ภาพของนครไทจงในความทรงจำของคุณเป็นแบบไหน? อากาศดี มีแสงแดด หรือผู้คนที่อัธยาศัยดี มีไมตรีจิตเป็นกันเอง? อาหาร ผักผลไม้ และขนมรสเลิศ หรือชีวิตยามค่ำคืนที่แสนคึกคัก?
ไทจง เป็นเมืองที่อยู่ตรงกลางระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ของไต้หวัน ทำเลสะดวกต่อการเดินทาง มีทั้งท่าเรือและท่าอากาศยาน มีการรวมตัวของกลุ่มชน ผู้คนกล้าคิด มากด้วยความสร้างสรรค์ มีอุตสาหกรรมหลากหลาย ส่งผลให้ไทจงได้รับสมญา “เมืองแห่งวัฒนธรรม” ที่มีชื่อเสียง
คุณหวังจื้อเฉิง (王志誠) ผู้อำนวยการกองวัฒนธรรม เทศบาลนครไทจง กล่าวว่า ไทจงมีศูนย์จัดแสดงนิทรรศการ โรงละคร และพื้นที่สำหรับแสดงงานศิลปะระดับสากลหลายแห่ง ทั้งหมดล้วนตั้งอยู่ในเขตตัวเมือง ย่านชุมชนที่คึกคัก แต่ทรัพยากรทางวัฒนธรรมควรเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้ ด้วยสถานที่และข้อจำกัดของกลไกเครื่องมือต่างๆ เราจะต้องทำให้เกิดความเท่าเทียมในการเข้าถึงศิลปวัฒนธรรม แนวคิดนี้สอดคล้องกับความคิดของนายหลินเจียหลง (林佳龍) ผู้ว่าการนครไทจง
ยกตัวอย่างเช่น เขาเกิดและเติบโตในเขตต้าเจี่ย (大甲區) ซึ่งอยู่ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของนครไทจง ที่นี่จัดประเพณีแห่เจ้าแม่มาจู่ (媽祖) เป็นประจำทุกปีในช่วงเดือน 3 ตามปฏิทินจันทรคติจีน เขาเห็นว่าควรจะมีการจัดกิจกรรมวัฒนธรรมในเทศกาลหรือช่วงเวลาอื่นๆ ด้วย
ความเท่าเทียมด้านวัฒนธรรม งาน Taichung Art Festival อันตื่นตาตื่นใจ
เมื่อปีค.ศ.2016 ภายใต้การสนับสนุนของผู้ว่าการนครไทจงหลินเจียหลง กิจกรรมที่เป็นตัวชี้นำด้านศิลปะที่สำคัญ นั่นคือ เทศกาลศิลปะเมืองดอกไม้ (花都藝術節 : Taichung Art Festival) ซึ่งในตอนแรก มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ มากมาย
ขอโทษเถอะ อย่าคุยโวเลย พูดถึงเมืองแห่งดอกไม้ คนส่วนใหญ่จะคิดถึงกรุงปารีส ไทจงมีคุณสมบัติเพียงพอหรือ? ไทจงมีอะไรดี? ดอกไม้ล่ะอยู่ที่ไหน? คุณหวังจื้อเฉิงบอกว่า น้อยคนนักที่รู้ว่า แท้จริงแล้ว ไทจงไม่เพียงมีดอกไม้ แต่ยังมีอุตสาหกรรมไม้ดอกที่มีความโดดเด่นอีกด้วย โดยเฉพาะกล้วยไม้ตุ๊กตาเริงระบำหรือออนซิเดียม (Oncidium Goldiana), ดอกลิลลี่, ดอกแกลดิโอลัส (Gladiolus) และดอกหน้าวัว ทั้ง 4 ชนิดนี้ มีผลผลิตอันดับ 1 ของประเทศ และในปี 2018 นี้ นครไทจงได้เตรียมพร้อมการเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกไทจง 2018 Taichung World Flora Exposition
ในปี 2015 ที่คุณหวังจื้อเฉิงได้เข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการกองวัฒนธรรม เทศบาลนครไทจง ได้จัดงานเทศกาลศิลปะเมืองดอกไม้ที่ยิ่งใหญ่ โดยใช้ธีม ดอกไม้ 100 ปี เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ของเมืองดอกไม้ให้กับนครไทจง และรวมไปถึงการเป็นเจ้าภาพจัดงาน Taichung World Flora Exposition ที่ดำเนินงานตามกรอบแนวคิด สิทธิความเท่าเทียมในการเข้าถึงวัฒนธรรม
ในการจัดงานครั้งนี้ คุณหวังจื้อเฉิงทำลายแนวความคิดเดิม ด้วยการเลือกเขตต้าเจี่ยซึ่งอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองเป็นสถานที่จัดพิธีเปิด-ปิดงานเทศกาลศิลปะเมืองดอกไม้ กิจกรรมดังกล่าวทำให้เขตต้าเจี่ยอบอวลไปด้วยบรรยากาศคึกคัก มีทั้งการแสดงการ์ตูนแอนิเมชันจากบริษัทพิกซาร์ (Pixar) ของสหรัฐฯ การแสดงวงดนตรี Evergreen Symphony Orchestra ดึงดูดประชาชนให้ไปร่วมงานได้มากกว่า 200,000 คน คุณหวังจื้อเฉิงกล่าวว่า ถือเป็นกิจกรรมซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าแม่มาจู่ในรอบทศวรรษที่เขตต้าเจี่ยสามารถดึงดูดผู้คนให้เข้าร่วมงานมากมาย ส่งผลให้มีชื่อเสียงขึ้นมาในทันที
ศิลปะสู่ชนบท ปฏิบัติการทำลายช่องว่างและข้อจำกัด
เทศกาลศิลปะเมืองดอกไม้ ยึดหลักการ กระตุ้นความประทับใจ บนพื้นฐานความเรียบง่าย เน้นการแสดงศิลปะท้องถิ่นและความคิดสร้างสรรค์ โดยตลอด 10 วันของการจัดงาน มีการแสดงมากกว่า 200 รายการ อาทิ ทิวทัศน์ศิลปะ, ขบวนพาเหรด, ดนตรีและนาฏศิลป์, ศิลปินเปิดหมวก, การออกร้าน และวรรณกรรม ศิลปะหลากหลายแขนงรวมอยู่ด้วยกัน
แม้แต่นักเชลโล่ชื่อดังอย่าง Yo-Yo Ma (馬友友) ก็ตอบรับคำเชิญของคุณหวังจื้อเฉิง เดินทางมาร่วมแสดงที่เขตไท่ผิง (太平區) นครไทจง สร้างความฮือฮาอย่างมาก ทำให้งานจบลงอย่างงดงาม คุณหวังจื้อเฉิงกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า การจัดงานในช่วงแรกขาดแคลนงบประมาณ จากการสำรวจความเห็นประชาชนต่อเทศกาลศิลปะเมืองดอกไม้ มีผู้ได้ข่าวเพียง 28% เท่านั้น แต่เมื่องานจบลง ประชาชนรู้สึกพอใจสูงถึง 87% เปรียบเสมือนกำลังใจที่ทำให้พวกเรากล้าที่จะจัดงานในปีถัดไป ในปีถัดมา งานเทศกาลศิลปะเมืองดอกไม้ซึ่งเดิมจัดงานเพียง 10 วัน ขยายเป็น 2 เดือนครึ่ง กลายเป็นฤดูกาลศิลปะเมืองดอกไม้ (Taichung Art Festival) ครอบคลุมพื้นที่จัดงานทั่วนครไทจง แม้แต่บนภูเขาอย่างหลีซันและกู่กวนก็มีการจัดแสดง กลายเป็นกิจกรรมสำคัญอีกประการหนึ่งของนครไทจงนับแต่นั้นเป็นต้นมา
งานเทศกาลศิลปะเด็กนครไทจง ซึ่งจัดผ่านมาเป็นเวลากว่า 10 ปี เมื่อคุณหวังจื้อเฉิงเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการกองวัฒนธรรม ได้ขยายขอบเขตงานใหญ่ขึ้น จากเดิมที่จัดงานบริเวณที่เรียกว่า เฉ่าอู้เต้า (草悟道 : Calligraphy Greenway) ได้ขยายออกไปยังเขตอื่นๆในนครไทจง นอกจากจะนำเอาศิลปะเข้าไปใกล้ชิดประชาชนแล้ว ยังเป็นการผลักดันสิทธิความเท่าเทียมในการเข้าถึงวัฒนธรรม นำศิลปะสู่ชนบท เพื่อให้เด็กชนบทเข้าถึงงานศิลปะ ลดช่องว่างระหว่างประชาชน
นอกจากนี้ ยังมีเทศกาลดนตรีแจ๊ส ซึ่งจัดขึ้นที่นครไทจงเป็นปีที่ 14 จนกลายเป็นกิจกรรมสำคัญของนครไทจงไปแล้ว ในปีนี้ได้จัดกิจกรรมที่มีเอกลักษณ์ของนครไทจงโดยเฉพาะ วางแผนกิจกรรมต่อเนื่องที่มีชื่อว่า Jazz City Awakening รับฟังดนตรีได้ตั้งแต่ริมถนนสี่แยกไฟแดง สถานีรถไฟ และร้านกาแฟตามตรอกซอกซอยต่างๆ ทุกมุมเมืองเต็มไปด้วยอรรถรสแห่งเสียงดนตรี
สนับสนุนท้องถิ่น ให้โอกาสเรียนรู้และเวทีการแสดง
กองวัฒนธรรม เทศบาลนครไทจง ยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนกลุ่มศิลปินในท้องถิ่น คุณหวังจื้อเฉิงกล่าวว่า ผมไม่เคยรู้สึกว่าศิลปินนครไทจงแพ้ที่อื่น เพียงพวกเราให้การสนับสนุนและความช่วยเหลือ ให้โอกาสฝึกฝนและเวทีแสดง รับรองได้ว่า ไม่นานกลุ่มศิลปินเหล่านี้จะไม่แพ้เมืองอื่นหรือต่างชาติอย่างแน่นอน ดังนั้น กิจกรรมศิลปวัฒนธรรมที่นครไทจงเป็นผู้จัด คณะศิลปินเกินกว่าครึ่งหนึ่งเป็นกลุ่มศิลปินในนครไทจง
ตัวอย่างเช่น การจัดเทศกาลศิลปะดั้งเดิมตั้งแต่ปีค.ศ.2004 กองวัฒนธรรม เทศบาลนครไทจง ได้สนับสนุนคณะศิลปินท้องถิ่นที่มีคุณภาพร่วมการแสดง ในแต่ละปีมีคณะศิลปินของนครไทจงเข้าร่วมเกินกว่า 50% ในปีนี้ จัดงานช่วงเทศกาลตรุษจีน ได้ขยายพื้นที่ไปยังศูนย์ศิลปวัฒนธรรม 4 แห่ง ได้แก่ เขตต้าตุน (大墩) เขตหูหลูตุน (葫蘆墩) เขตท่าเรือ และเขตถุน (屯區) มีการเชิญคณะนักแสดงทั้งในและต่างประเทศร่วมแสดงอย่างหลากหลายตระการตากว่า 40 ชุด และยังมีการแสดงศิลปินท้องถนน การออกร้านผลิตภัณฑ์ DIY และเกมต่างๆ เพิ่มสีสันแห่งความสุขสนุกสนานให้กับเทศกาลตรุษจีนอย่างเต็มที่
ยิ่งไปกว่านั้น โรงละครแห่งชาตินครไทจง (National Taichung Theater) ยังให้ความสำคัญกับกลุ่มคนและศิลปินท้องถิ่น พัฒนาสถานที่เฉพาะหลายรายการ อาทิ โครงการศิลปินประจำ โครงการโรงละครขนาดเล็ก เป็นต้น เป็นการพัฒนาส่งเสริมด้านของศิลปะการแสดงในเขตพื้นที่ภาคกลางอย่างเป็นทางการ
นอกจากการช่วยเหลือสร้างสภาพแวดล้อมและเงินทุน กองวัฒนธรรม เทศบาลนครไทจง ยังได้ส่งเสริมแนะแนว พัฒนาฝีมือการแสดง และแนะนำวิธีสร้างธุรกิจ เพื่อให้เหล่าศิลปินสามารถเลี้ยงตัวเองได้ เป็นการเพิ่มศักยภาพและคุณภาพของการแสดงโดยรวมของไต้หวัน ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมกิจกรรมศิลปะมากขึ้น
ย้อนกลับไปในอดีต เพื่อแสวงหา DNA ด้านศิลปวัฒนธรรม
คุณหวังจื้อเฉิงกล่าวอย่างจริงจังว่า ในอดีตไทจงเคยได้ชื่อว่าเป็น เมืองแห่งวัฒนธรรม ดังนั้นในวันนี้ เรายิ่งจะต้องค้นหารากเหง้าแห่งสารพันธุกรรม หรือ DNA ของนครไทจง และนี่แหละเป็นสิ่งที่พวกเราไม่เคยทำมาก่อน
คุณหวังจื้อเฉิงกล่าวว่า DNA ด้านศิลปวัฒนธรรม เริ่มต้นจากสิ่งที่เป็นรูปธรรมและสถานที่ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ย้อนกลับไปหาเรื่องราวในอดีต ตัวอย่างเช่น นครไทจงเป็นเมืองที่วางผังเมืองแบบเดียวกับนครเกียวโตของประเทศญี่ปุ่น จนได้สมญานามว่า มินิเกียวโต ดังนั้น มรดกทางวัฒนธรรมมากมายจะเป็นตัวบอกเล่าเรื่องต้นกำเนิดและพัฒนาการของเมือง นี่คือสารพันธุกรรมหรือ DNA ด้านศิลปวัฒนธรรมของไทจง
ช่วงไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ มีการค้นพบ ซากโบราณคดีอันเหอ (安和遺址 : Anhe archaeological Site) พบโครงกระดูกมนุษย์ประมาณ 4,000-4,800 ปีที่แล้ว นับเป็นโครงกระดูกโบราณยุคเก่าแก่ที่สุดของไทจง ได้ตั้งชื่อว่า คุณยายอันเหอ (安和阿嬤 : Anhe Granny) ถือเป็นการค้นพบแหล่งอารยธรรม 5,000 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันได้ว่า ที่นี่เคยมีอารยธรรมรุ่งเรือง เป็นเรื่องน่าตื่นตะลึง
คุณหวังจื้อเฉิงกล่าวว่า นายหลินเจียหลง ผู้ว่าการนครไทจงเคยพูดว่า วัฒนธรรมเป็นจิตวิญญาณของเมือง และเมืองเป็นภาชนะรองรับวัฒนธรรม ดังนั้นในอนาคตกองวัฒนธรรม เทศบาลนครไทจง จะสนับสนุนการขุดค้นด้านโบราณคดีของพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติต่อไป และจะผลักดันซากโบราณคดีอันเหอ ให้เป็นโบราณสถานระดับชาติ วางแผนสร้างพิพิธภัณฑ์ประจำเมือง เก็บรวบรวมมรดกทางวัฒนธรรม และเสาะหาโครงสร้าง DNA ทางวัฒนธรรมของไทจงต่อไป
100 อาจารย์ให้ความรู้ วัฒนธรรมเบ่งบานทุกพื้นที่
แนวคิดใหม่สร้างสรรค์ศิลปวัฒนธรรมนครไทจงทุกแห่งหน ผลักดันนโยบาย สร้างเมืองด้วยวัฒนธรรม
นครไทจงจัดกิจกรรม เมื่อทั่วโลกกำลังศึกษา 100 อาจารย์ให้ความรู้ โดยเชิญเหล่าศิลปิน นักเขียนและบุคคลในวงการวัฒนธรรมทั้งรุ่นใหม่ รุ่นเก่า ทั้งในและต่างประเทศที่มีชื่อเสียง จำนวน 100 คน เข้าไปบรรยายตามโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย มหาวิทยาลัย หอสมุด และสถานที่ทางวัฒนธรรมต่างๆ เพื่อให้ความรู้กับนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป เป็นการหว่านเมล็ดพันธุ์ด้านศิลปวัฒนธรรมให้แพร่กระจายไปทุกหนทุกแห่ง สนับสนุนให้มีการนำความรู้ใหม่ๆ ไปยังโรงเรียนชนบท ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมให้ประชาชนศึกษาเรียนรู้ ฟื้นฟู เมืองแห่งวัฒนธรรม แบบดั้งเดิมอีกครั้ง
กิจกรรม 100 อาจารย์ให้ความรู้ ได้มีการคัดเลือกอาจารย์ต่างๆ ไม่ว่าจะทางด้านคุณภาพ ปริมาณ ตลอดจนเนื้อหาที่ครอบคลุม ถือได้ว่าเป็นที่สุดของประเทศ แสดงให้เห็นว่านครไทจงคำนึงสิทธิความเท่าเทียมของประชาชนในการเข้าถึงวัฒนธรรม ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวัฒนธรรมในสถานศึกษา
ระหว่างที่ให้สัมภาษณ์ คุณหวังจื้อเฉิงได้หยิบกระป๋องกาแฟที่มีบทกลอนพิมพ์ติดอยู่ กับขวดน้ำแร่ที่มีภาพกวี เครื่องดื่มธรรมดาก็สามารถเติมบรรยากาศของศิลปวัฒนธรรมได้ เขากล่าวว่า การสร้างศิลปะ คือการรวมเอาความคิดสร้างสรรค์กับชีวิตประจำวันเข้าไว้ด้วยกัน ดังนั้น การศึกษาด้านศิลปะจะต้องหลอมรวมกับชีวิตประจำวัน นี่แหละคือปรัชญาแนวคิดของเขา ที่จะลดระยะห่างของประชาชนและศิลปวัฒนธรรม ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต อันจะทำให้ชีวิตมีอรรถรสมากขึ้น
ในอนาคต ด้วยความคิดสร้างสรรค์และการแต่งเติมวัฒนธรรมที่บรรเจิด จะช่วยเติมน้ำหล่อเลี้ยงสร้างประวัติศาสตร์วัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง สร้างไทจงให้กลายเป็นสวรรค์บนดินของบรรดาศิลปิน และเป็นเมืองแห่งความสุขที่น่าอยู่อาศัย