จากการโปรโมทบ้านเกิด สู่การโปรโมทไต้หวัน
Sunnygogo Dried Fruit เป็นหนึ่งในผู้ผลิตผลไม้อบแห้งรายแรก ๆ ของไต้หวัน ที่ไม่ใช้สารปรุงแต่งใด ๆ นอกจากจะไม่ใส่สารกันบูด ไม่ใส่สี และไม่แต่งกลิ่นแล้ว แม้แต่น้ำตาลก็ยังไม่ใส่ลงไป โดยจะเลือกใช้มะม่วง สับปะรด มะละกอ และผลไม้อื่น ๆ ที่มีระดับความหวานเพียงพอ มาอบในอุณหภูมิต่ำเพื่อให้น้ำระเหยออกมา ระดับความหวานก็จะเข้มข้นมากขึ้น จึงสามารถเรียกได้ว่าเป็นอาหารว่างที่ทั้งอร่อยและดีต่อสุขภาพ
คุณเฉินหรงซื่อ เกิดที่เขตหนานซี นครไถหนาน ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็น “ดินแดนแห่งผลไม้” เพราะนอกจากที่นี่จะเป็นแหล่งเพาะปลูกมะม่วงกับมะเฟืองใหญ่ที่สุดในไต้หวันแล้ว ยังมีพื้นที่ปลูกพุทราน้ำผึ้งใหญ่เป็นอันดับ 3 ของไต้หวันด้วย เมื่อสิบปีที่แล้วคุณเฉินหรงซื่อกับภรรยาของเขาคุณเฉินอี๋เชี่ยน (陳宜茜) ที่เป็นครูสอนศิลปะ ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัท Sunnygogo Dried Fruit ขึ้นมา โดยเริ่มแรกคืออยากช่วยโปรโมทส่งเสริมผลไม้ในท้องถิ่น ซึ่งนอกจากผลไม้อบแห้งแล้ว ก็ยังมีผลิตภัณฑ์ผลไม้สดเกรดพรีเมียมที่ผลิตในเขตหนานซี อาทิ พุทราน้ำผึ้ง, มะม่วงอ้ายเหวิน และลิ้นจี่อวี้เหอเปา ที่จัดส่งทางอากาศออกไปจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น หรือส่งถึงบ้านลูกค้าที่สั่งซื้อผ่านบริษัทขนส่งในประเทศอย่าง T-Cat คุณเฉินหรงซื่อใช้สำเนียงไถหนานดั้งเดิมพูดว่า ผลไม้ของประเทศอื่นไม่มีทางประณีตได้เท่ากับของไต้หวันอย่างแน่นอน !
ทุกเดือนมีนาคม จะเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลของการผลิตผลไม้อบแห้ง โดยเริ่มจากสับปะรด, ฝรั่ง และต่อด้วยแก้วมังกร จากนั้นในเดือนกรกฎาคมจะมีผลิตภัณฑ์หลักที่ต้องทำการผลิตก็คือมะม่วงอบแห้ง สลับกับกล้วยน้ำว้า, กระเจี๊ยบ, มะละกอ และมะเฟือง หลังผ่านการอบแห้งด้วยอุณหภูมิต่ำแล้ว กลิ่นหอมของผลไม้จะยิ่งเข้มข้นขึ้น อาทิ มะละกอพันธุ์ไถหนงหมายเลข 2 อบแห้ง เมื่อรับประทานต่อเนื่องกัน 15 คำ จะให้ความรู้สึกเหมือนกับการรับประทานนมมะละกอ ส่วนกล้วยน้ำว้าที่หวานมีเนื้ออ่อนนุ่ม เมื่อผ่านการอบแห้งแล้ว คุณภาพของเนื้อจะยังคงนุ่มหนึบ เหมาะสมสำหรับให้เด็กเล็กและผู้สูงอายุรับประทาน เพราะเหมือนกับการรับประทานเจลลีผลไม้รสธรรมชาติ ที่มีรสชาติหอมอร่อยของกล้วยและยังมีคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย
กลางเดือนมิถุนายนจะเป็นช่วงที่มะม่วงออกผลอย่างเต็มที่ ดังนั้นหากอยากกินมะม่วงรสชาติหวานอร่อย จึงถือว่าช่วงเวลานี้เหมาะสมที่สุด แต่สำหรับผู้บริโภคที่ชื่นชอบมะม่วงเฮยเซียง (黑香芒果) อาจจะต้องลำบากสักหน่อย เพราะมะม่วงพันธุ์นี้มีความไม่แน่ไม่นอน สุกง่ายมาก แต่กลับไม่ทนต่อการเก็บรักษา จึงยากที่จะพบกับจังหวะเวลาในการรับประทานที่แน่นอน
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ คุณเฉินหรงซื่อ ก็พูดด้วยความมั่นใจว่า “มะม่วงเฮยเซียงอบแห้งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพในการทำผลไม้ของพวกเรา” มะม่วงเปลือกสีเขียวชนิดนี้ มีกลิ่นหอมเหมือนลำไย ตอนที่ผลยังเป็นสีแดงอยู่เราไม่สามารถเด็ดลงมาได้ ดังนั้นจึงทำได้แต่เพียงต้องรอให้สุกก่อน แล้วค่อยนำมาแปรรูป พนักงานจำเป็นต้องจับเนื้อผลไม้บริเวณรอบ ๆ ขั้วทุกวัน หากรู้สึกได้ว่าออกแรงหน่อยแล้วกดลงได้ ก็แสดงว่าสุกแล้ว จึงสามารถนำมาเข้าสู่กระบวนการแปรรูปได้ เมื่อกลายเป็นผลไม้อบแห้งแล้ว กลิ่นหอมจะมีความเข้มข้นมากขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงมีกลุ่มผู้บริโภคที่คลั่งไคล้ในมะม่วงเฮยเซียงอบแห้งอยู่ไม่น้อย
นอกจากผลไม้อบแห้งแล้ว ทีมงานของ “นิตยสารไต้หวันพาโนรามา” ยังได้เดินทางไปเยือนและสัมภาษณ์บริษัทอาหารลวี่ฟง หรือ Green Bee Jam factory ซึ่งได้รับใบรับรองมาตรฐาน ISO 22000 และ HACCP ถึงแม้ระหว่างทางเดินในการเยี่ยมชมจะมีกระจกกั้นอยู่ แต่ก็ยังได้กลิ่นหอมของแยมผลไม้ที่เข้มข้นโชยมาเป็นระยะ
คุณหวังปั๋วข่าย (王柏凱) รองผู้จัดการของ Green Bee Jam factory เผยว่า ผลไม้ที่ปลูกในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วไต้หวัน สามารถนำมาทำเป็นแยมผลไม้กับซอสผลไม้ได้หลากหลายชนิด ตัวอย่างเช่น ส้มจี๊ดและแยมส้มจี๊ดของเมืองอี๋หลาน, ลิ้นจี่ที่ตำบลเฟินหยวน เมืองจางฮั่ว ที่ถูกนำมาทำเป็นแยมลิ้นจี่สำหรับใช้รับประทานกับวาฟเฟิลไข่ซึ่งส่งออกไปจำหน่ายที่ฮ่องกง, ลำไยจากเขตตงซัน นครไถหนาน ที่ถูกนำไปทำเป็นขนมเค้ก และส้มสายน้ำผึ้งกับส้มแมนดารินที่เมืองจางฮั่ว นำมาทำเป็นแยมผลไม้สำหรับใส่เป็นไส้แซนด์วิช เป็นต้น โดยล่าสุดได้ร่วมมือกับผู้ประกอบการวิจัยพัฒนาแผ่นแพนเค้กไต้หวันรสผลไม้ ที่ประกอบด้วยสตรอว์เบอร์รี เสาวรส และมะม่วง เพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังสหรัฐอเมริกาด้วย
คุณหวังปั๋วข่ายกล่าวว่า หลังผ่านการตัดแต่งผลไม้ในสัดส่วนที่แตกต่างกันและใช้เวลาในการต้มเคี่ยว ประกอบกับการเติมส่วนผสมสำหรับผลไม้ลงไป ก็สามารถปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นรสชาติและเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันได้มากกว่า 200 แบบ โดยเฉพาะมะม่วงกับเสาวรสคือผลไม้ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลก เพราะมีการนำมะม่วงและเสาวรสไปทำให้เป็นแยมผลไม้ ซึ่งสามารถใช้ได้กับขนมเค้ก, โดรายากิ และขนมครกสไตล์ไต้หวัน หรือจะใช้เป็นซอสสำหรับผสมในเครื่องดื่มชาแบบเย็นและสลัดต่าง ๆ แม้กระทั่งราดลงไปบนเต้าฮวยกับน้ำแข็งไสก็ได้ ตัวอย่างเช่น มะม่วงอ้ายเหวินของไต้หวัน ที่มีรสชาติตอนรับประทานสด ๆ จะมีความชัดเจนมาก และเมื่อนำมาทำเป็นแยมผลไม้หรือซอส จึงทำให้มีกลิ่นหอมโดดเด่นกว่ามะม่วงของประเทศอื่น ดังนั้นเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ทางบริษัทฯ จึงได้ร่วมมือกับผู้ประกอบการทำแป้งวาฟเฟิลรสมะม่วงแบบแช่แข็ง เพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังสหรัฐอเมริกาด้วย
การแปรรูปผลไม้ไต้หวันมีวิธีนับร้อยแบบ ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้เราสามารถรับประทานผลไม้เขตร้อนในช่วงฤดูหนาวได้ แต่ยังเหมือนดั่งที่คุณเฉินหรงซื่อได้กล่าวไว้ว่า ผลไม้สดมีข้อจำกัดเรื่องการจัดเก็บ การขนส่ง และระยะเวลา ดังนั้นเมื่อนำมาผ่านการแปรรูปจึงสามารถขนส่งได้ไกลกว่าเดิม และมีระยะเวลาการเก็บรักษาที่ยาวนานขึ้นด้วย ซึ่งนี่ก็คือเหตุผลที่ทำให้ผลไม้เขตร้อนอบแห้งคุณภาพดีของไต้หวัน สามารถส่งออกไปจำหน่ายในประเทศต่าง ๆ ได้ทั่วโลก