เมืองเล็ก ๆ ที่มีชื่อเสียงจากปลาทูน่า
“ผมนี่แหละ ที่จับปลาทูน่าครีบน้ำเงินตัวแรกให้กับตลาดปลาตงกั่งในปีนั้น” ซูจิ้น (蘇進) กัปตันเรือประมงวัยเก๋าอายุ 80 กว่าปี หวนนึกถึงเรื่องราวเมื่อครั้งที่เขาออกเรือล่าปลาทูน่าครีบน้ำเงินในปี ค.ศ. 1971 “การออกทะเลในครั้งนั้น เราตั้งเป้าไว้ว่าจะจับปลาทูน่า แต่ปรากฏว่าเจ้าปลาตัวนั้นติดเบ็ดเสียก่อน ผมรู้สึกได้เลยว่าปลาตัวนี้มีขนาดที่ใหญ่มาก แต่สายเบ็ดที่เราใช้ในการตกปลาทูน่านั้นมีขนาดค่อนข้างเล็ก ทำให้ใช้แรงดึงไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเบ็ดอาจจะขาด จึงต้องใช้การรั้งเบ็ดยื้อกันไปมาอยู่นานกว่าสองชั่วโมง จนกว่าปลาจะหมดแรง จึงจะจับขึ้นเรือได้”
ในขณะนั้นสินค้าปลาของตงกั่งยังไม่มีการส่งออกไปขายต่างประเทศ ซูจิ้นนับเลขไปเรื่อย ๆ และบอกว่า เริ่มมีการส่งออกปลาทูน่าไปญี่ปุ่นในช่วงของนายหลินเต๋อเหอ (林德和) นายกสมาคมและกรรมการที่บริหารงานในขณะนั้น จากนั้นจึงเริ่มมีการส่งออกปลาทูน่าครีบน้ำเงินไปขายที่ตลาดญี่ปุ่น
ซูหวงเหวิน (蘇煌文) นักค้นคว้าประวัติศาสตร์ตงกั่ง ผู้ก่อตั้ง Donggang Humanities Space เล่าให้ฟังถึงความเป็นมาและการพัฒนาของตงกั่งว่า ในยุคที่ไต้หวันอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ชิง ตงกั่งเป็นที่รู้จักในชื่อของท่าเรือพาณิชย์ จนมาถึงช่วงปลายที่ญี่ปุ่นปกครองไต้หวัน อ่าวต้าเผิงวันที่อยู่ใกล้ ๆ กันนั้น ถูกตั้งเป็นสนามบินน้ำ และตงกั่งได้กลายมาเป็นที่ตั้งของฐานทัพทหาร ในช่วงปี ค.ศ. 1970 รัฐบาลผลักดันโครงการลงทุนขนาดใหญ่ 10 เมกะโปรเจกต์ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาในพื้นที่ ทำให้ตงกั่งเริ่มเจริญรุ่งเรืองจากอุตสาหกรรมประมงและการส่งออกอาหารทะเล
คุณซูจิ้นเข้าสู่ชีวิตชาวประมงโดยฝึกงานอยู่บนเรือหลังจากเรียนจบชั้นประถมศึกษา (ในปี ค.ศ. 1956) และขึ้นเป็นกัปตันเรือเมื่ออายุราว 20 ต้น ๆ เขาเล่าให้ฟังว่า ในช่วงนั้นทะเลในละแวกไต้หวันมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ แต่กัปตันเรือจะต้องรู้ด้วยว่าการออกทะเลในแต่ละครั้งต้องการจะจับปลาอะไร เราก็จะไปยังน่านน้ำที่มีปลาชนิดนั้น ๆ และต้องรู้ว่าจะใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์อะไรในการจับปลา ปลาทูน่าที่ซูจิ้นจับได้จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าปลาทูน่าที่ถูกจับได้โดยเรือประมงอื่น ๆ เป็นปลาที่ได้ราคาดี ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ก็เริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ
สิ่งที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งก็คือ พิธีบูชาเทพเจ้าเรือหวังเย๋ ซึ่งเป็นเทศกาลที่มีชื่อเสียงของตงกั่ง เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ในช่วงดังกล่าว ที่ผ่านมาชาวบ้านจะเรี่ยไรเงินและร่วมแรงร่วมใจกันจัดงานเฉลิมฉลองพิธีบูชาเทพเจ้าเรือหวังเย๋กันเอง โดยเรือหวังเย๋ที่นำมาใช้ในพิธีจะทำจากกระดาษ คุณซูหวงเหวินชี้ว่า “เรือหวังเย๋ลำแรกที่สร้างขึ้นจากไม้ ถูกสร้างในปี ค.ศ. 1976 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหล่าชาวเลเริ่มมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น”
ในปี ค.ศ. 2001 เทศบาลเมืองผิงตงได้จัดงาน “เทศกาลท่องเที่ยววัฒนธรรมปลาทูน่าครีบน้ำเงินเมืองผิงตง” โดยนำอุตสาหกรรมประมงมาผนวกกับการท่องเที่ยว สร้างกระแสนิยมให้กับตงกั่งในอีกรูปแบบหนึ่ง
ความมีชื่อเสียงของตงกั่งที่ต้องกล่าวถึงอีกหนึ่งอย่างคือ การก่อตั้งกลุ่มผลิตและแปรรูปกุ้งซากุระของชาวประมง อาศัยการเพาะเลี้ยงลูกปลาด้วยตัวเอง มีการกำหนดกฎระเบียบในการจับปลา เช่น ฤดูกาลที่สามารถจับปลาได้ ปริมาณที่อนุญาตให้จับ เพื่อรักษาทรัพยากรทางทะเลให้เกิดความยั่งยืน การร่วมกันอนุรักษ์กุ้งซากุระ ไม่เพียงส่งผลให้ราคาของกุ้งซากุระในท้องตลาดเพิ่มขึ้นหลายเท่า แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าคนกับทะเล สามารถมีประโยชน์ร่วมกัน แบ่งปันกัน ทำให้เกิดความยั่งยืนมากขึ้น
เรือประมงขณะเข้าเทียบท่า และขนถ่ายปลาออกจากเรือโดยใช้ตะขอเกี่ยวอย่างระมัดระวัง