ชาวฮากกาคือใคร
“เราคือใคร? มาจากไหน? ทำไมจึงเรียกเราว่าชาวฮากกา?” คำถามที่ชวนสงสัยเหล่านี้ จุดประกายให้เราค้นหาคำตอบเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตัวเอง ในช่วงศตวรรษที่ 19 หลังเกิดความขัดแย้งอย่างหนักขึ้นในภาคตะวันออกของมณฑลกวางตุ้งเกี่ยวกับความเป็นชาวฮั่นของชาวฮากกา หลัวเซียงหลิน (羅香林 : 1906–1978) นักประวัติศาสตร์ในยุคปลายราชวงศ์ชิงต้นสมัยสาธารณรัฐจีน ได้ทุ่มเทความพยายามอย่างหนักในการแก้ข้อสงสัยที่มีต่อรากเหง้าของตัวเอง ด้วยการค่อยๆ ค้นหาร่องรอยต่างๆ จากเส้นทางแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนาน อันเป็นก้าวแรกของการเปิดประตูสู่การค้นคว้าวิจัยในเชิงวิชาการ
ดร.สวีเจิ้งกวง (徐正光) อดีตผู้อำนวยการสถาบันวิจัยชาติพันธุ์วิทยา สภาวิจัยแห่งชาติ (Academia Sinica) เห็นว่า “ชาวฮากกาค้นพบความเป็นตัวตนของตัวเองผ่านการปะติดปะต่อทางวัฒนธรรม” ในขณะที่ดร.จางเหวยอัน (張維安) อดีตคณบดีของวิทยาลัยวัฒนธรรมฮากกา มหาวิทยาลัยแห่งชาติเจียวทง (NCTU) ผู้ซึ่งได้รับรางวัลผู้อุทิศตนต่อวัฒนธรรมฮากกาครั้งที่ 7 ก็ให้ความเห็นถึงการเริ่มต้นของการค้นคว้าวิจัยในเชิงวิชาการเกี่ยวกับฮากกาในไต้หวันไว้ว่า “แนวความคิดคือตัวตัดสินผลลัพธ์”
ดร.หลินเจิ้งฮุ่ย (林正慧) ดุษฎีบัณฑิตจากคณะประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน (NTU) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการหอประวัติศาสตร์แห่งชาติ (The Academia Historica) ชี้ว่า “ความคิดเห็นเกี่ยวกับชาวฮากกาของหลัวเซียงหลิน ได้รับอิทธิพลไม่น้อยจากสิ่งแวดล้อมในช่วงเวลานั้น” การค้นคว้าเกี่ยวกับฮากกาของหลัวเซียงหลินเกิดขึ้นเพราะความรู้สึกที่ว่าถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม และหวังว่าจะสามารถใช้จุดยืนทางวิชาการมายืนยันให้เห็นถึงความโดดเด่นและความเป็นชาติพันธุ์เดียวกัน
“คำว่าฮากกา (客家 แปลตรงตัวคือ ผู้เป็นแขก) จริงๆ แล้วเป็นชื่อที่ผู้อื่นใช้เรียกพวกเขา” แนวคิดนี้ได้รับการยืนยันจากการค้นคว้าทั้งทางมานุษยวิทยาและสังคมวิทยา เมื่อเกิดข้อขัดแย้งเกี่ยวกับว่าใครเป็นผู้ที่อยู่ก่อน คำว่าฮากกาจึงถูกสื่อเป็นนัยว่าเป็นผู้ที่ย้ายเข้ามาใหม่ ตามคำเรียกของผู้ที่อยู่มาก่อน ซึ่งก็เหมือนกับเป็นการเข้าใจตัวเองเมื่อมีผู้อื่นชี้ให้เห็น “ผมเติบโตมาในหมู่บ้านชาวฮากกา หากไม่ได้ติดต่อกับโลกภายนอก ก็ไม่รู้เลยว่าฮากกาหมายความถึงอะไร” ดร.จางเหวยอันพูดภาษาหมิ่นหนานไม่ได้ เพื่อนที่โรงเรียนก็ฟังภาษาฮากกาไม่ออก “มีเพียงแต่การได้ติดต่อกับคนกลุ่มอื่นๆ จึงจะรับรู้ได้ถึงความแตกต่างของกันและกัน” ดังนั้น ความเป็นฮากกาแบบเป็นไปตามธรรมชาติจึงกลายมาเป็นชาวฮากกาที่สำนึกในความเป็นฮากกา
ตามแนวคิดทางสังคมวิทยาแล้ว การแบ่งกลุ่มชาติพันธุ์จะเป็นไปตามประวัติศาสตร์และการยอมรับทางวัฒนธรรม ซึ่งในทุกวันนี้ สำหรับชาวฮากกาในไต้หวันแล้ว ไม่ได้มีข้อจำกัดเฉพาะในด้านความสัมพันธ์ทางสายเลือดเท่านั้น ในกฎหมายฮากกาพื้นฐาน จะยึดถือการอธิบายในทางพฤตินัยเป็นสำคัญ ดังนั้น ขอเพียงมีสายเลือดฮากกา หรือมีต้นกำเนิดมาจากฮากกา และมีความสำนึกในความเป็นฮากกา ล้วนเป็นชาวฮากกาได้ทั้งสิ้น
ดร.สวีเจิ้งกวง อดีตผู้อำนวยการสถาบันวิจัยชาติพันธุ์วิทยา สภาวิจัยแห่งชาติ (Academia Sinica) ทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการผลักดันให้ฮากกาศึกษากลายมาเป็นอีกแขนงหนึ่งในทางวิชาการ