ความทรงจำของชาวไทจง
เรื่องราวเกิดขึ้นที่ไทจง จากสถิติของทางการระบุว่า ที่ ไทจงมีแรงงานข้ามชาติประมาณ 80,000 คน มากเป็น อันดับ 3 ในไต้หวัน บริเวณสถานีรถไฟไทจงและห้างไท จง (第一廣場) (รวมถึงถนนชิงเฉ่า) จะเป็นแหล่งชุมนุม ของบรรดาแรงงานข้ามชาติในวันหยุด
ที่ตั้งของห้างไทจงในปัจจุบัน เดิมคือตลาดค้าปลีกไทจง ที่ 1 ซึ่งเป็นของรัฐบาล ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีค.ศ.1908 ต่อมา เกิดอัคคีภัยขึ้นในปี 1978 จึงถูกรื้อทิ้งและก่อสร้างขึ้นใหม่ ในลักษณะของอาคารพาณิชย์ที่เป็นทั้งศูนย์รวมความ บันเทิงและที่พักอาศัย ซึ่งเรียกกันในหมู่เพื่อนคนไทย ว่า “ห้างไทจง” หรือ “ตี้อีกว๋างฉ่าง” (第一廣場) โดย ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น “ตงเสียกว๋างฉ่าง”(東協廣場 มี ความหมายว่าตลาดอาเซียน) แล้ว ในยุคนั้น “ห้างไท จง” เป็นศูนย์รวมแฟชั่นทันสมัยสุดๆ และห้างสรรพสินค้า ชั้นนำ รวมทั้งเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่วัยรุ่นนิยมชมชอบนัด หมายมาช็อปกันที่นี่ แต่เมื่อปีค.ศ.1995 เกิดเหตุการณ์ไฟ ไหม้ภัตตาคารเวยเอ่อคัง ในเมืองไทจง มีผู้เสียชีวิตถึง 64 คน และบาดเจ็บอีก 11 คน เนื่องจากระบบทางหนีไฟไม่ ได้มาตรฐาน จนกลายเป็นโศกนาฏกรรมครั้งรุนแรงที่สุด ในประวัติศาสตร์ของนครไทจง และมีผู้เสียชีวิตมากเป็น อันดับ 2 ในไต้หวัน เหตุการณ์นี้ได้ก่อให้เกิดการตื่นตัวต่อ ความปลอดภัยในอาคารขนาดใหญ่ในไต้หวัน และการ ท“ี่ หา้ งไทจง”ไมผ่ า่ นการตรวจสอบมาตรฐานระบบหนไี ฟ ทำให้ผู้คนหวาดเกรงอันตรายที่จะเกิดขึ้น ในที่สุด “ห้าง ไทจง” จึงหมดความนิยมไป ผู้คนก็ร่อยหรอลงอย่างถนัด ตาทีเดียว
หลังปีค.ศ.2000 ร้านค้าที่ขายสินค้าจากเอเชียตะวัน ออกเฉียงใต้ได้ทยอยเปิดร้านใน "ห้างไทจง" แห่งนี้ และ กลายเป็นแหล่งรวมตัว ช็อปปิ้งของบรรดาแรงงานข้าม ชาติที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง เมื่อถึงวันหยุด ที่นี่จะกลาย เป็น "แดนสวรรค์น้อยๆ" ของบรรดาแรงงานข้ามชาติ จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกลายเป็นสถานที่สำคัญ ที่ “1095” ใช้สำหรับการเสาะแสวงหาอารยธรรมจาก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปโดยปริยาย
1095 วัน
“1095” ชื่อนี้มาได้อย่างไร? ไต้หวันได้ประกาศอนุญาต นำเข้าแรงงานจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปีค.ศ. 1992 เพื่อทดแทนภาวะขาดแคลนแรงงานในไต้หวัน โดย กฎหมายดังกล่าวได้กำหนดให้แรงงานข้ามชาติทำงานใน ไต้หวันได้ไม่เกินครั้งละ 3 ปี ซึ่งก็เท่ากับจำนวน 1,095 วัน นั่นเอง
กวนอันหนี และเจียงเหยียนเจี๋ย สมาชิก “1095” เป็น วัยรุ่นที่ไต้หวันมักจะเรียกว่า เป็นเด็กชั้น ป.8 (เนื่องจาก เกิดในยุคทศวรรษที่ 1990 ) เติบโตขึ้นมาท่ามกลาง การนำเข้าแรงงานข้ามชาติ คุณเจียงเหยียนเจี๋ยเล่าให้ ฟังว่า “รอบๆ ตัวเรามีเพื่อนๆ ที่มาจากเอเชียตะวันออก เฉียงใต้มากมาย แต่เพราะสังคมไต้หวันยังดูแคลนและติด กับภาพลักษณ์เก่าๆ ของพวกเขา จึงพลาดโอกาสที่จะไป ทำความรู้จักกับพวกเขา”
ส่วนกวนอันหนี เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง “1095” กำลัง ศึกษาอยู่ในระดับปริญญาโท คณะอนุรักษ์วัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหยุนหลิน (國立雲林科技大學) ด้วยประสบการณ์การฝึกงานที่เยอรมนี ทำให้เธอเริ่มมี แนวความคิดว่า เมื่อเดินทางกลับไต้หวัน จะบันทึกเรื่อง ราวที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นกับ "บุคคล" เหล่านี้ เธอจึงนำรุ่น นอ้ งออกสำรวจภาคสนามเกยี่ วกบั แรงงานขา้ มชาตทิ ไี่ ท จงเป็นเวลากว่า 9 เดือน เพื่อศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ของ พวกเขา และนั่นก็คือที่มาของการวางแผนการจัดงาน “นิทรรศการแรงงานข้ามชาติไทจง 1095”
ส่วนเจียงเหยียนเจี๋ย ศึกษาอยู่ที่คณะประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติจงซิง (國立中興大學) คุณแม่ เป็นคนไทยเชื้อสายจีน ทำให้เขามีความผูกพันกับเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ในระดับที่ลึกลงไปอีกชั้นหนึ่ง เขา เข้าร่วมกิจกรรมชมรมนิเทศศาสตร์ สนใจปัญหา แรงงาน เมื่อได้รู้จักกับทีมของกวนอันหนี จึง ตัดสินใจเข้าร่วมขบวนการ “1095” อย่างไม่ รอรี ใช้ความสามารถพิเศษของตน จัดทำนิตยสาร หนัง สารคดี และอบรมอาสาสมัคร เจียงเหยียนเจี๋ย มีคติเตือน ใจตนเองอยู่ตลอดเวลาว่า “ความไม่เข้าใจอันเนื่องจาก ความไม่รู้จักเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ที่สำคัญกว่านี้ก็คือ การศึกษาและทำความเข้าใจ”
สร้างประสบการณ์ชีวิตอันสวยหรู
ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้วเป็นต้นมา ทีมงานของ “1095” ได้ขยายสถานที่การจัดงานนิทรรศการของพวก เขามาที่บริเวณ "ห้างไทจง" กวนอันหนี ผู้มีรูปร่าง บอบบางต้องแบกสิ่งของสัมภาระมาตั้งแผงที่นี่ ในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ พวกเขาและพวกเธอ ต้องการอาศัยแหล่งรวมตัวของบรรดาแรงงาน ข้ามชาติจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สัมผัสกับ พวกเขาโดยตรงเพ่อื สร้างเวทีแห่งมิตรภาพข้นึ ที่นี่
แม้จะมีคนมาอ่านหรือยืมหนังสือไม่มากนัก แต่ ยามบ่ายของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทีมงาน “1095” ได้มีโอกาสร่วมกับเพื่อนๆ ที่มาจากเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ ใช้สถานที่ของ “ห้างไทจง” ในการนั่งเหม่อลอย ชมวิวทิวทัศน์เดียวกัน ยิ่งทำให้รู้จักกับเพื่อนๆ มากยิ่ง ขึ้น ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นเสมือนแหล่ง “เสือซุ่ม มังกร ซ่อน” แต่ละคนจะมีเรื่องราวของตน “Justto” เพื่อน ชาวอินโดนีเซีย จะใช้เวลาหลังเลิกงานทุกวันอย่างน้อย วันละ 2 ชั่วโมง ขีดๆ เขียนๆ เรื่องราวของตนเอง และ ตีพิมพ์เป็นหนังสือด้วยทุนทรัพย์ของตนเอง ส่วนเพื่อน ชาวอินโดนีเซียอีกคนหนึ่งที่ชื่อว่า “Dodo” ก็อาศัย เวลาที่เหลือจากการทำงาน ศึกษาร่ำเรียนหลักสูตรของ มหาวิทยาลัยทางอากาศ เขาชอบพูดคุยแลกเปลี่ยน ความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์โลกกับเพื่อนๆ อยากเล่า ความเห็นที่มีต่อไทจงของเขาให้กับเพื่อนชาวไต้หวันได้ รับรู้ นอกจากนี้ คุณแม่ชาวเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ตั้งถิ่นฐาน ใหม่ในไต้หวันก็มักจะหุงหาข้าวต้มหม้อใหญ่มาแจกจ่าย ให้แก่บรรดาคนจรจัดไต้หวันด้วย
เจียงเหยียนเจี๋ยอาศัยอาหารรสเด็ดมาทำความรู้จัก กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขารู้สึกว่าทัศนะดั้งเดิมของ ผคู้ นยากทจี่ ะอาศยั การพดู คยุ ดว้ ยเหตผุ ลมาเปลยี่ นแปลง ได้ เพราะฉะนั้น เขาจึงเปลี่ยนวิธีการใหม่ โดยเริ่มจาก อาหารรสเด็ด เยี่ยมชมร้านค้าต่างๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า จน รา้ นคา้ และรา้ นอาหารบรเิ วณโดยรอบรจู้ กั เขาเปน็ อยา่ ง ดี เรียกเขาว่า “พั่งพั่ง” ซึ่งหมายความว่า “ตุ้ยนุ้ย” ผู้คนที่ “ห้างไทจง” และถนนชิงเฉ่าต่างรู้จักสมญานามของเจียง เหยียนเจี๋ยว่า “หลินจวิ้นเจี๋ยแห่งอินโดฯ” นี้เป็นอย่างดี ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นผู้นำพาให้คุณรู้จัก “ห้างไทจง” ในอีก แง่มุมหนึ่งที่แตกต่างออกไป
ทั้งกวนอันหนีและเจียงเหยียนเจี๋ยต่างต้องการอาศัย รูปแบบที่แตกต่างออกไป สร้างสะพานเชื่อมวัฒนธรรม เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ “ห้างไทจง” แห่งนี้ สร้าง “ประสบการณ์ชีวิตอันงดงาม” ของทั้งสองฝ่ายร่วมกัน และเนื่องจากได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ ทำให้พวกเขา พบว่า ยังมีชาวไต้หวันอีกเป็นจำนวนมากที่ยังมีความตื่น ตาตื่นใจ ห่วงใยอาทร และต้องการที่จะไปเข้าใจเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ให้มากกว่านี้
ผจญภัยในพีระมิด
เพื่อนชาวไต้หวันที่มีความสนใจ อยากรู้อยากเห็น อาจเข้าร่วมกิจกรรม ผจญภัยที่ยอดฮิตที่สุดของ “1095” ได้ “ผจญ ภัยในพีระมิด” ชาวไทจงรุ่นเก่าๆ รู้ดีว่า ที่หน้า “ห้าง ไทจง” จะมีทางเข้าสู่ชั้นใต้ดินที่ทำเป็นรูปกระจกทรง พีระมิด ต่อมาต้องรื้อทิ้ง เนื่องจากไม่ได้มาตรฐานความ ปลอดภัย ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นชื่ออย่างไม่เป็นทางการ ของบรรดาแรงงานข้ามชาติที่ใช้เรียก “ห้างไทจง”
ในตอนแรกสดุ มเี พอื่ นขอใหเ้ จยี งเหยยี นเจยี๋ เปน็ ไกดพ์ า ชม “ห้างไทจง” เท่านั้น แต่พอชื่อเสียงนี้แพร่กระจายออก ไป ก็มีผู้คนไถ่ถามกันเป็นการใหญ่ และในทุกวันหยุดสุด สัปดาห์ “1095” จะมีกิจกรรมพาเที่ยว “ห้างไทจง” ด้วย สาระที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศ พาเพื่อนๆ ชาว ไต้หวันที่สนใจเยี่ยมชม “ห้างไทจง” และยังได้จัดกิจกรรม ที่ออกแบบเป็นพิเศษให้เข้ามามีส่วนร่วมด้วย และในบาง ครั้งยังได้เชิญนักศึกษาแลกเปลี่ยนหรือผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ จากประเทศต่างๆ แนะนำวัฒนธรรมชาติของตนด้วย
เมื่อเดินตามเจียงเหยียนเจี๋ยเข้าไปใน “ห้างไทจง” ก็ จะซาบซ้งึ กับคำบอกเล่าของเขาท่ยี ืมคำกล่าวของโจลิน ไช่ (蔡依林) นักร้องสาวชื่อ ดังของไต้หวันที่เคยบอกไว้ว่า “เราไม่เหมือนกัน แต่เรานั้นต่าง ก็เหมือนกัน” บริเวณระเบียงจะ เต็มไปด้วยเพื่อนฝูงนั่งล้อมวง 3-5 คน แทะเม็ดก๋วยจี๊ (เมล็ดแตงโม) พูดคุยกัน หา ซื้ออุปกรณ์ 3C มีอาหารเลิศรสจากประเทศต่างๆ มีร้าน ตัดผม บนชั้น 3 ก็จะมีร้านขายอาหารของแห้งชนิดต่างๆ ที่นำเข้าจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งสามารถช่วย คลายความคิดถึงบ้านของพวกเขาได้ไม่น้อยทีเดียว
“1095” เคยมีแนวความคิดที่จะ “แลกเปลี่ยนทัศนะ” ที่ มีต่อไต้หวันกับเพื่อนๆ ที่มาจากประเทศในภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ แต่ภาษาเป็นอุปสรรคสำคัญ “1095” จึงเปิดคอร์สสอนภาษาจีนขึ้น ให้เพื่อนๆ จากเอเชียตะวัน ออกเฉียงใต้ที่สนใจได้มีโอกาสเรียนภาษาจีน คุณหงเจียลี่ ซึ่งเป็นนักศึกษา คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยแห่ง ชาติจงซิง เป็นผู้รับผิดชอบวางหลักสูตรให้แก่ “1095” เพื่อให้แรงงานข้ามชาติที่สนใจได้มีโอกาสเสริมสร้าง ศักยภาพด้านภาษา อันจะส่งผลให้พวกเขาสามารถ ติดต่อสื่อสารได้ดียิ่งขึ้น และทำให้พวกเขาสามารถปรับ ตัวเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไต้หวันได้ง่ายขึ้น
เป็นเพียงเครื่องหมาย “จุลภาค” ( , ) ไม่ใช่ “มหัพภาค” ( . )
“1095” หมายถึงระยะเวลาที่เพื่อนๆ จากเอเชียตะวัน ออกเฉียงใต้มีสิทธิทำงานในไต้หวันได้ไม่เกิน 3 ปี แล้ว ทำไมจึงเป็นเพียงเครื่องหมาย “จุลภาค” ? กวนอันหนี อธิบายว่า “เพราะเราไม่อยากให้ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง กันเป็นเครื่องหมาย “มหัพภาค” หรือ “จุดจบประโยค” เครื่องหมาย “จุลภาค” สื่อความหมายว่า มันยังมีความ เป็นไปได้ที่จะดำเนินต่อไป” เพื่อนนักศึกษาที่ยังเรียนไม่จบ กลุ่มนี้ กำลังวางแผนที่จะพัฒนา “1095” ต่อไปให้ยั่งยืน
ในเดือนกุมภาพันธ์ของปีนี้ “1095” สามารถหาบ้าน ของตัวเองได้แล้ว บนถนนชิงเฉ่า ในนครไทจง เมื่อมีศูนย์ บัญชาการแล้ว ก้าวต่อไปก็ต้องคิดหาทางจดทะเบียน เป็นองค์กรเอ็นจีโอที่ไม่หวังผลกำไร แผนการดำเนินการ ที่ได้เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์แล้วประกอบไปด้วย โครงการ “หนังสือ 1 เล่ม เพื่อน 1 คน” โดยใช้ QR code บันทึก เรื่องราวของผู้บริจาคหนังสือ และกลายเป็นจุดเชื่อมต่อ กับผู้ยืมหนังสือและเพื่อนชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รับสมัครจิตอาสา สำรวจสภาพสถานที่ต่างๆ เพื่อสร้าง สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมให้แก่เพื่อนๆ จากเอเชียตะวัน ออกเฉียงใต้ ก่อตั้งเว็บไซต์แสนสนุกสำหรับเอเชียตะวัน ออกเฉียงใต้ที่เป็นโครงการนำร่อง ออกแบบรูปภาพ พร้อมคำพูดเก๋ๆ แบบสร้างสรรค์ต่างๆ ที่ใช้ส่งต่อทาง อินเตอร์เน็ตเพื่อลบอคติที่มีต่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และต่อไปในอนาคต ยังจะมีโครงการหลักสูตรถ่ายภาพ หลกั สตู รภาษาแมใ่ หแ้ กท่ ายาทของเหลา่ ผตู้ งั้ ถนิ่ ฐานใหม่ และหลักสูตรทำอาหารเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย ใน สมองของพวกเขาเต็มไปด้วยแผนการต่างๆ มากมาย เพื่อร้อยรวมมิตรภาพระหว่างกันซึ่งกำลังค่อยๆ ถูกทำให้ เป็นจริงในแต่ละย่างก้าว