คนที่กลับมาจากเมียนมา
บนถนนหัวซินจะมีอยู่คำหนึ่งที่มักจะได้ยินคือคำว่า Myanmapyan เป็นภาษาเมียนมาแปลว่า “คนที่กลับมาจากเมียนมา” ก่อนที่จะมาไต้หวัน ชาวจีนโพ้นทะเลจากเมียนมากลุ่มนี้ไม่เคยอาศัยอยู่ในไต้หวันมาก่อน ดังนั้นการเข้าใจถึงอารมณ์ความรู้สึกในฐานะชนชาติเดียวกัน จึงทำให้การอพยพย้ายถิ่นฐานมายังไต้หวัน เปรียบเสมือนเป็น “การกลับประเทศ” อีกแบบหนึ่ง และเรียกตนเองว่า “ชาวจีนโพ้นทะเลจากเมียนมาที่เดินทางกลับประเทศ”
ชาวจีนโพ้นทะเลจากเมียนมาทุกคนล้วนเก็บซ่อนเรื่องราวการโยกย้ายถิ่นฐานที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์และอุปสรรคต่าง ๆ มากมายไว้ คุณเจี่ยนหมิงโหย่ว (簡明有) อดีตรองประธานสมาคม MYANMAR OVERSEAS CHINESE ASSOCIATION ที่นั่งอยู่ในร้านอาหารฮาลาลหลี่หยวนเป็นชาวจีนโพ้นทะเลอาวุโสจากเมียนมาที่อพยพมาอยู่ไต้หวันนานกว่า 30 ปีแล้ว ได้เล่าเรื่องราวของตัวเองให้เราฟัง
คุณเจี่ยนหมิงโหย่ว เติบโตที่เมืองมยิจีนา (Myitkyina) ประเทศเมียนมา ในครอบครัวที่ทำธุรกิจค้าขายบริเวณชายแดนเมียนมา-จีนมาโดยตลอด และทยอยซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเมืองมยิจีนามาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งถึงรุ่นพ่อของเขาจึงตัดสินใจอพยพจากมณฑลยูนนานมาอาศัยอยู่ที่เมียนมาอย่างถาวร
หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว เขาได้ผ่านการสอบคัดเลือกเป็นนักศึกษาต่างชาติ และได้เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเจิ้งจื้อ (National Chengchi University, NCCU) ในสาขาวิชาชาติพันธุ์ศึกษา แต่ในขณะนั้นรัฐบาลทหารเมียนมาได้ดำเนินนโยบายปิดประเทศ คุณเจี่ยนหมิงโหย่วนึกย้อนกลับไปว่า “การมาไต้หวันหมายความว่าจะไม่สามารถกลับไปได้ หรือเท่ากับการแยกจากกัน” อีกทั้งเขายังเป็นลูกชายคนโตของบ้าน ผู้เป็นมารดาจึงไม่สามารถทำใจได้ แอบเอาหนังสือเดินทางที่ถูกส่งมาถึงบ้านไปซ่อนไว้ เพื่อไม่ให้เขาเดินทางออกนอกประเทศ
ภูมิหลังในการเติบโตที่ไม่เหมือนใครนี้ ทำให้คุณเจี่ยนหมิงโหย่วใช้ภาษาเมียนมาไม่คล่องแคล่วเท่าภาษาจีน แต่หลังจากทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คิดเพราะไม่ได้เดินทางมายังไต้หวัน เขาจึงไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยย่างกุ้งในสาขาภาษาเมียนมา ประกอบกับในวัยเด็กเขาได้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยชนกลุ่มน้อย จึงทำให้มีทักษะทางภาษาที่หลากหลาย และมีความอ่อนไหวต่อความแตกต่างของกลุ่มชาติพันธุ์และวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก นี่ถือเป็นข้อได้เปรียบของเขา
จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1981 เขาได้เดินทางมาอาศัยอยู่ที่ไต้หวันในฐานะผู้ย้ายถิ่น และได้ผ่านการสอบจนได้บรรจุเข้ารับราชการ ตลอดเวลากว่า 20 ปี เขาได้รับหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองจากต่างประเทศที่มาเยือนอนุสรณ์สถานซุนยัดเซ็น (National Dr. Sun Yat-Sen Memorial Hall) ภูมิหลังการเติบโตที่ไม่เหมือนใครนี้ ทำให้หน้าที่การงานของเขาก้าวหน้าขึ้นอย่างต่อเนื่อง “ผมเคยต้อนรับบิล คลินตัน, มาร์กาเรต แทตเชอร์ และมีคาอิล กอร์บาชอฟมาแล้ว” เมื่อกล่าวถึงช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ในตอนนนั้น คุณเจี่ยนหมิงโหย่วยังคงรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
ถนนหัวซินที่ถูกขนานนามว่าเป็น “ลิตเติลเมียนมา” ได้จัดงานสงกรานต์ขึ้นเป็นประจำทุกปี (วันขึ้นปีใหม่ดั้งเดิมของเมียนมา) ทุกบ้านจะออกมาสาดน้ำและสรงน้ำพระเพื่อความเป็นสิริมงคล (ภาพจาก จินหงเฮ่า)