่อสร้างและการดูแลเส้นทางต่างๆ คุณฟางรุ่ยข่าย (方瑞凱) ซึ่งยังทำหน้าที่เป็นนักอนุรักษ์อาสาสมัครที่อุทยานแห่งชาติหยางหมิงซานด้วย บอกกับเราว่า ทิวทัศน์ของไท่หลู่เก๋อมีความงดงามเป็นอย่างมาก จนทำให้เขาไม่สามารถไปจากผืนแผ่นดินแห่งนี้ได้ ส่วนคุณจางเฉาเหนิง (張朝能) ซึ่งชื่นชอบความท้าทายในการพิชิตเส้นทางเดินเขาที่ยากลำบาก ก็มักจะรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินคำชื่นชมจากเหล่านักท่องเที่ยว
“ก่อนหน้านี้ ตอนที่หัวหน้าทีมกู้ภัยภูเขาได้นำทีมค้นหาและพาเดินไปทางยอดเขาตะวันออกของหนานหู ตอนเข้าไปเป็นช่วงเวลาดึกดื่น แต่ตอนลงเขากลับออกมาฟ้าสว่างแล้ว ถึงได้รู้สึกว่าทางเดินมันกว้างขึ้น ตอนแรกก็นึกว่าเดินผิดทาง แต่สุดท้ายถึงได้รู้ว่า กลุ่มอาสาสมัครดูแลเส้นทางเดินเขาเป็นผู้ที่ทำทางเดินเส้นนี้ขึ้นในวันเดียวกันนั้นเอง”
เมื่อเราถามถึงสาเหตุที่ทั้ง 4 คนตัดสินใจมาเข้าร่วมเป็นสมาชิกของทีมอาสาสมัคร ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องการอุทิศตนเพื่อส่วนรวม “เราทุกคนต่างก็ชอบเดินเขา จึงเป็นผู้ที่ใช้งานเส้นทางเดินเขาเยอะมาก” เจียงเจิงเหวยเจินเคยประสบอุบัติเหตุเดินสะดุดก้อนหินจนข้อเท้าเคล็ด ระหว่างที่เดินไปบึงเจียหมิงหู ดังนั้น หลังจากที่เข้าร่วมทีมอาสาสมัครแล้ว เธอกับสมาชิกในทีมจึงได้เก็บก้อนหินขนาดใหญ่ออกไปจากเส้นทางเดินเขาที่กลับมาจากบึงเจียหมิงหู หรือจางเฉาเหนิงที่ได้ยินว่า มีคนลื่นหกล้มจนได้รับบาดเจ็บที่ภูเขาผิงฟงซานบ่อยครั้ง ก็เข้าร่วมเป็นสมาชิกของทีมงานค้นหาเส้นทางใหม่ของอุทยานแห่งชาติไท่หลู่เก๋อด้วย
หลินกั๋วเหวินเห็นว่า แม้การใช้แรงงานคนในการดูแลรักษาเส้นเดินเขาจะต้องเสียเวลาเป็นอย่างมาก แต่ก็ช่วยดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม เพิ่มความสบาย และช่วยอนุรักษ์ระบบนิเวศ “หัวใจสำคัญของการดูแลรักษาเส้นทางเดินเขาด้วยแรงงานคนก็คือ ใช้วัสดุที่มีอยู่ในพื้นที่ เพราะจะไม่ทำลายระบบนิเวศ และเราจะทำงานจากมุมมองของนักเดินเขา เพื่อทำให้เป็นเส้นทางที่เดินแล้วมีความสะดวกสบายมากที่สุด”
ใช้วัสดุในพื้นที่มาดูแลรักษาเส้นทางเดินเขา
ทีมอาสาสมัครดูแลรักษาเส้นทางเดินเขาจะให้ความสำคัญในการทำงานเป็นทีม แต่ละคนจะพยายามทำในสิ่งที่ตนถนัด หลินกั๋วเหวินจะจับคู่ทำงานร่วมกับฟางรุ่ยข่าย พวกเขาร่วมกันสังเกตพื้นทางเดิน ก่อนจะไปหาหินก้อนใหญ่มา “การจะหาวัสดุมาใช้ ต้องไปหามาจากพื้นที่ซึ่งอยู่ไกลออกไปมากกว่า 20 เมตร โดยห้ามไปทำอะไรกับพื้นที่บริเวณไหล่ทางของทางเดิน” หลินกั๋วเหวินอธิบาย “การทำทางเดินต้องให้ไปตามเส้นทางไหลของน้ำ และทำคูน้ำเพื่อชักน้ำให้ไหลออกไปทางอื่น มิฉะนั้น หากมีน้ำไหลผ่านบ่อย ๆ จะทำให้มีโคลนติดอยู่ตามหน้าดิน ส่งผลให้เหล่านักเดินเขาจะเดินได้ไม่สะดวก” ในขณะเดียวกัน ฟางรุ่ยข่ายก็ยกหินก้อนใหญ่กลับมา ทั้งคู่ช่วยกันคิดว่าจะจัดวางยังไง ก่อนจะฝังก้อนหินลงไปในดินแล้วช่วยกันเคาะให้แตกเพื่อให้เศษหินกลบบนพื้นจนเรียบ “แบบนี้เวลาเหยียบลงไปจะรู้สึกสบายมาก และช่วยไม่ให้เกิดเป็นโคลนขึ้นมาด้วย” หลินกั๋วเหวินกล่าว
ปัจจุบัน การทำเส้นเดินเขาด้วยแรงงานคนบนเส้นทางเดินเขาต้าหลี่ ทำไปได้ 700 เมตรแล้ว ทีมอาสาสมัครจึงขอเชิญชวนเหล่านักท่องเที่ยวว่า นอกจากเส้นทางเดินเขาเต๋อข่าหลุนแล้ว ยังมีเส้นทางต้าหลี่สายนี้ ที่สามารถใช้เดินทางไปยังชุมชนต้าถงและต้าหลี่ แม้ว่าทางเข้าอาจจะอยู่ลึกลับไปสักหน่อย แต่จะทำให้ได้มีโอกาสสัมผัสกับความสะดวกสบายในการเดินเขาจากเส้นทางที่สร้างขึ้นด้วยฝีมือของพวกเขา พร้อมทั้งเรียนรู้ถึงจิตวิญญาณแห่งการอนุรักษ์ระบบนิเวศผ่านเทคนิคที่ใช้ในการสร้าง และทำความรู้จักกับทรัพยากรทางธรณีวิทยาอันอุดมสมบูรณ์ของไท่หลู่เก๋อจากก้อนหินทุกก้อน ไปพร้อมกับชื่นชมความงามของภูมิทัศน์แห่งระบบนิเวศอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร