ร่วมกันร่างภาพของแรงงานต่างชาติ
เมื่อปี 2020 พิพิธภัณฑ์สิทธิมนุษยชนฯ ได้เชิญพิพิธภัณฑ์ภายในประเทศ 15 แห่ง และกลุ่ม NGO ที่ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้แก่แรงงานต่างชาติมาเป็นเวลายาวนานอีก 15 แห่ง เช่น สมาคมแรงงานนานาชาติไต้หวัน (Taiwan International Workers' Association: TIWA 台灣國際勞工協會), สมาคมบริการมวลชนนครเถาหยวน (桃園市群眾服務協會), กลุ่มวัฒนธรรมชาวเวียดนามเมืองเจียอี้ (越在嘉文化棧), สตูดิโอประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม 1095 (1095文史工作室) เป็นต้น มาร่วมแบ่งปันแลกเปลี่ยนมุมมองต่างๆ เกี่ยวกับแรงงานต่างชาติที่พวกเขาให้ความสนใจ เพื่อร่วมกันค้นหาแนวทางปฏิบัติ และเริ่มต้นการเดินทางเพื่อการเรียนรู้ร่วมกัน โดยในปีนี้ได้จัดนิทรรศการพิเศษเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนของผู้ย้ายถิ่น ร่วมกันร่างความเป็นไปได้ในการสื่อสารกับสังคม ที่จะทำให้เสียงของแรงงานต่างชาติมีผู้คนได้ยินมากยิ่งขึ้น
ด้วยจิตวิญญาณแห่งการเรียนรู้ร่วมกัน พิพิธภัณฑ์สิทธิมนุษยชนฯ จึงได้ละทิ้งแนวทางการปฏิบัติตามปกติที่ให้นักวิจัยหรือภัณฑารักษ์ทำการวิจัยภาคสนาม ก่อนจะมอบหมายให้ทีมงานฝ่ายผลิตทำการออกแบบให้เป็นไปตามแผนงานของภัณฑารักษ์ ทำให้ความเข้าใจต่อเนื้อหาของข้อมูลและภาพรวมทั้งหมดขึ้นอยู่กับการโน้มนำของภัณฑารักษ์ทั้งสิ้น ขณะที่การจัดนิทรรศการพิเศษสิทธิมนุษยชนของผู้ย้ายถิ่นในครั้งนี้ ใช้รูปแบบ “การจัดเวิร์กช็อปเชิงภัณฑารักษ์” เพื่อให้สิทธิในการแสดงความคิดเห็นแก่กลุ่ม NGO โดยการออกแบบนิทรรศการมีบริษัท Hide and Seek Audiovisual Art (害喜影音綜藝) เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งจะไปเข้าพบและสัมภาษณ์กลุ่ม NGO แต่ละแห่งก่อน จากนั้นจึงทำการรวบรวมคีย์เวิร์ดทั้งหมดมากกว่า 100 คำ มาใช้ในการออกแบบการจัดเวิร์กช็อป เพื่อเปิดโอกาสให้บรรดากลุ่ม NGO ได้พูดคุยหารือกันอย่างเต็มที่ จากการที่ต่างฝ่ายต่างก็เป็นกลุ่ม NGO ซึ่งทำงานด้านสิทธิประโยชน์ของแรงงานต่างชาติมาเป็นเวลายาวนานหลายปี ทำให้มีวัตถุดิบในการอภิปรายกันอย่างเต็มที่ในการประชุมเวิร์กช็อปแต่ละครั้ง จากนั้นรวบรวมทั้งหมดโดย หลินเจิ้งเว่ย (林正尉) ภัณฑารักษ์ และทีมงานของ Hide and Seek จะทำการสรุปในขั้นสุดท้าย และหลังผ่านการหารือในเวิร์กช็อปหลายครั้ง ในที่สุด แผนการจัดนิทรรศการดังกล่าวคือการแสดงให้เห็นภาพความยากลำบากที่แรงงานต่างชาติต้องเผชิญในหัวข้อต่างๆ เช่น ความต้องการในชีวิตประจำวันของประชาชนไต้หวัน, ย่างก้าวสู่สถานที่ใช้แรงงานของแรงงานต่างชาติ, ความต้องการขั้นพื้นฐานของแรงงานต่างชาติในฐานะมนุษย์, การจ้างงานและกลไกการบริหารจัดการแรงงานต่างชาติ, บทบาทในการ “ช่วยเสริม” ของกลุ่ม NGO เป็นต้น
ทีมงาน Hide and Seek ระบุว่า แนวทางการออกแบบเดิมคือการรวมฉากต่างๆ จากชีวิตแรงงานต่างชาติ แต่จากการความคืบหน้าในการประชุมหารือจัดนิทรรศการ “การทำให้ชาวไต้หวันเห็นภาพของแรงงานต่างชาติอยู่ในชีวิตประจำวัน” ยิ่งใกล้เคียงกับวิสัยทัศน์ของการจัดนิทรรรศการมากขึ้น ภายในบ้าน, ในบ้านพักคนชรา, บนภูเขา, ในโรงงาน, บนมหาสมุทรที่ห่างไกล…ทุกที่ในไต้หวันล้วนมีภาพของแรงงานต่างชาติปรากฏอยู่ด้วย อาหารทะเลสดบนโต๊ะอาหาร, ไมโครชิปของโทรศัพท์มือถือ, ตึกสูง, รถไฟฟ้า ฯลฯ เกิดจากความทุ่มเทของแรงงานต่างชาติทั้งสิ้น ช่วยเสริมส่วนที่ไต้หวันขาดแคลนทรัพยากรบุคคลในอุตสาหกรรมที่เป็นงานหนัก สกปรก และอันตราย (ไต้หวันเรียกว่า อุตสาหกรรม 3K) ทำให้ประชาชนไต้หวันได้ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย ดังนั้น ทีมงาน Hide and Seek จึงวางแผนใช้รูปแบบของกราฟฟิกแผนที่ขนาดใหญ่ภายในพื้นที่จัดนิทรรศการ ชี้ให้เห็นว่ามีแรงงานต่างชาติอยู่ทุกหนทุกแห่งในชีวิตประจำวันของชาวไต้หวัน เมื่อเดินไปตามพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการ จะมีเนื้อหาเริ่มตั้งแต่ความต้องการในชีวิต, สภาพแวดล้อมการทำงาน ไปจนถึงกลไกและนโยบายของรัฐเกี่ยวกับแรงงานต่างชาติ และหมวดหมู่อื่นๆ นำเสนอเรื่องราวชีวิตของแรงงานต่างชาติในไต้หวันทั้งมุมมองระยะใกล้และไกล ทำให้การจัดนิทรรศการพิเศษใกล้เคียงกับแกนหลักของการจัดนิทรรศการมากขึ้น “ทำให้ภาพของแรงงานต่างชาติที่เคยเลือนรางค่อยๆ มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น” หลินเจิ้งเว่ยกล่าว
หลี่ลี่หัวผู้อุทิศตนทั้งชีวิตเพื่อปกป้องแรงงานต่างชาติ (คนที่ 2 จากขวา) รวบรวมเสื้อผ้ากันหนาวให้ชาวประมง และต่อสู้เพื่อสิทธิประโยชน์ด้านแรงงาน เธอบอกว่า เมื่อวางปัญหาของแรงงานต่างชาติให้มีความสำคัญเป็นลำดับแรกแล้ว เธอจะลืมความยากลำบากและความกลัวทั้งหมด (ภาพจาก หลี่ลี่หัว)