ความสุขบังเกิดเมื่อฝันกลายจริง
“ผู้สมัครโครงการสานฝันฯ มาจาก 16 ประเทศ” ทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ยุโรป อเมริกา, อียิปต์, เม็กซิโก, จีนแผ่นดินใหญ่ ล้วนเป็นกลุ่มเป้าหมายของการดูแล “เราไม่เพียงแต่ดูแลผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่รุ่นที่ 1 เท่านั้น ปัจจุบันเรายังขยายขอบเขตไปถึงบุตรธิดาและครอบครัวของพวกเขาด้วย” เพื่อให้บุตรธิดาของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่มีจำนวนกว่า 430,000 คน ได้เรียนรู้และสัมผัสวัฒนธรรมดั้งเดิมของบิดาหรือมารดาตนเองอย่างลึกซึ้ง ก่อให้เกิดการยอมรับตนเอง และใช้เงินทุนจากโครงการไปดำเนิน “กลวิธีการสอนแบบเสริมต่อการเรียนรู้ (Scaffolding)” ด้วยการจัดหาทรัพยากรที่เพียงพอในการยกระดับความสามารถในการเรียนรู้ เพื่อให้เด็กๆ เกิดความมั่นใจ ไม่รู้สึกสับสนอีกต่อไป และยังนำไปสู่การทบทวนเกี่ยวกับภูมิหลังทางวัฒนธรรมสองชาติเพื่อใช้ความได้เปรียบอันหลากหลายให้เกิดประโยชน์
นาฏศิลป์และดนตรีถือเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนแบบไร้พรมแดน หลินเสี่ยวถิง (林小婷) ซึ่งมารดาเป็นชาวอินโดนีเซีย รู้สึกสนใจด้านนาฏศิลป์ดั้งเดิมของเกาะบาหลีเป็นอย่างมาก เธอนำเงินทุนที่ได้จากโครงการไปใช้ซื้อเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับแบบดั้งเดิมมาสวมใส่เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมอินโดนีเซียในกิจกรรมด้านสวัสดิการสังคมนับครั้งไม่ถ้วน เหม่ยน่า (美娜) ซึ่งมารดาเป็นชาวเวียดนาม และเลี่ยวเจี้ยนหาว (廖建豪) ซึ่งมารดาเป็นชาวฟิลิปปินส์ ใช้การเขียนหนังสือเพื่อระบายอารมณ์ความทุกข์ โดดเดี่ยว จิตตก และค้นหาตัวเองอีกครั้ง ส่วนหวงเสี่ยวหยุน (黃曉妘) ซึ่งมารดาเป็นชาวเวียดนาม จัดทำวิดีโอแอนิเมชันและหนังสือภาพเรื่อง “เชื่อมั่นในตนเอง” มาแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในตัวเองที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้
อาหารเลิศรสก็ถือเป็นทางลัดที่จะนำพาผู้คนให้เข้ามาใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น สั่นสูเจวียน (閃淑娟) จากเมียนมา นอกจากเธอจะใช้อาหารจากบ้านเกิดมาเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนปฏิสัมพันธ์กับผู้คนแล้ว ยังกระตุ้นให้ลูกชายเข้าร่วมและจัดตั้งชั้นเรียนมุสลิมศึกษา เพื่อให้ประชาชนไต้หวันมีความรู้ความเข้าใจในวัฒนธรรมอิสลามมากยิ่งขึ้น ด้านซูลี่เหลียน (蘇麗蓮) จากอินโดนีเซีย ใช้การปลูกต้นวานิลลามาถักทอเป็นความทรงจำในวัยเยาว์ เพื่อให้รสชาติจากบ้านเกิดหอมอบอวลไปทั่วไต้หวัน
“เรามีหลักฐานข้อมูลทางสถิติที่สนับสนุนว่า ความสุขค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละปี” จากข้อมูลที่มีอยู่มากมายในเว็บไซต์ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความห่วงใยต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในทุกๆ ด้าน จากเงินช่วยเหลือทุนการศึกษาสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่, โครงการจุดประกายฯ ระยะเวลา 3 ปี จนถึงปีค.ศ.2012, โครงการสานฝันฯ ที่เริ่มเมื่อปีค.ศ.2015, โครงการอบรมบุตรธิดาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในต่างประเทศ, ค่ายสัมผัสประสบการณ์และความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ด้านวัฒนธรรมอันหลากหลายสำหรับบุตรธิดาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ วิธีการปลูกฝังแบบค่อยเป็นค่อยไปทีละขั้นทีละตอนเช่นนี้ จะช่วยทำให้ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่รู้สึกมีที่พึ่งทางใจ รวมถึงช่วยบรรเทาความว้าวุ่นใจที่เกิดจากต้องข้ามน้ำข้ามทะเลมาพำนักอาศัยอยู่ในไต้หวัน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ได้รับรางวัลในโครงการสานฝันฯ จะได้เข้าร่วมทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการบริหารจัดการกองทุนเพื่อการพัฒนาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ คอยเป็นปากเป็นเสียงแทนผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ หวงเสี่ยวหยุน (黃曉妘) ผู้ชนะโครงการครั้งที่ 6 ได้รับเลือกให้เป็นกรรมการที่ปรึกษารุ่นเยาว์ สมัยที่ 3 ของสภาบริหารไต้หวัน ตลอด 7 ปีที่ผ่านมานี้ ทุกโครงการล้วนเป็นเรื่องจริงที่ถ่ายทอดเรื่องราวของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่จากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งสานฝันอย่างกล้าหาญในไต้หวัน และเริ่มต้นบนเส้นทางใหม่ของชีวิตได้อย่างมั่นใจ