สิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะสี่เหลี่ยม เหมือนเป็นภาพย่อส่วนจากประวัติศาสตร์ของมนุษย์ และเป็นเสมือนผลสำเร็จแห่งการพัฒนาของอารยธรรม คนโบราณใช้พู่กัน หมึก กระดาษ และแท่นฝนหมึกในการบันทึกความเป็นไปของประวัติศาสตร์และถ่ายทอดเรื่องราวของวัฒนธรรม แต่ในวันนี้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้ถูกทดแทนด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ เมาส์ และคีย์บอร์ด แน่นอนว่าสินค้า 3C (Computer, Communication & Consumer Electronics) ได้กลายมาเป็นสิ่งจำเป็นบนโต๊ะของทุกๆคนไปแล้ว ขอเพียงกดปุ่มเปิดเครื่อง เหล่าบัณฑิตทั้งหลายไม่จำเป็นต้องออกจากบ้าน ก็สามารถรับรู้เรื่องราวความเป็นไปของโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้หลายปีหลังมานี้ บรรดาผู้ผลิตสินค้าที่เกี่ยวข้อง ต่างก็ได้พยายามที่จะนำเอาการออกแบบและดีไซน์มาใส่ให้กับสินค้าของตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเขียนหรือสินค้าคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เสริมต่างๆ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการใช้งานให้มากยิ่งขึ้น และยังส่งผลให้แบรนด์ไต้หวันเหล่านี้ สามารถมีที่ยืนในเวทีโลก รวมไปจนถึงยังได้รับรางวัลด้านการออกแบบในระดับนานาชาติอย่างมากมายด้วยเช่นกัน
หลังการประกาศผลรางวัลการออกแบบผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมเรดดอทดีไซน์อวอร์ดของประเทศเยอรมนีประจำปี 2016 (Red Dot 2016 Product Design Awards) ซึ่งมีผลงานส่งเข้าร่วมการประกวดมากถึง 5,214 ชิ้นงาน จาก 57 ประเทศทั่วโลก ผลิตภัณฑ์ของบริษัท ASUS ยักษ์ใหญ่วงการ IT ของโลกสัญชาติไต้หวัน สร้างสถิติคว้ารางวัลออกแบบผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมมาได้ถึง 15 รางวัล และพร้อมกันนี้ ผลิตภัณฑ์ของ ASUS ก็ยังโชว์ความสุดยอด ด้วยการคว้ารางวัล iF ของเยอรมนี ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 3 รางวัลด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ดีเด่นที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกมาได้อีก 13 รางวัลด้วย จากไอเดียในการนำเอาการออกแบบมาผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีทาง IT เพื่อรองรับการใช้สอยของผู้บริโภคของ ASUS ทำให้สินค้า 3C ของไต้หวันประสบความสำเร็จในการเข้าสู่ตลาดโลกได้เป็นอย่างดี แถมยังได้รับการยอมรับจากเวทีประกวดด้านการออกแบบในระดับนานาชาติอีกไม่น้อยด้วยเช่นกัน
ทิวทัศน์แบบใหม่บนโต๊ะของผู้คนในปัจจุบัน หนีไม่พ้นภาพของคอมพิวเตอร์ที่เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน ทำให้หลายปีมานี้ ASUS หนึ่งในสามแบรนด์โน้ตบุ๊คคอมพิวเตอร์ (NB) ระดับยักษ์ใหญ่ของโลก ได้ยกให้ศูนย์ออกแบบของบริษัทฯ เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการพัฒนาธุรกิจ นอกจากการออกแบบจะช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้กับผลิตภัณฑ์และช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแบรนด์แล้ว ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคให้เข้าสู่สังคมดิจิทัล ที่เป็นชีวิตอัจฉริยะในแบบสมาร์ทไลฟ์และเปี่ยมไปด้วยความสะดวกสบายมากขึ้น จนทำให้ยอดขายของบริษัทฯ เพิ่มสูงขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
ผนวกจิตวิญญาณแห่งหัตถศิลป์ไว้ในการออกแบบ
ดีไซน์ของคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค (NB) ของ ASUS ในรุ่น ZenBook ที่ออกสู่ตลาดตั้งแต่ปี 2011 จนถึงปัจจุบันนั้น เมื่อพิจารณาจากรูปลักษณ์ภายนอกของผลิตภัณฑ์ในแต่ละรุ่นแล้ว จะดูเหมือนเป็นงานศิลปะ ซึ่งเป็นผลจากนำเอาการออกแบบหัตถศิลป์มาผสมผสานเข้ากับคอมพิวเตอร์ได้อย่างลงตัว
การออกแบบ NB รุ่นนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิดของตะวันออกในแบบเซน (Zen) ด้วยเอกลักษณ์ของลวดลายบนฝาโลหะของเครื่องที่เป็นเส้นวงกลมซึ่งมีจุดศูนย์กลางร่วมกันและซ้อนกันอยู่อย่างถี่ยิบ โดย ZenBook รุ่นที่ 1 เป็นงานศิลปะโลหะแบบชิ้นเดียว รุ่นที่ 2 ใช้วัสดุกระจกผสมที่สามารถสะท้อนความมันวาวออกมาได้อย่างสวยงาม ส่วนสำหรับรุ่นที่ 3 ได้มีการคิดค้นเทคนิคการใช้เซรามิกเคลือบสี และเริ่มใช้การตัดแบบ Diamond Cutting มาแต่งเติมลายเส้นในการตัดขอบ ทำให้แม้แต่ด้านข้างของตัว NB ก็สามารถสะท้อนลายเส้นของแสงออกมาได้อย่างงดงาม ซึ่งเทคนิคต่างๆ เหล่านี้ ต่างก็นำเอาเทคโนโลยีของผู้ประกอบการไต้หวันมาใช้ในการออกแบบ ถือเป็นการสื่อถึงแนวคิดดั้งเดิมของการสร้างสรรค์แบรนด์ ที่แสดงออกมาได้อย่างเป็นรูปธรรมโดยแท้
นอกจากประสิทธิภาพการทำงานซึ่งคนส่วนใหญ่ให้ความสนใจแล้ว คุณคงอาจสงสัยว่า ทำไม ASUS ถึงต้องให้ความสำคัญกับการออกแบบมากขนาดนี้ แต่หากเราย้อนนึกถึงสภาพการแข่งขันของตลาดโลกในทุกวันนี้ก็จะไม่สงสัยเลยว่า หากต้องการจะแทรกตัวเองเข้าเป็นแบรนด์คอมพิวเตอร์ในระดับแนวหน้าของโลกแล้ว ดีไซน์ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการทำตลาดแบรนด์ที่ผู้ประกอบการทั้งหลายต่างก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะใช้ในการนำเสนอต่อตลาด
คุณเฉินอี้ถิง รองผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบผลิตภัณฑ์ของ ASUS ซึ่งมีส่วนร่วมในการพัฒนาการออกแบบของ ZenBook มาตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เห็นว่า °ßการออกแบบเป็นการมอบจิตวิญญาณให้กับแบรนด์ และแรงบันดาลใจในการออกแบบของ ASUS จะถือเอา!yคน!zเป็นจุดเริ่มต้น ทำให้การออกแบบผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นจะต้องคำนึงถึงปัจจัยของคนเป็นหลัก°® โดยคณะทำงานด้านการออกแบบของ ASUS จะประกอบไปด้วย ทีมออกแบบอุตสาหกรรม ทีมออกแบบวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยของมนุษย์ ทีมโสตทองคำสำหรับออกแบบระบบเสียงและสเปเชียลเอฟเฟกต์ และทีมออกแบบทัศนศิลป์ ในส่วนของงานหัตถศิลป์จะเป็นหน้าที่ของทีมงานด้านการพัฒนาโมลด์และแบบพิมพ์ และทีมงานพัฒนาวัสดุ สำหรับด้านความสวยงามก็มีทีมงานเฉพาะที่เป็นนักออกแบบ CMF (Color, Material and Finished) ซึ่งนักออกแบบจะต้องนำปัจจัยทุกด้านและองค์ประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์มาใช้ในการออกแบบ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์สามารถยืนอยู่บนเวทีโลกได้อย่างมั่นคง
คุณเฉินอี้ถิงซึ่งถือ ZenBook 3 รุ่นใหม่ล่าสุดอยู่ในมือ ยังได้บอกกับเราอีกว่า มันก็เหมือนกับการนำหัตถศิลป์มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบรถยนต์ที่ต้องคำนึงถึงมุมมองภาพที่เห็นด้านข้างด้วย โน้ตบุ๊คคอมพิวเตอร์ (NB) ก็เช่นกัน ช่วงที่คนจะเริ่มใช้ NB คือช่วงที่เปิดฝาเครื่องออกมา ASUS จึงนำเอา!yเวลา!zมาใช้เป็นแนวคิดในการออกแบบ NB โดยในช่วงที่จะเปิดเครื่อง ที่ด้านข้างของเครื่องจะถูกออกแบบให้ดูคล้ายเข็มของนาฬิกา โดยที่เราทำการพ่นผิวเครื่องให้เป็นเกล็ดทราย และทำให้เป็นเส้นวงกลมแบบถี่ยิบบนจุดศูนย์กลางเดียว รวมทั้งใช้เทคนิคการตัดแบบ Diamond Cutting ในการตัดขอบเพื่อให้เกิดการตัดกันของสี ถือเป็น 3 ขั้นตอนของการทำงานศิลปะบนตัวเครื่อง ที่จะว่าไปแล้วก็มีส่วนคล้ายกับศิลปะการทำนาฬิกาเช่นเดียวกัน
การยืนหยัดในการออกแบบของ ZenBook ยังรวมถึงความบางพิเศษของตัวเครื่องด้วย โดยรุ่นที่ 1 มีความบางเพียง 17 มม. รุ่นที่ 15.5 มม. และรุ่นที่ 3 ซึ่งใช้แผ่นปั๊มนูนอะลูมิเนียมในกระบวนการผลิต ก็มีความบางเพียง 12.3 มม. ถือเป็น NB ที่บางที่สุดในโลก โดยปัจจุบันความบางของ ZenBook 3 ก็ลดเหลือเพียง 11.9 มม. บางกว่าสินค้าของคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Apple เสียอีก ซึ่งคุณเฉินก็ชี้ว่า การออกแบบของเราจะพยายามทำตัวเลขให้ลดลงให้มากที่สุดแม้ในหลักทศนิยม คือจะต้องพยายามหาทางใส่ชิ้นส่วนต่างๆ ทั้งหมดเข้าไปในตัวเครื่องที่แสนจะบางนี้ให้ได้ จนมองจากภายนอกจะดูเหมือนกับเป็นงานแบบชิ้นเดียว ดังนั้นจะว่าไปแล้ว เทคนิคที่จำเป็นต่างๆ เหล่านี้ ก็เหมือนเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่งเหมือนกัน ซึ่งในโลกของ IT แล้ว ความต้องการในส่วนของฟังก์ชันในการทำงานของเครื่องจะมีความสำคัญที่สุด โดยเรื่องของดีไซน์จะมีความสำคัญรองลงมา และยังต้องพยายามทำให้เครื่องสามารถทำงานได้รวดเร็วที่สุดด้วย การที่ ASUS สามารถยืนอยู่อย่างภาคภูมิบนเวทีโลกที่เปี่ยมไปด้วยการแข่งขันนั้น ก็เนื่องจากการยืนหยัดในการผสมผสานเทคโนโลยีทาง IT เข้ากับการออกแบบ โดยสินค้าในซีรีส์ที่เกี่ยวข้องกับการเล่นเกมต่างๆ ก็ได้รับความนิยมจากเหล่าเกมเมอร์ทั้งหลายด้วยดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์นี่เอง จนทำให้ในปัจจุบันนี้ สามารถครองส่วนแบ่งในตลาดโลกได้มากถึงร้อยละ 40 เลยทีเดียว
ค้นคว้าวิจัยด้านวัสดุ สร้างความร่วมมือในอุตสาหกรรม
ผลิตภัณฑ์ 3C ได้เปลี่ยนโฉมหน้าของการตกแต่งบนโต๊ะทำงานไปอย่างสิ้นเชิง สิ่งของเดิมๆ ที่เคยใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟ กล่องเก็บของ หรือแม้แต่ไฟฉาย ต่างก็ถูกปรับเปลี่ยนอันเนื่องจากการเข้ามาของเทคโนโลยี จนทำให้เกิดวัสดุและรูปลักษณ์ใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
หลังการแยกตัวจาก ASUS ออกมาแล้ว Pegatron ได้ปรับเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่จากการเป็นผู้ผลิตในแบบ OEM มาเป็นแบบ ODM ที่เพิ่มส่วนของการออกแบบให้กับลูกค้า และยังได้จัดตั้งแผนกพิเศษสำหรับการทำตลาดแบรนด์ของตัวเองขึ้น ก่อนจะผลักดันแบรนด์ PEGACASA ออกสู่ตลาด ด้วยความหวังว่าจะใช้การออกแบบและวิจัยวัสดุใหม่ๆ ในการเชื่อมโยงผู้ประกอบการตั้งแต่ระดับต้นน้ำจนถึงปลายน้ำตลอดห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมในไต้หวันเข้าไว้ด้วยกัน โดยใช้จุดเด่นด้านเทคโนโลยีของผู้ประกอบการไต้หวัน ในการสร้างโอกาสเพื่อพัฒนาตลาดไปด้วยกัน
สินค้าในชุด RENAISSANCE ของ PEGACASA ที่ออกสู่ตลาด ก็คือผลสำเร็จจากการลงทุนด้านการออกแบบของ Pegatron โดยการนำแนวคิดในการควบรวมศิลปวัฒนธรรมเข้ากับเทคโนโลยี รวมไปจนถึงค้นพบจุดสมดุลระหว่างวัสดุธรรมชาติกับความประณีตบรรจงแบบหัตถศิลป์อย่างลงตัว
คุณหลี่เจิ้งอี๋ Design Director ของ Pegatron ชี้ว่า ในตอนแรกที่ทีมงานต้องการค้นหาผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่จะเป็นเสมือนตัวแทนของแบรนด์ ก็ได้นึกถึงการทำสินค้าเครื่องเขียนบนโต๊ะทำงาน เนื่องจากในปัจจุบันผู้คนต่างก็ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับการทำงาน ทำให้ความต้องการใช้เครื่องเขียนในเชิงพาณิชย์อยู่ในระดับสูง Pegatron จึงหวังว่าจะสามารถสร้างเศรษฐกิจฐานประสบการณ์ (Experience Economy) ขึ้น ผ่านทางการออกแบบ โดยคุณหลี่กล่าวว่า °ßมนุษย์เราได้มาอยู่ในระดับบนสุดตามทฤษฎีความต้องการของมาสโลว์แล้ว ความต้องการเติมความสมบูรณ์ให้กับชีวิตมีสูงขึ้นการบริโภคจากประสบการณ์ใช้งาน กลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวันของคนเรา ดังนั้นเราจึงหวังว่าการออกแบบที่สร้างสรรค์ออกมา ไม่เพียงแต่จะมีความประณีตบรรจง หากแต่ยังมีเรื่องราวที่สามารถเล่าสู่กันฟังได้ด้วย°®
ดังนั้น บริษัทจึงได้เลือกเอาไม้ไผ่มาใช้เป็นตัวแทนของวัสดุในการออกแบบสินค้า โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจะใช้ไม้ไผ่ธรรมชาติมากกว่า 4 ชนิด มาเป็นวัสดุในการผลิตตามการใช้งาน จนเกิดเป็นลวดลายและเส้นสายอันชดช้อยสวยงามตามธรรมชาติ
โดยในจำนวนนี้ โคมไฟ LED Light ได้ผลิตจากไผ่ซางคำไต้หวัน (หมาจู๋) ซึ่งโคมไฟแต่ละดวงจะมีข้อของปล้องไผ่เพียงข้อเดียวเท่านั้น และจะต้องอยู่ในตำแหน่งที่เป็นสวิตช์สำหรับปิดเปิด ทำให้มีของเสียเกิดขึ้นในกระบวนการผลิตจำนวนมาก และหลอดไฟ LED จะต้องมีขนาดที่เข้ากันได้อย่างพอดีกับไม้ไผ่ จนมีความรู้สึกว่าหลอดไฟอยู่ในแผ่นไม้ไผ่ ทำให้ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ได้รับรางวัลออกแบบยอดเยี่ยมจาก GOOD DESIGN˛ AWARD ของชิคาโกในปี 2015
อีกหนึ่งผลงานชิ้นเอกอย่าง ไฟฉาย Torch ก็ใช้การผสมผสานระหว่างไผ่โมโซเข้ากับโลหะ ไม้ไผ่จะผ่านการคาร์บอไนเซชัน (เผา) ก่อนจะถูกนำไปขึ้นสีและกำจัดความชื้น โดยมีการชุบทองไว้ในช่องสำหรับใส่ถ่านไฟฉาย เพื่อจะได้ไม่เสียหายจากของเหลวที่ไหลออกมาจากก้อนถ่าน ซึ่งไฟฉาย Torch สามารถส่องสว่างได้ระยะไกลเทียบเท่ากับความสูงของตึก 6 ชั้นเลยทีเดียว ในส่วนของสวิตช์เปิดปิด ก็ถูกออกแบบให้เป็นแบบหมุนในลักษณะเดียวกับงานศิลปะของการทำนาฬิกาข้อมือ
คุณหลี่เจิ้งอี๋ยังเห็นว่า °ßการหาจุดลงตัวในกระบวนการผลิตระหว่างการออกแบบและวัสดุไม้ไผ่ ถือเป็นอะไรที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการอยู่เฉย ดีไซเนอร์และช่างไม้ไผ่ต่างก็จะส่งอิทธิพลต่อกัน ทำให้เห็นได้ชัดถึงเทคนิคชั้นสูงในงานหัตถศิลป์ไม้ไผ่แบบดั้งเดิมของไต้หวัน ที่ถูกนำมาผสมผสานเข้ากับงานจักรกลและงานออกแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างลงตัว°®
เนื่องจากไฟฉายต้องใช้ปล้องไม้ไผ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2.5 ซม. ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะสมสำหรับการใช้มือจับ เพื่อค้นหาปล้องไม้ไผ่ที่มีการเจริญเติบโตค่อนข้างช้าหรือดูดซับแสงแดดได้ไม่ดีซึ่งมีอยู่ไม่มากนัก เหล่านักออกแบบต้องเดินทางด้วยรถจี๊ปเข้าไปในป่าลึกร่วมกับช่างไม้ไผ่ แน่นอนว่าปริมาณการผลิตก็จะได้รับผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศด้วย หากแต่สิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็ทำให้ช่างไม้ไผ่สามารถค้นพบหนทางในการช่วยให้งานหัตถศิลป์ที่สืบทอดมายาวนานนี้ สามารถเอาตัวรอดและคงอยู่ต่อไปได้ด้วยเช่นกัน
ด้วยความเชื่อของคุณถงจื่อเสียน ประธานบริษัท ที่ว่า
°ßบทความใช้สำหรับอธิบายคำสอนของปราชญ์เมธี°® Pegatron จึงทุ่มเททุกอย่างให้กับการออกแบบ โดยผ่านทางการวิจัยวัสดุใหม่ๆ และสร้างความร่วมมือกับเหล่าวิสาหกิจขนาดกลางและย่อมของไต้หวัน ในการค้นหาเทคนิคในการผลิตให้ได้ตามที่ออกแบบไว้ ซึ่งนี่ก็คือจุดเด่นของไต้หวัน และนี่ก็คือโอกาสใหม่ในการถ่ายทอดจิตวิญญาณของเหล่าช่างฝีมือ ที่แอบแฝงอยู่ท่ามกลางการผสมผสานของวัฒนธรรมพื้นบ้านเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ PEGACASA จึงหวังว่าลูกค้าที่มีโอกาสได้ทดลองและใช้งานผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะสามารถเข้าใจและสัมผัสได้ถึงความรู้สึกประทับใจนี้ได้เป็นอย่างดี
ด้วยเหตุนี้ แม้แต่การผลิตตัวเคสของโทรศัพท์มือถือ Pegatron ก็ยังคงยึดมั่นในแนวทางการออกแบบของตัวเอง โดยเน้นที่การสร้างคุณค่าให้กับบริษัท ไม่ใช่เพียงเพื่อต้องการจะแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการรายอื่นในตลาด ซึ่งคุณหลี่เจิ้งอี๋ยังได้พูดถึงการค้นพบและสร้างความร่วมมือกับโรงงานแห่งหนึ่งในนครไถจง ที่มีเทคโนโลยีในการผลิตคาร์บอนผสม ให้มาพัฒนาวัสดุที่จะใช้ในการผลิตร่วมกัน จนกลายเป็นโลหะอัลลอยด์ผสมแบบใหม่ที่สามารถใช้ในอุตสาหกรรมการบินได้ด้วย ซึ่งคุณหลี่บอกกับเราว่า เทคนิคใหม่ๆ จะต้องสามารถผลิตได้เป็นจำนวนมาก และหากสามารถผลิตในจำนวนมากได้ ก็จะสามารถเก็บข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้มากพอ และจะสามารถย้อนกลับไปสร้างประโยชน์ให้กับบริษัทแม่ได้ °ßคุณค่าของประสบการณ์เช่นนี้ จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในภายภาคหน้า เมื่อจะต้องทำการออกแบบให้กับลูกค้า ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสินค้า IT ชนิดอื่นได้ การแสดงให้ลูกค้าเห็นเทคโนโลยีใหม่ๆ ของบริษัท ถือเป็นการแสดงถึงศักยภาพในด้านการค้นคว้าวิจัยของบริษัทด้วยเช่นกัน°®
นำไอเดียใหม่ๆ มาใส่ให้เครื่องเขียน
ทิวทัศน์ของโต๊ะทำงานในยุคใหม่ ยังไงก็ยังไม่สามารถหลีกหนีองค์ประกอบแบบดั้งเดิมไปได้ การนำเอาเครื่องเขียนในแบบเดิมๆ มาแต่งเติมเสริมด้วยไอเดียใหม่ๆ และสร้างความน่าสนใจขึ้นมา กลายเป็นเทรนด์ที่เป็นที่นิยมในช่วงหลายปีหลังมานี้ ซึ่ง Wow! Design และแบรนด์ของบริษัทที่ชื่อ urban prefer ถือเป็นหนึ่งในตัวแทนของไต้หวันที่สามารถใช้ไอเดียนี้เป็นแนวทางการบริหารงาน จนประสบความสำเร็จในการทำตลาดแบรนด์ในระดับนานาชาติ
ในงาน NY NOW ที่จัดขึ้นในช่วงสิ้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาในนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ สินค้าเครื่องเขียนที่มีดีไซน์ของ urban prefer ซึ่งไปจัดแสดงในงาน ได้รับความสนใจจากเหล่านักออกแบบเป็นอย่างมาก จริงๆ แล้วแบรนด์ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2007 นี้ เริ่มเป็นที่จับตามองในระดับนานาชาติมาตั้งแต่ปี 2009 แล้ว จนมีตัวแทนจำหน่ายอยู่ในหลายประเทศ ทั้งในฮ่องกง ญี่ปุ่น กลุ่มประเทศ BENELUX (เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก) ไทย ฝรั่งเศส และอังกฤษ โดยได้กลายเป็นสินค้าขึ้นห้าง ในห้างสรรพสินค้าชื่อดังของอังกฤษอย่าง Harrods ด้วย อันเป็นการสร้างฐานที่มั่นคงของช่องทางการตลาดในระดับนานาชาติ และสร้างชื่อให้กับแบรนด์เป็นอย่างมาก
ในปี 2014 ผลิตภัณฑ์ของ urban prefer หลายรายการ เช่น เครื่องเย็บกระดาษแบบทดแรง เครื่องเหลาดินสอรุ่น SUMO ตัวชาร์จไฟ USB สำหรับรถยนต์แบบสองหัวเสียบรุ่น DAWN และตัวชาร์จแบตเตอรี่แบบพกพารุ่น MATE ต่างก็คว้ารางวัลด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมระดับโลกมาได้รวมกันถึง 10 รางวัล ไม่ว่าจะเป็นรางวัล Red Dot ของเยอรมนี รางวัล Good Design ของญี่ปุ่น รางวัล IDEA ของสหรัฐฯ และรางวัล Golden Pin ของไต้หวัน ซึ่งความสามารถในการออกแบบของ urban prefer นี้ มาจากแนวคิดที่ว่า °ßออกแบบให้ดี°® เท่านั้นเอง
โดยตอนแรกที่ Wow! Design ออกแบรนด์ urban prefer นั้น คุณหวงเจี้ยนเหว่ย ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของบริษัทเพียงหวังว่า จะสามารถสร้างแบรนด์ที่ใช้การออกแบบเป็นจุดเริ่มของแนวคิด ในการช่วยผู้บริโภคแก้ปัญหาการใช้งานอะไรบางอย่าง โดยปัจจุบัน นอกจากสินค้าเครื่องเขียนแล้ว urban prefer ยังมีสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางและท่องเที่ยวด้วย
นักออกแบบกราฟฟิกดีไซน์ และนักออกแบบผลิตภัณฑ์ของบริษัท ต่างก็เป็นนักออกแบบรุ่นใหม่มือดีของไต้หวัน ด้วยเหตุที่การจะบุกเบิกสินค้าอะไรบางอย่าง จะต้องมีการลงทุนไม่น้อย แน่นอนว่าในช่วงระหว่างกลางก็มีหลายครั้งที่ต้องพบกับปัญหาและอุปสรรคมากมาย หากแต่ทุกครั้งที่ออกไปร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ ต่างก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี เห็นได้ชัดว่าไต้หวันมีความสามารถในการออกแบบไม่แพ้ผู้อื่น นี่คือแรงบันดาลใจที่ทำให้คุณหวงเจี้ยนเหว่ยสามารถยืนหยัดในการทำงานมาได้จนทุกวันนี้
ในปี 2014 ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทเริ่มวางตลาดสินค้าเครื่องเย็บกระดาษแบบทดแรง ได้นำเอาทฤษฎีคานคู่มาประยุกต์ใช้ จนในทุกวันนี้ สินค้าตัวนี้ก็ยังคงเป็นสินค้าที่ประหยัดแรงที่สุดที่มีอยู่ในตลาด การออกแบบที่ขอเพียงกดเบาๆ บริเวณช่วงปลายเครื่อง ก็จะสามารถส่งลวดเย็บออกมาได้อย่างไม่เปลืองแรง บวกกับลายเส้นอันอ่อนช้อยของรูปลักษณ์ภายนอกที่ถูกออกแบบให้คล้ายกับรองเท้าส้นสูง สามารถทำยอดขายได้สูงถึง 400,000 ตัว จากการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าเพียงครั้งเดียวมาแล้ว หลังจากนั้น เพื่อตอบสนองต่อการใช้งานในตลาดยุโรปและสหรัฐฯ จึงได้มีการออกแบบให้มีรางใส่ลวดเย็บในแบบรางคู่ จนทำให้ในปัจจุบันนี้มีสินค้าออกสู่ตลาดถึง 4 รุ่นแล้ว โดยในจำนวนนี้ สินค้ารุ่น Atomo ได้ถูกวางขายอยู่ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ชื่อดังของนิวยอร์กอย่าง MoMA ด้วย นอกจากนี้ urban prefer ยังได้ออกแบบเครื่องเย็บกระดาษแบบไร้ลวดเย็บด้วย จนทำให้ของเล็กๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานนี้ กลายมาเป็นหัวข้อยอดนิยมที่เหล่าคนทำงานหยิบยกมาพูดถึงในช่วงของการพักผ่อนระหว่างการทำงานด้วย
พลังแห่งดีไซน์ช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้าให้กับธุรกิจ
คุณหวงเจี้ยนเหว่ยชี้ว่า การจะเข้าสู่ตลาดเครื่องเขียนที่มีดีไซน์ของไต้หวันไม่ใช่เรื่องง่าย ทีมงานต้องพยายามสร้างความร่วมมือกับผู้ผลิตในไต้หวันอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างโอกาสในการรับคำสั่งซื้อให้กับผู้ประกอบการในธุรกิจทั้งในระดับต้นน้ำและปลายน้ำ urban prefer จึงนำเอาดีไซน์ที่ดีมาใช้ในการสร้างความร่วมมือกับผู้ผลิตในไต้หวัน เพราะการจะคิดหาฟังก์ชันการใช้งานใหม่ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย เราจึงหวังที่จะแก้ไขปัญหาในการใช้งาน และเพื่อให้ทุกคนมีโอกาสได้ใช้สอยงานดีไซน์ดีๆ ดังนั้นจึงไม่ได้ตั้งราคาขายไว้สูงนัก
เครื่องเหลาดินสอ SUMO ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้คนไม่น้อย กำลังจะออกสินค้ารุ่นใหม่ รูปร่างแบบสามเหลี่ยมที่ไม่เหมือนใคร จะช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดแรงในการใช้งาน °ßรูปร่างแบบสามเหลี่ยมจะเพิ่มเสถียรภาพระหว่างการใช้งานและยึดกับพื้นได้ดี ไม่ว่ามือของผู้ใช้จะเล็กหรือใหญ่ก็สามารถจับได้อย่างเหมาะมือ ซึ่งแค่เพียงเรื่องปัญหาด้านความรู้สึกในการสัมผัสพื้นผิวของตัวสินค้า นักออกแบบกับทางโรงงานก็ต้องเจรจากันอยู่เป็นเวลานานเลยทีเดียว°® คุณหวงเจี้ยนเหว่ยได้กล่าวถึงความยืนหยัดในการออกแบบตามแนวคิดของแบรนด์ โดยคุณหวงเคยประสบปัญหาในการประสานงานกับผู้ประกอบการ จนต้องคืนสินค้าทั้งล็อตและทำให้พลาดโอกาสทางการค้าไปไม่น้อย ในช่วงของการลองผิดลองถูกทำให้คุณหวงรู้ดีว่า ควรจะต้องมีข้อเรียกร้องในด้านคุณภาพอย่างไร และในช่วงหลายปีหลังมานี้ ที่การซื้อขายสินค้าแบบออนไลน์กลายเป็นที่นิยมขึ้นมา ทำให้คุณหวงหวังว่า ในวันข้างหน้าบริษัทคงจะมีโอกาสได้ให้บริการต่อผู้ใช้งานได้โดยตรง เพื่อจะได้สามารถออกแบบสินค้าที่ตรงกับความต้องการของตลาดได้จริงๆ
เทคโนโลยีระดับโลกที่แอบแฝงอยู่อย่างเงียบๆ ในทั่วทุกหัวระแหงของไต้หวัน ได้เปล่งประกายออกมาผ่านพลังแห่งการออกแบบในสินค้าต่างๆ ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และเครื่องเขียนนานาชนิด ซึ่งได้ผนวกเอา Soft Power ที่น่าภาคภูมิของไต้หวันหลายๆ ด้านเข้าไว้ด้วยกัน ไม่วาจะเป็นวัฒนธรรมพื้นบ้าน เศรษฐกิจฐานความรู้ (Knowledge-based economy) รวมไปจนถึงเทคโนโลยีทาง IT โดยใช้การออกแบบมาสร้างมูลค่าเพิ่มและเสริมแต่งในส่วนที่ขาดหาย เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับอุตสาหกรรมของไต้หวัน และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับแบรนด์ของไต้หวันในเวทีโลก