ปัจจุบันในไต้หวันมีผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่รุ่นที่ 2 ทะลุ 360,000 คน ในจำนวนนี้มีหลายคนที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จัก เช่น โจวหลงน่า (鄒隆娜) ผู้กำกับชาวไต้หวัน เชื้อสายฟิลิปปินส์ ซึ่งใช้ภาพยนตร์เป็นสื่อในการสมานรอยแผลที่บาดหมางกันระหว่างไต้หวันกับฟิลิปปินส์, เฉินโย่วจิน (陳又津) ผู้สืบทอดความกล้าหาญจากคุณแม่ชาวอินโดนีเซีย มุ่งมั่นกับชีวิตและงานเขียน, จางหวั่นเจา (張婉昭) นักเต้นที่พลิกชีวิตครั้งแล้วครั้งเล่า บุคคลเหล่านี้ถือเป็นนักสร้างสรรค์ที่ค้นพบตัวเองได้อย่างแท้จริง ผลงานของพวกเขาเป็นตัวชี้ถึงคำตอบของคำถามที่ว่า "ฉันเป็นใคร" ได้ดีโดยไม่ต้องให้ใครมาจำกัดความ
งานเขียนฉบับท่องไปในโลกกว้างของเฉินโย่วจิน
คุณแม่ของเฉินโย่วจินเป็นชาวอินโดนีเซียเชื้อสายจีน ตอนเป็นเด็ก เธอมักถูกถามเสมอว่า คุณแม่ของเธอเป็นคนที่ไหน เธอก็จะคอยหาคำตอบอยู่ตลอดเวลา เรียกได้ว่าการตอบคำถามกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ภายหลังเธอลองรวบรวมคำตอบที่เคยตอบไว้ และพบว่ามีจำนวนมากมายจนนับไม่ถ้วน ราวกับว่าแม่ของเธอสามารถแปลงร่างใหม่ได้เรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด นี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เธอเริ่มสนใจเขียนนวนิยาย
ในฐานะที่เป็นผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่รุ่นที่ 2 เธอพูดด้วยท่าทางสบายๆ ว่า "ทุกคนมองว่าการตีตราหรือแบ่งแยกในลักษณะนี้ เป็นการบอกว่าคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีความพิเศษ แต่ฉันเองไม่เคยคิดว่ามันพิเศษตรงไหน คนเราทุกคนล้วนไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเทือกเถาเหล่ากอของฉันก็ดี ประเภทวรรณกรรมที่ฉันชอบก็ดี มีความจำเป็นอย่างไรที่ต้องมาจำแนก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ การแบ่งแยกนั้นมีผลทางบวกหรือไม่? อย่างไร?"
หนังสือเรื่อง "ว่าที่คนไทเป" (準台北人) เป็นหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องราวของชีวิตที่นอกเหนือจากการเป็นผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่รุ่นที่ 2 อย่างลึกซึ้ง คุณพ่อซึ่งเป็นทหารผ่านศึกและคุณแม่เป็นชาวอินโดนีเซียเชื้อสายจีน มาตั้งรกรากที่เขตซันฉง (三重區) ในนครนิวไทเป (新北市) เฉินโย่วจินบอกเล่าถึงประวัติและความเป็นมาของคุณแม่อย่างละเอียด ขณะที่เธอไม่ค่อยสนิทกับคุณพ่อเท่าไรนัก คุณแม่ของเธอเป็นคนที่มีบุคลิกเข้มแข็ง เดิมพันอนาคตของตัวเองด้วยตั๋วเครื่องบินเพียงใบเดียว และก่อนที่วีซ่าท่องเที่ยวของเธอจะหมดอายุลง เธอคิดหาหนทางเพื่อที่จะแต่งงานและลงหลักปักฐานใช้ชีวิตในไต้หวัน ทุกครั้งที่ได้ยินเพื่อนบ้านซึ่งมีนิสัยสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่น พูดถึงเธอด้วยน้ำเสียงดูแคลนว่า "เธอเป็นคนอินโดนีเซีย" คุณแม่ก็สามารถที่จะตอบโต้ได้อย่างคมคายจนอีกฝ่ายถึงกับสะอึกจนพูดไม่ออก และไม่กล้าที่จะใช้คำพูดเยาะเย้ยถากถางคุณแม่ว่า "มาจากอินโดนีเซีย" อีกเลย
งานเขียนของเฉินโย่วจินจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดถึงประเทศบ้านเกิดของผู้เป็นแม่หรือเรื่องราวเกี่ยวกับบ้านเกิดเมืองนอน แต่สำหรับเธอแล้ว เรื่องนี้เป็นเพียงการพลิกผันของชีวิต ไม่ใช่การหลงลืมรากเหง้าหรือการหลงเดินผิดทาง เธอโยนคำถามกลับว่า ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่รุ่นที่ 2 หมายถึงอะไร? "เพราะในความเป็นจริงแล้ว ไม่เคยมีผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่รุ่นที่ 2 เลย" เฉินโย่วจินกล่าว คนเราทุกคนมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ใครบ้างที่ไม่ใช่คนรุ่นใหม่ ถ้าเช่นนั้นก็ลองเดินไปค้นหาไปดู จงท่องไปในโลกกว้างพร้อมกับค้นหาสิ่งที่ใช่สำหรับตัวเอง