ประยุกต์ทฤษฎีคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี
สู่ชีวิตจริง
ห้วงเวลาแห่งการทำความสะอาดชายหาดได้ช่วยให้ เหอจวิ้นเสียนฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจได้ด้วยตนเอง แม้จะทำความสะอาดชายหาดซ้ำๆ วันแล้ววันเล่า เหมือนกับเป็นเครื่องจักร แต่ก็ใช้ช่วงเวลาดังกล่าวปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง จิตใจแข็งกระด้างของเขาจึงเริ่มเปิดกว้างรับวิธีคิดใหม่ๆ ทำให้แนวคิดใหม่ๆ กระฉูดออกมาอย่างต่อเนื่อง
“หากผมคิดถึงแต่ตัวเอง ก็เท่ากับว่าผมก็คือโลกใบนี้ทั้งใบ 100% แต่เมื่อผมไปทำในสิ่งที่ไม่ใช่เพื่อตัวผมเพียงคนเดียวแล้ว แม้ผมจะไม่พอใจนัก ซึ่งอาจมีเพียง 1% เท่านั้น แต่ถ้ามันทำให้คนที่ผมห่วงใยพอใจ ผมก็จะรู้สึกมีความสุขเพราะพวกเขามีความสุข”
กระท่อมดิน “DoGoodHouse” ในวันนี้ มิได้เป็นเพียง “กระท่อมปลายนา” เท่านั้น แต่เป็นเสมือนดินแดนแห่งความฝันในอุดมการณ์ “อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อาคารเขียว เกษตรกรรมยุคใหม่” เมื่อ 6 ปีก่อน เขาเกลี้ยกล่อมสมาชิกในครอบครัวให้ขายบริษัท แล้วทุ่มเทให้กับอนาคตใหม่แห่งชีวิตของตนในปัจจุบันอย่างสุดตัว
แม้จะอำลาจากวงการการศึกษามาแล้ว แต่ในฐานะความเป็นครู การเอาใจใส่ต่อนักเรียนของเขาไม่เคยลดน้อยลงแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขาเห็นว่าในสังคมเห็นแต่ผลประโยชน์เป็นสำคัญ แม้จะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยวัตถุ แต่จิตใจของผู้คนกลับป่วยยากจนด้วยน้ำใจ ดังนั้น เขาจึงเริ่มอาศัยงานในปัจจุบันของเขามาสอนนักเรียนในห้องเรียน สอนในสิ่งที่ครูในโรงเรียนไม่ได้สอน ไม่ใช่วิชาภาษาจีน ภาษาอังกฤษ หรือวิชาคณิตศาสตร์ แต่เป็นการให้การศึกษาเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมใกล้ตัว และปรัชญาในการใช้ชีวิต
เมื่อออกจากห้องเรียน ก้าวออกจากหน้าชั้นเรียน เขาก็เสมือนกับที่โบราณว่าไว้ “ครูผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ ขจัดข้อสงสัยทุกประการ”
การเรียนนอกกรอบนอกห้องเรียน
หลังบ่ายของอีกวัน เราตามคุณเหอจวิ้นเสียนไปยังโรงเรียนประถมศึกษาป๋ออ้ายที่ตั้งอยู่ข้างอาคารไทเป 101 ในย่านธุรกิจชื่อดังกลางกรุงไทเป ปิดเทอมภาคฤดูร้อนปีนี้เขามีภารกิจมาก อาศัยช่วงที่เด็กๆ ปิดเทอม ทำกิจกรรมขนาดย่อมพร้อมๆ กันใน 3 โรงเรียน
เมื่อพวกเราขึ้นไปบนชั้น 3 ก็พบพื้นที่สีเขียว เป็นระเบียงเชื่อมต่ออาคาร 2 อาคารเข้าด้วยกัน เดิมเป็นที่ว่างที่ถูกแสงแดดแผดเผาจนร้อนระอุ แต่ตอนนี้เขาได้ออกแบบเป็นสวนหย่อมลอยฟ้าที่สวยงามร่มรื่น
ด้านหนึ่งปูด้วยหญ้าเหนือพื้นเล็กน้อย ความเขียวขจีของหญ้าทำให้มีความรู้สึกเสมือนเขาที่อยู่ข้างๆ ส่วนอีกด้านเรียงรายไปด้วยลังปลูกพืชผัก 3 ลัง ลังไม้เรียงสูงๆ ต่ำๆ เสมือนอาคารใหญ่น้อยเรียงราย พืชผักที่ปลูกอยู่ภายในก็จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล เติบใหญ่ขึ้น โดยใช้ลังที่ออกแบบไว้ อาศัยแต่น้ำฝนอย่างเดียว ไม่จำเป็นต้องให้คนไปรดน้ำ
ส่วนโรงเรียนประถมศึกษาเหอผิงที่ตั้งอยู่อีกมุมเมืองหนึ่ง ในเขตสือติ้ง ชานเมืองไทเป แหล่งน้ำในโรงเรียนก็มีการออกแบบด้วยทฤษฎีใหม่ น้ำแร่ธรรมชาติกับน้ำเสียจากการล้างมือของเด็กนักเรียนถูกปล่อยให้ไหลลงไปในบ่อนิเวศที่ผ่านการกรองด้วยพืชน้ำและอากาศ กลายเป็นแหล่งน้ำสะอาด นอกจากใช้เป็นน้ำให้เด็กๆ ได้เล่นน้ำแล้ว ยังเอามาเป็นน้ำในระบบชลประทานของนาขั้นบันไดได้อีกด้วย
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อาหารเกษตร และวิทยาศาสตร์ประยุกต์ ถูกนำมาผสมผสานในรายละเอียดของการออกแบบทั้งหมด เหอจวิ้นเสียนเล่าให้ฟังว่า “วิธีนี้สามารถถ่ายทอดแนวความคิดให้แก่เด็กๆ ได้ โดยไม่จำเป็นต้องอธิบายเหตุผลอะไรมากมายนัก”
แม้ในปัจจุบัน เหอจวิ้นเสียนจะเกษียณอายุแล้ว แต่ก็ไม่หยุดทำงาน เขาอาศัยโรงเรียนเป็นจุดขับเคลื่อนแนวความคิดตามอุดมการณ์ของตน แม้จะต้องตระเวนไปตามที่ต่างๆ ด้วยความเหน็ดเหนื่อยก็ตาม แต่เมื่อได้พูดถึงการมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กๆ แล้ว ก็จะมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ในตอนนี้ เขาได้ค้นพบความสุขภายในใจตามที่ต้องการแล้ว