งานทุกอย่างล้วนมีความสำคัญ โดยเฉพาะงานที่กระทบต่อสิทธิและผลประโยชน์ของผู้อื่น ยิ่งต้องจัดการด้วยความระมัดระวังรอบคอบ
เฉินหยุนผิง (陳允萍) ผู้มีประสบการณ์เป็นล่ามในศาลยุติธรรมให้กับคดีชาวต่างชาตินานถึง 25 ปี เล่าเรื่องราวการเป็นล่ามในศาลจากประสบการณ์ของตนเอง เริ่มจากเป็นตำรวจฝ่ายกิจการชาวต่างชาติ จนโอนไปทำงานที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้แต่งตำราและไปบรรยายทั่วไต้หวัน เพื่อส่งเสริมหลักการความเสมอภาคในบุคคล ก่อนเข้าสู่กระบวนยุติธรรม ให้ผู้เกี่ยวข้องมีสิทธิ์ในการ รับรู้ และอาศัยระบบที่ดีปกป้องความปลอดภัยทางกายของล่ามด้วย
เมล็ดพันธุ์ 1 เม็ด หากหย่อนลงในดินดีก็จะงอกงามแตกกิ่งก้านสาขาใหญ่โต เปรียบเสมือน ห้องสมุด SEAMi ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังสถานีรถไฟเถาหยวน ในพื้นที่เล็กๆ ผ่านมาเกือบ 3 ปี คุณหลินโจวซี (林周熙) ผู้ก่อตั้งและดำรงตำแหน่งนายกสมาคมพัฒนาการศึกษาและการวิจัยวัฒนธรรมเอเชียอาคเนย์ (桃園市東南亞藝文教育創新暨研究協會) และเป็นผู้ก่อตั้งห้องสมุด SEAMi ด้วย อาศัยพลังความกล้าหาญร่วมกับเพื่อนๆ ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ช่วยกันพัฒนาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ชาวเอเชียอาคเนย์อย่างเงียบๆ
ผู้บุกเบิกมักเดินบนเส้นทางที่โดดเดี่ยวเสมอ แต่ด้วยความมานะบากบั่นฟันฝ่าขวากหนาม เหมือนดักแด้ผ่านลมโชยฝนกระหน่ำ ในที่สุดกลายเป็นผีเสื้อสีสวยบินว่อนอยู่ตามดงดอกไม้ ตามการปฏิรูปและพัฒนาการของกระบวนการยุติธรรม บวกกับแรงหนุนจากผู้ร่วมอุดมการณ์ในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา ระบบล่ามในศาลยุติธรรมกำลังจะก้าวสู่ฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่นและมีแสงแดดสดใส
งานล่ามในศาลยุติธรรมเน้นหลักเหตุผล ประสบการณ์คือแกนหลัก ผู้บังคับใช้กฎหมายจะต้องมีวิจารณญาณที่แม่นยำ ต้องเรียนรู้และอาศัยประสบการณ์ การให้ผู้บังคับใช้กฎหมายทำหน้าที่เป็นล่ามควบคู่โดยหวังเพียงความสะดวก จะสะท้อนรูปคดีที่แท้จริงได้หรือ?
ล่ามต้องมีความเป็นกลางเป็นพื้นฐาน
กระบวนการยุติธรรมให้ความสำคัญต่อการตัดสินที่เป็นธรรม หากผู้เกี่ยวข้องมีอุปสรรคด้านภาษา จะเกิดความเป็นธรรมได้อย่างไร ดังนั้น ล่ามในศาลยุติธรรมจึงเป็นจุดเริ่มต้นการให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เกี่ยวข้องในคดีความ
การเป็นล่าม ก็คือ การถ่ายทอดข้อความด้วยภาษาที่เขาหรือเธอซึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องเข้าใจ เฉินหยุนผิงบอกว่า การเป็นล่ามไม่ใช่เรื่องง่าย จะต้องผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มงวด นอกจากต้องเข้าใจสองภาษาอย่างดี ยังต้องรู้คำศัพท์เฉพาะในเอกสารกฎหมายอย่างแม่นยำจึงจะปกป้องสิทธิพื้นฐานของผู้เกี่ยวข้องได้
ความเป็นกลางถือเป็นหลักการสำคัญ ผู้ทำหน้าที่ล่ามจะต้องไม่เกี่ยวข้องในคดีความ แต่หน่วยงานตำรวจไม่ได้จัดทำฐานข้อมูลล่ามที่ครบถ้วนเพื่อเลือกใช้ล่ามที่เหมาะสม และเมื่อเกิดคดีมักมีความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อประสิทธิภาพการทำงาน ผู้ปฏิบัติงานจะเลือกใช้ล่ามที่รู้จักก่อนเป็นอันดับแรก โดยไม่คำนึงว่าล่ามคนนั้นมีความเหมาะสมหรือไม่ และในบางครั้งก็พบเห็นว่า ผู้ปฏิบัติงานทำหน้าที่เป็นล่าม ทำตัวเป็นทั้งผู้เล่นและเป็นกรรมการด้วย
ปกป้องทั้งสองฝ่าย จึงจะถูกต้อง
การเป็นล่ามเป็นงานที่มีอันตรายอย่างหนึ่ง จะต้องมีการบริหารจัดการและต้องมีมาตรการที่ครบถ้วน เฉินหยุนผิงกล่าวถึงคดีสังหารล่าม ในปี 2012 จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถคลี่คลายคดีได้ จึงเป็นสิ่งที่จะต้องระวังในกระบวนการยุติธรรม
เมื่อต้นปี 2012 เฉินหยุนผิงร่วมมือกับคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายและองค์กรเอกชนยื่นเรื่องต่อสภาตุลาการ เพื่อผลักดันการจัดตั้งระบบล่ามในศาลยุติธรรม หลังจากสภาตุลาการตรวจสอบแล้ว ได้รายงานการปรับปรุงแก้ไข แต่ละเลยเรื่องการปกป้องความปลอดภัยของล่าม
หลังจากนั้น อีก 2 เดือน เจ้าหน้าที่ของสภาตุลาการได้ติดต่อเฉินหยุนผิง และกล่าวถึงข่าวคดีฆาตกรรมล่ามคนหนึ่งที่เมืองอี๋หลาน แม้ว่าตำรวจตรวจกล้องวงจรปิดพบชาวฟิลิปปินส์คนหนึ่งพัวพันคดี แต่ในวันรุ่งขึ้น พบว่าผู้ต้องสงสัยเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว จนถึงขณะนี้ยังตามจับกุมไม่ได้
จากการบอกเล่า ผู้เสียชีวิตเปิดร้านขายของและทำหน้าที่เป็นล่ามหลายปี ก่อนนางเสียชีวิตได้ไปเป็นล่ามให้แก่แรงงานฟิลิปปินส์ที่สำนักงานอัยการท้องถิ่น แต่แรงงานคนนั้นเห็นว่าผู้ตายไม่เข้าข้างคนพวกเดียวกัน ไม่ยอมช่วยพูดแทน จึงเกิดความไม่พอใจ
จะไม่เป็นฝ่ายเรียกร้อง และเมื่อพบสภาวะที่ไม่เหมาะสมจะต้องปฏิเสธการเป็นล่าม เฉินหยุนผิงซึ่งมีความเชี่ยวชาญและรอบคอบ มักสอนโดยเน้นย้ำต่อผู้รับการอบรมเสมอ ตำแหน่งการยืนในศาลก็มีการกำหนด เพื่อปกป้องความปลอดภัยทางกายของผู้เป็นล่าม
ผู้รู้ภาษาไม่เป็นล่าม ผู้เป็นล่ามไม่รู้ภาษา
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในไต้หวันมีชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นมาก และมีชาวต่างชาติที่ถูกทำร้ายต้องการความคุ้มครองทางกฎหมาย หรือผู้ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ฝ่าฝืนกฎหมาย จำเป็นต้องอาศัยล่ามในการคุ้มครองสิทธิ์ตามกฎหมายให้แก่ชาวต่างชาติ ดังนั้น การอบรมบ่มเพาะล่ามอย่างเป็นระบบจึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้าม
แม้ศาลจะมีรายชื่อล่ามอยู่ในฐานข้อมูล แต่ในความเป็นจริง มีเป้าหมายหลักเพื่อแก้ปัญหากระบวนการยุติธรรมเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อการช่วยเหลือชาวต่างชาติที่อ่อนแอและด้อยโอกาสกว่า เฉินหยุนผิงเห็นว่า ในจุดยืนด้านความเป็นธรรม ระบบล่ามในศาลยุติธรรมจะต้องดำเนินการโดยอิสระ ไม่ใช่อยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย
ผู้ร่วมอุดมการณ์เต็มเมือง ดุจดั่งดอกไม้ผลิบาน
ด้วยอุดมการณ์เช่นนี้ เฉินหยุนผิงจึงจัดตั้งสมาคมล่ามภาษาต่างชาติเมืองไถตง เมื่อ 12 ปีที่แล้ว ได้รับการสนับสนุนและร่วมมือจากผู้ร่วมอุดมการณ์จำนวนมาก ในปีค.ศ.2013 ได้ขยายขอบเขตเป็นสมาคมล่ามศาลยุติธรรมไต้หวัน ปัจจุบันมีสาขาทั่วประเทศ มีผู้ผ่านการอบรมเกินกว่าพันคน และยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หวังว่าความร่วมมือผ่านช่องทางนี้ ซึ่งผ่านกระบวนการคัดกรอง จะสามารถให้ข้อมูลแก่ผู้บังคับใช้กฎหมายเพื่อการจัดหาล่ามที่เหมาะสมได้
บนเส้นทางที่ผ่านมา มีผู้ที่ต้องขอบคุณมากมาย หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพวกเขา ผมก็คงอยู่ในชนบทผ่านไปวันๆ ไม่อาจเติบโตได้ เฉินหยุนผิงกล่าวขอบคุณผู้มีอุปการคุณ เช่น คุณเหยียนฉางโซ่ว (嚴長壽) ประธานมูลนิธิ AFC (The Alliance Cultural Foundation) และมูลนิธิวัฒนธรรมเจียงเสียนเอ้อ (江賢二) ตลอดจนคุณหลี่ซันไฉ (李三財) ประธานห้องเรียนจิ้วตี้ (就諦講堂) ที่สนับสนุนการดำเนินงาน
ในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา ได้ตระเวนทั่วไต้หวัน 3 รอบ จัดการอบรมนับร้อยครั้ง หวังว่าจะสร้างกระบวนการที่เป็นธรรมด้านภาษา
หนังสือเล่มที่ 2 ของเฉินหยุนผิง ล่ามกฎหมายñการฝึกฝนและบ่มเพาะล่าม นอกจากจะช่วยขยายแนวความคิด ยังสอนเทคนิคและการทดสอบความสามารถ ดึงดูดผู้ร่วมอุดมการณ์ที่ทุ่มเทต่อการเป็นล่ามศาลยุติธรรม เพื่อเป้าหมายในการทำให้กระบวนการยุติธรรมมีความเป็นมิตรอย่างแท้จริง สานสร้างอุดมการณ์ที่ดีให้เป็นจริง ทุ่มเทความพยายามให้ประจักษ์แก่ชาวโลก นี่คือเป้าหมายสูงสุดของเฉินหยุนผิงที่มีต่องานล่ามในศาลยุติธรรม