เพื่อสุขภาพและเพื่อโลกใบนี้ที่ดียิ่งขึ้น
“ปี ค.ศ.2020 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ลุกลามไปทั่วโลก ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า อาหารมังสวิรัติเป็นพลังสำคัญที่สอดรับกับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและความเป็นมิตรกับสัตว์” เย่ไฉ่หลิง (葉采靈) หรือ ชาร์ลีน (Charlene) ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ มูลนิธิเกษตรอินทรีย์ฉือซินเปิดเผยว่า เนื่องจากเชื้อโควิด-19 อาจมีต้นกำเนิดมาจากการบริโภคสัตว์ป่า จากมุมมองด้านระบาดวิทยาและการสาธารณสุขที่ระบุว่า การลดการบริโภคเนื้อเป็นหนึ่งในวิธีการป้องกันตนเองจากโรคและการเลือกบริโภคอาหารมังสวิรัติยังช่วยให้ความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคติดต่อระหว่างคนและสัตว์ ลดลงอย่างมากอีกด้วย
มูลนิธิเกษตรอินทรีย์ฉือซินเริ่มรณรงค์บริโภคอาหารมังสวิรัติตั้งแต่ปี ค.ศ.2004 พระอาจารย์รื่อฉาง (日常老和尚) ผู้ก่อตั้งมูลนิธิฯ มีทรรศนะว่า การกินเจช่วยลดการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตและเป็นการคุ้มครองชีวิตสัตว์ ซึ่งเป็นหนึ่งในศีล 5 ที่เป็นหลักปฏิบัติสำคัญในการดำรงชีวิตของพุทธศาสนิกชน
อิทธิพลของหนังสือเรื่อง Diet For a New America เขียนโดย John Robbins ทำให้ไม่เพียงแค่พุทธศาสนิกชนเท่านั้น หากทุกคนลดการบริโภคเนื้อลงสักนิด ก็จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการมีสุขภาพที่ดี คุ้มครองสัตว์และเพื่อให้โลกใบนี้ดีขึ้น พระอาจารย์รื่อฉางได้ก่อตั้งมูลนิธิเกษตรอินทรีย์ฉือซินขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะอาศัยการเกษตรอินทรีย์มาช่วยทำให้สรรพสิ่งในโลกนี้มีความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน และอีกภารกิจหนึ่งก็คือผลักดันการบริโภคอาหารมังสวิรัติ
จากการผลักดันของสมาคม Buddha's Light International Association (BLIA) ทำให้ทั่วโลกมีผู้คนมากกว่า 330,000 คน ร่วมลงนามในแผนการ Vege Plan A ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่ได้เรียกร้องให้กินเจเพียงเพื่อความเชื่อทางศาสนาหรือการดูแลสุขภาพเท่านั้น แต่เพื่อเป็นการลดภาวะโลกร้อนและแก้ไขวิกฤตอาหารด้วย ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลสถิติของมูลนิธิ Bliss & Wisdom Foundation ซึ่งขานรับแผนการดังกล่าวระบุว่า ตลอดปี ค.ศ.2020 มีคนเข้าร่วมแผนการนี้มากกว่า 10,000 คน บริโภคอาหารมังสวิรัติรวม 6.87 ล้านมื้อ ซึ่งเท่ากับเป็นการลดการตัดต้นไม้ 1.03 ล้านต้น ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 1,032 ตัน ประหยัดน้ำได้ 550,000 ตัน และลดการฟุ่มเฟือยอาหารลง 3.77 ล้านตัน
นอกจากเสนอให้ขยายเป้าหมายของการบริโภคอาหารมังสวิรัติให้กว้างไกลขึ้นแล้ว แม้แต่กลยุทธ์ในการประชาสัมพันธ์ก็เปลี่ยนจากการเกลี้ยกล่อมให้เห็นแก่ศีลธรรม เน้นย้ำความรู้สึกผิดและเป็นบาป ปรับมาเป็นการใช้ท่าทีที่เปิดกว้างและยอมรับมากขึ้น ในปี ค.ศ.2018 มูลนิธิเกษตรอินทรีย์ฉือซิน และ Vegan 30 (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น สมาคมเพื่อความเป็นมิตรกับสัตว์แห่งไต้หวัน (KiTA)) ได้เชิญ CEVA (Center for Effective Vegan Advocacy) องค์กรที่ผลักดันและฝึกอบรมการบริโภคอาหารมังสวิรัติที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ มาแบ่งปันประสบการณ์การผลักดันการบริโภคอาหารมังสวิรัติ ด้วยกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงและมีประสิทธิผลมากขึ้น ส่งผลให้ในปี ค.ศ.2020 มูลนิธิเกษตรอินทรีย์ฉือซิน ได้เปิดตัวแคมเปญ “7 ขั้นตอนสู่การเป็นนักมังสวิรัติ” (Vegetarian How-To in Seven Steps) ซึ่งเป็นการฝึกปฏิบัติเพื่อก้าวไปสู่การเป็นนักมังสวิรัติด้วยท่าทีที่สบายๆ ไม่ได้มุ่งเน้นเป็นพิเศษในเรื่องการงดเว้นผักกลิ่นฉุน 5 ชนิด (หอมแดง กระเทียม กุ้ยช่าย หลักเกียว และหอมหัวใหญ่) หรือการไม่ทานไข่และดื่มนม อีกทั้งในบางครั้งจะบริโภคอาหารที่มีเนื้อสัตว์สักมื้อก็ได้ ซึ่งในที่สุดแล้ว การบริโภคอาหารมังสวิรัติจะซึมซับเข้าเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต ตลอดจนเปลี่ยนแปลงทัศนคติในการดำรงชีวิต
ผู้ที่เข้าร่วมแผนการ Vege Plan A มีทั้งที่เคยเป็นเจ้าของร้านเครื่องในสัตว์ลวกจิ้ม ซึ่งต่อมาได้ปิดกิจการของครอบครัวแล้วหันมาเปิดร้านกาแฟและอาหารมังสวิรัติแทน
นอกจากนี้ยังมีเจ้าของธุรกิจ ซึ่งทุกเดือนจะเลี้ยงพนักงานด้วยอาหารมังสวิรัติ 1 มื้อ และยังรับหน้าที่นำข้าวกล่องมังสวิรัติไปส่งให้บุคลากรทางการแพทย์ฟรีอีกด้วย ชาร์ลีน กล่าวว่า “ก็เพราะมีคนดี ๆ จำนวนมาก ทำความดีมากมายหลายอย่าง ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไต้หวันจึงกลายเป็นสถานที่ที่เปี่ยมไปด้วยความผาสุก”
อาหารมังสวิรัติที่สามารถหาซื้อมาลิ้มลองรสชาติได้จาก No Meat Market