ชีวิตคนเราสั้นนัก เมื่อชีวิตดับสลายลง สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่มีเพียงผลงานแห่งจิตวิญญาณที่สร้างไว้ในช่วงที่มีชีวิตอยู่เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการอนุรักษ์บ้านเก่าหรือหอรำลึกต่างๆ เช่น บ้านพักเก่าจงหลี่เหอ (鍾理和) ที่เม่ยหนง นครเกาสง (高雄美濃) บ้านเก่าเย่สือเทา (葉石濤) ที่นครไถหนาน กว่าจะกลายเป็นจริงได้ ต้องผ่านอุปสรรคมากมาย ทำให้ชนรุ่นหลังเห็นคุณค่าของจริยาวัตรสองนักวรรณกรรมไต้หวันมากยิ่งขึ้น
หอรำลึกวรรณกรรม เย่สือเทา นครไถหนาน
ดวงอาทิตย์แห่งวรรณกรรมตลอดกาล
เย่สือเทา (葉石濤) นักวรรณกรรมอาวุโสไต้หวัน มีบ้านอยู่ 2 แห่ง เขาเกิดที่ไป๋จินติง (白金町: ยุคราชวงศ์ชิงเรียกว่า ถ. ต่าหยิน) นครไถหนาน (台南市) ในยุคที่ไต้หวันอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น เป็นเด็กที่เกิดและเติบโตในครอบครัวมีอันจะกินหรือเรียกว่า "คาบช้อนเงินช้อนทอง" มาเกิดทีเดียว แต่หลังจากนั้น ชีวิตของเขาก็เต็มไปด้วยขวากหนาม ครอบครัวของเขาต้องเปลี่ยนจากฐานะ "เจ้าที่ดิน" เป็น "ชาวบ้าน" ธรรมดาๆ ด้วยนโยบาย "ชาวนาต้องมีที่นา" ของรัฐบาลในสมัยนั้น และเมื่อเขามีอายุได้ 27 ปี ก็ถูกจับกุมคุมขังนานถึง 3 ปี ด้วยข้อหาเข้าร่วมชมรมอ่านหนังสือ ทำให้ชีวิตการเขียนของเขาต้องหยุดชะงักลง
เมื่อวัย 41 ปี เขาสอบเข้าศึกษาต่อในวิทยาลัยครูไถหนาน จึงต้องลาออกจากอาชีพครูชั้นประถม อพยพครอบครัวไปยังจั่วอิ๋ง (左營) นครเกาสง (高雄) และจากนั้นเป็นต้นมา เขาต้องใช้ชีวิตไปมาระหว่างสองที่นี้ และผลงานเขียนส่วนใหญ่ของเขาจะบรรยายเรื่องราวใหญ่น้อยในช่วงก่อนวัย 40 ปีของเขาที่เกิดขึ้นที่ไถหนาน คุณเย่ใช้ชีวิตในบั้นปลายที่บ้านเกิดบนถนนเซิ่งลี่ จั่วอิ๋ง นครเกาสง มันเป็นบ้านเก่าที่ประตูเหล็กบานตรงกลางดึงปิดลงมายากมากอยู่บ่อยๆ และกลายเป็นสถานที่ที่บรรดาคอวรรณกรรมทั้งหลายต้องมาเยี่ยมชมด้วยตนเองให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่นครเกาสงจะมีสานุศิษย์คอยติดตามผลงานของเขาอยู่กลุ่มหนึ่ง (มูลนิธิวรรณกรรมไต้หวัน) เป็นผู้สร้างภาพลักษณ์แห่งความเป็นนักวรรณกรรมอาวุโสระดับตำนานที่ไม่อาจลบเลือนได้ให้แก่เขา
เมื่อคุณเย่สือเทาถึงแก่อสัญกรรม หอรำลึกที่จัดตั้งขึ้น ในที่สุดก็เลือกสิ่งปลูกสร้างที่ในอดีตเคยใช้เป็นสำนักงานป่าไม้ไถหนาน ที่ตั้งอยู่บนเลขที่ 8-3 ถ.โหย่วอ้าย นครไถหนาน (台南友愛街) สร้างขึ้นมาตั้งแต่เมื่อปีค.ศ.1925 และเมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2012 ซึ่งเป็นโอกาสครบรอบ 5 ปี การถึงแก่อสัญกรรมของคุณเย่ เทศบาลนครไถหนานก็ได้ปรับปรุงซ่อมแซมและเปลี่ยนชื่ออาคารหลังนี้เป็น "หอรำลึกวรรณกรรมเย่สือเทา"
(葉石濤文學紀念館) จัดแสดงสิ่งของและผลงานต่างๆ ของคุณเย่ กลายเป็นหอรำลึกนักวรรณกรรมผู้ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของไต้หวัน
บริเวณชั้น 2 ของอาคาร เป็นที่จัดแสดงเตียงและโต๊ะเขียนหนังสือของคุณเย่ที่ขนย้ายมาจากจั่วอิ๋ง สร้างบรรยากาศบ้านเกิดของคุณเย่ขึ้นมาใหม่ ตกแต่งให้กลายเป็น "ห้องหนังสือวรรณกรรมเย่สือเทา" และ "ห้องรับแขกเย่สือเทา" ทำให้ผู้เข้าเยี่ยมชมมีความรู้สึกเหมือนได้พบตัวจริงที่ผ่านยุคแห่งภัยขาว ซึ่งกำลังใช้สมองสร้างสรรค์ผลงานวรรณกรรมในอดีตของเขา
ส่วนที่บริเวณชั้นล่างของตัวอาคารเป็นที่จัดแสดงผลงานเขียนสำคัญและฉบับร่างลายมือของคุณเย่สือเทา ผลงานหนึ่งที่น่าสนใจก็คือวรรณกรรมที่บรรยาย "ทิวทัศน์เมืองเก่าไถหนาน" โดยทางหอรำลึกวรรณกรรมเย่สือเทาได้เชิญนักวิชาการร่วมกันศึกษาสถานที่ที่ระบุไว้ในผลงานของเขา (ชื่อเดิมของสถานที่เหล่านั้น) และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของสถานที่เหล่านั้นในปัจจุบัน ใช้รูปแบบเปรียบเทียบกันระหว่างอดีตกับปัจจุบันมาสานต่อเป็นเส้นทางแห่งการอ่านวรรณกรรม และในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้กลายเป็นเส้นทางท่องเที่ยวเพื่อการศึกษาวรรณกรรมยอดฮิตของนครไถหนาน เมืองหลวงเก่าของไต้หวัน
เมื่อเดินออกจากหอรำลึกวรรณกรรมเย่สือเทา ประโยคสำคัญที่สุดในชีวิตของเย่สือเทาก็ดังขึ้นข้างหูของเราในบัดดล เหมือนกับจะเป็นการเตือนคนรุ่นหลังว่า "ไม่มีผืนแผ่นดินแล้วไซร้ จะมีวรรณกรรมได้อย่างไร"
หอรำลึกวรรณกรรมจงลี่เหอ นครเกาสง
นักเขียนจมกองเลือด
โลหิตแห่งบ้านเกิด เมื่อไหลย้อนกลับสู่บ้านเกิด จึงจะสงบไร้ความคุกรุ่นได้ --- จงลี่เหอ (คนบ้านเดิม)
คุณจงซุ่นเหวิน (鍾舜文) หลานสาวของคุณจงลี่เหอ (鍾理和) ยืนอยู่หน้าลี่ซาน (笠山) เหม่ยหนง (美濃) นครเกาสง ทอดสายตามองไปยังบ้านเกิดเทือกเขาเขียวขจี จิตใจก็เต็มไปด้วยความสงบอย่างหาที่เปรียบมิได้ นี่เป็นบ้านเกิดของคุณปู่จงลี่เหอ เมื่ออายุได้ 18 ปี คุณปู่กับครอบครัวได้อพยพจากต้าลู่กวน ผิงตง มายังเหม่ยหนง นครเกาสง ใช้ชีวิตทั้งชีวิตเพื่อวรรณกรรมที่ลี่ซานแห่งนี้ ชะตาชีวิตเต็มไปด้วยขวากหนาม สุขภาพย่ำแย่เพราะต้องทำงานอย่างหนัก กระทั่งวันที่ 4 ส.ค. 1959 อาการโรคปอดอักเสบกำเริบอีกครั้ง เนื่องจากต้องเหน็ดเหนื่อยกับหน้าที่การงานจนอาเจียนเป็นเลือดท่วมโต๊ะเขียนหนังสือ เสื้อผ้าแดงฉานด้วยคราบเลือด สมญานาม "นักเขียนจมกองเลือด" จึงเป็นภาพลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของเขา
คุณจงซุ่นเหวินจำได้ว่า โต๊ะเขียนหนังสือที่เต็มไปด้วยคราบเลือดตัวนี้วางอยู่ที่ชั้นล่างของหอรำลึกวรรณกรรมจงลี่เหอ อุปกรณ์เครื่องเขียนต่างๆ และกระดาษลายมือของคุณปู่ถูกจัดแสดงไว้อย่างประณีตบรรจง อบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งการขีดๆ เขียนๆ ในอดีตกว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา แต่ด้วยเหตุที่ในสมัยนั้นไม่มีเวทีที่ดีพอที่จะเผยแพร่งานเขียนเหล่านี้ได้ กระทั่งได้ส่งงานเขียนไปยังหนังสือพิมพ์เหลียนเหอเป้า《聯合報》และได้รับความสนใจจากคุณหลินไห่อิน (林海音) รองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์เหลียนเหอเป้าฉบับเสริม จึงทำให้ฝันแห่งวรรณกรรมของเขากลายเป็นจริงได้
ต่อมา แฟนงานเขียนของคุณปู่ได้ร่วมกันจัดตั้งหอรำลึกวรรณกรรมขึ้น ซึ่งก็ประสบกับอุปสรรคนานัปการ เป็นช่วงประกาศใช้กฎอัยการศึกในไต้หวัน จงลี่เหอเป็นนักวรรณกรรมชาวไต้หวันคนแรกที่ได้รับเกียรติจัดตั้งหอรำลึกขึ้น ย่อมจะต้องถูกจับตามองเป็นพิเศษ จนถึงปี 1976 สำนักพิมพ์ Vista Publishing ได้รวบรวมผลงานของเขาจัดพิมพ์เป็น "ผลงานรวมเล่มจงลี่เหอ" ซึ่งเป็นครั้งแรกในไต้หวันที่มีการรวบรวมผลงานวรรณกรรมของนักเขียนชาวไต้หวันมาตีพิมพ์รวมเล่มจนกลายเป็นเรื่องโด่งดังในยุคนั้น
คุณจงซุ่นเหวินย้อนรำลึกความหลังในอดีตว่า หลี่สิง (李行) ผู้กำกับชื่อดังได้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "คนบ้านเดิม" ที่พล็อตเรื่องมาจากบันทึกชีวประวัติของจงลี่เหอ โดยมี ฉินฮั่น (秦漢) ดาราชายชื่อดังในสมัยนั้น รับบทเป็นคุณปู่จงลี่เหอ ส่วนหลินฟ่งเจียว (林鳳嬌) นางเอกสาวชื่อดังในตอนนั้นรับบทเป็นจงผิงเม่ย (鍾平妹) ตีบทเป็นชาวบ้านเรียบง่ายได้อย่างประทับใจผู้ชม กลายเป็นกระแสวรรณกรรมจงลี่เหอฟีเวอร์ และเป็นจุดเริ่มต้นแห่งแนวความคิดในการจัดตั้งหอรำลึกนี้ขึ้น
เดือนมิ.ย. 1976 นักวรรณกรรมจากทั่วไต้หวัน ไม่ว่าจะเป็น จงจ้าวเจิ้ง (鍾肇政) เย่สือเทา (葉石濤) หลินไห่อิน (林海音) เจิ้งชิงเหวิน (鄭清文) หลี่เฉียว (李喬) และจางเหลียงเจ๋อ (張良澤) รวม 6 ท่าน ได้ร่วมกันวางแผนจัดตั้ง "หอรำลึกวรรณกรรมจงลี่เหอ" บนฟาร์มลี่ซาน ทำให้ปัญญาชนที่มีบ้านเกิดที่เหม่ยหนงเข้าร่วมขบวนการจัดตั้งหอรำลึกแห่งนี้อย่างคับคั่งทีเดียว และในที่สุดก็สำเร็จเป็นที่เรียบร้อยในปีค.ศ.1986 กลายเป็นหอวรรณกรรมของนักวรรณกรรมที่จัดตั้งขึ้นโดยเอกชนเป็นแห่งแรกในไต้หวัน คุณหวังหย่าซัน (王雅珊) เลขาธิการมูลนิธิจงลี่เหอบอกว่า ได้มีการปรับปรุงตกแต่งภายในหอรำลึกวรรณกรรมจงลี่เหอใหม่เมื่อปีค.ศ. 2013 โดยจัดแสดงผลงานลายมือจริง อุปกรณ์เครื่องเขียนของจงลี่เหอ รวมทั้งวัฒนธรรมของชาวฮากกาเป็นสำคัญ นอกจากนี้ผลงานเขียนลายมือและอุปกรณ์เครื่องเขียนของนักวรรณกรรมไต้หวันทุกอย่างถูกนำมาใช้เป็นผลงานการจัดแสดงในหอรำลึกด้วย โดยมูลนิธิได้จัดกิจกรรม "ค่ายวรรณกรรมลี่ซาน" เพื่อเผยแพร่และส่งเสริมการอ่าน การเขียนผลงานวรรณกรรมเป็นประจำทุกปี จนถึงปีค.ศ.2016 "ค่ายวรรณกรรมลี่ซาน" จัดขึ้นเป็นปีที่ 20 แล้ว
เมื่อหันกลับไปมองลี่ซานที่อยู่เคียงข้างเธอมาตลอดตั้งแต่วัยเด็กแล้ว คุณจงซุ่นเหวินคิดถึงคุณปู่ คุณย่า และคุณพ่อที่เพิ่งจากไปเมื่อ 5 ปีก่อน ญาติใกล้ชิดเหล่านี้ของเธอเกิดมาเพื่อวรรณกรรม และในวันนี้พวกเขากลับได้สู่อ้อมกอดของดินแดนที่รักยิ่งนี้แล้ว โดยจะมีชีวิตอมตะต่อไปตราบชั่วนิรันดร์