ปฏิบัติการสวนกระแสของผู้สืบทอดรุ่นที่ 5
ความเป็นเอกลักษณ์ที่เกิดจากความตั้งใจในการปรุงแต่งรสชาติดี ๆ ออกมาตั้งแต่สมัยก่อนของบริษัท Hwa Gung Tea ที่ใช้พันธุ์ชาอูหลงมาผลิตเป็นชาดำจากยอดเขาลี่ซานนั้นสามารถคว้าชัยชนะมาได้บ่อยครั้งจากการประกวดใบชาในเวทีต่าง ๆ
ตู้ชางหลิน (杜蒼林) ซึ่งเป็นผู้สืบทอดกิจการรุ่นที่ 5 กล่าวว่า ตอนเด็ก ๆ คุณปู่เคยชงชาต้งติ่งอูหลงให้ดื่ม ความทรงจำดี ๆ จากรสสัมผัสอันหอมหวานของน้ำชาที่อบอวลอยู่ในลำคอ เป็นสิ่งที่ทำให้อยากผลิตชาคุณภาพดีและมีความละเมียดละไมออกมาอีกครั้ง
เมื่อปี ค.ศ. 2005 ตู้ชางหลินกลับบ้านเพื่อดูแลคุณตาที่ป่วยและได้เริ่มช่วยทำชา เขามักได้ยินคนทำชาอาวุโสพูดเสมอ ๆ ว่า “ใบชาจะไม่มีกลิ่นหอมหากไม่ได้คั่วกวน” แต่ทำไมต้องคั่วกวน? คั่วกวนอย่างไร? นักทำชาที่แม้จะรู้ถึงกระบวนการผลิตที่แท้จริง แต่กลับไม่รู้ถึงสาเหตุที่อยู่เบื้องหลัง
การได้ไปเข้าฝึกอบรมตามหลักสูตรของสถานที่ต่าง ๆ อาทิ สถานีวิจัยและขยายพันธุ์ชาของคณะกรรมการการเกษตร (The Council of Agriculture’s Tea Research and Extension Station) ทำให้ตู้ชางหลินเข้าใจถึงหลักการของศาสตร์แห่งการทำชาแขนงต่าง ๆ มากมาย เขานำสิ่งที่เรียนรู้เกี่ยวกับชาในทุกด้านมาปรับใช้เพื่อสร้างเทคนิคการผลิตชา และสร้างรสชาติของชาเถี่ยกวนอินกับชาต้งติ่งอูหลงให้ออกมามีความคล้ายคลึงกับรสชาติจากฝีมือรุ่นพ่อ โดยปี ค.ศ. 2009 ตู้ชางหลินเริ่มต้นทำการทดลองจากชาที่เก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง อย่างชาชิงซิน อูหลงซึ่งเพาะปลูกในพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,000 เมตร แล้วนำมาผ่านการคั่วกวนหลากหลายวิธี และค่อยใช้เครื่องรีดใบชาดึงกลิ่นหอมที่ละเอียดอ่อนให้ฟุ้งกระจายออกมา ทำให้ชาอูหลงที่ทำออกมาจะติดกลิ่นหอมหวานของผลไม้เป็นพิเศษ
เขายังใช้ชาชิงซินอูหลงมาทำเป็นชาดำด้วยการหมักซ้ำ ๆ และนำไปตากแดดจนเหี่ยว โดยทำต่อเนื่องไปจนถึงการคั่วกวนครั้งที่ 6
คุณตู้ชางหลินกล่าวว่า ลักษณะเฉพาะของชาชิงซินอูหลงที่เพาะปลูกบนภูเขาสูง เมื่อชงออกมาแล้วจะได้น้ำชาที่มีรสชาตินุ่มละมุนมาก ชาดำลี่ซานที่ผลิตออกมาก็จะมีกลิ่นและรสชาติหวานละเมียดละไมกว่าชาจากต้าจี๋หลิ่ง ขณะเดียวกันตัวชาอูหลงก็มีกลิ่นหอมของดอกไม้และผลไม้ด้วย
ในปี ค.ศ. 2013 บริษัท Hwa Gung Tea ได้รับเชิญให้เข้าร่วมจัดแสดงในงาน The Triennial World Tea Festival ที่เมืองชิซูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุก ๆ 3 ปี
การเข้าร่วมงานจัดแสดงตอนนั้น เจ้าหญิงอากิโกะแห่งมิกาสะของราชวงศ์ญี่ปุ่นได้เสด็จมาเป็นการพิเศษ เพื่อขอบคุณไต้หวันที่บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหว 11 มีนาคม ค.ศ. 2011 และยังเสด็จทอดพระเนตรไปตามบูธต่าง ๆ ตอนนั้นเจ้าหญิงได้ลองเสวยชาดำลี่ซาน แล้วตรัสชื่นชมว่า “น่ามหัศจรรย์” ทำให้วันถัดมาก็เกิดเป็นกระแสของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นที่ต้องการหาซื้อชาดำลี่ซานตามมาอย่างไม่ขาดสาย
ในปี ค.ศ. 2013 ตู้ชางหลินคิดในใจว่า 3 ปีหลังจากนี้ จะต้องเข้าร่วมการแข่งขันในรายการ The World Green Tea Contest ที่เมืองชิซูโอกะให้ได้ ซึ่งเขายังได้พูดออกมาอย่างมั่นใจมาก ๆ ว่า “ชาของเราจะต้องได้รับรางวัลอย่างแน่นอน” และผลก็เป็นดั่งที่หวังไว้ ในปี ค.ศ. 2016 ชาอูหลงชิงเซียงลี่ซานและชาดำลี่ซานของบริษัท Hwa Gung Tea ทั้ง 2 ชนิดได้รับรางวัลสูงสุด Grand Gold Prizes (เป็นรางวัลเฉพาะชาสิบอันดับแรกในการแข่งขัน)
ตู้ชางหลินซึ่งถูกเชิญให้ไปเป็นคณะกรรมการตัดสินการแข่งขันชาอยู่บ่อยครั้งเห็นว่า ชาที่ดีจะต้องขึ้นอยู่กับ 3 องค์ประกอบ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สภาพภูมิอากาศ และกระบวนการผลิต