เปิดกล่องออกเพื่อดึงดูดผู้คนเข้าไปข้างใน
หลังจากเปิดกิจการมาได้ 11 ปี ผลงานส่วนใหญ่ของสำนักงานสถาปนิกของหลูจวิ้นถิงจะเป็นงานในกลุ่มของอาคารสาธารณะ เช่น ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ โรงเรียน และตลาด เป็นต้น เขาเคยออกแบบอาคารตลาดสดสาธารณะมาแล้ว 3 แห่ง ซึ่งรวมถึงผลงานสร้างชื่ออย่างตลาดจงลี่แห่งที่ 1 และตลาดหลินโข่วที่เพิ่งจะสร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 2020 ที่ผ่านมา รวมถึงที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คือ ตลาดหลงถานของเถาหยวน ที่เน้นการดัดแปลงอาคารเดิม
สิ่งที่หลูจวิ้นถิงกล่าวถึง คือ “เข้าใจง่าย เข้าถึงง่าย” เมื่อมองจากมุมมองของผู้ใช้งานแล้ว ถือเป็นการสื่อให้เห็นถึง “ความเป็นคน” ในระหว่างการสนทนา เราได้พูดถึงตลาดวงเวียนเจี้ยนเฉิงของไทเปที่เพิ่งจะถูกรื้อถอนไปเมื่อหลายปีก่อน อาคารทรงกระบอกขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางถนนท่ามกลางรถราที่วิ่งผ่านไปมาอย่างไม่ขาดสาย ตัวอาคารใช้ผนังกระจกห่อหุ้มเอาไว้อย่างแน่นหนา จนขาดช่องทางที่จะดึงคนจากภายนอกให้เดินเข้าไปข้างใน สุดท้าย ตลาดวงเวียนที่แทบไม่มีคนเข้าไปเดินแห่งนี้จึงต้องปิดตัวเองลง
หลังจากที่มีตัวอย่างให้เห็น เหล่าสถาปนิกจึงต้องครุ่นคิดให้มากยิ่งขึ้นว่า จะทำการเปิดพื้นที่ปิดอย่างตลาดสดออกมาได้อย่างไร ซึ่งตลาดหนานเหมินของไทเปที่กำลังปรับปรุงใหม่ จึงถือเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจ โดยโครงการนี้ออกแบบโดยทีมงานจากสำนักงานสถาปนิก Bio-Architecture Formosana ของสองสถาปนิกชื่อดังอย่างจางชิงหัว (張清華) และกัวอิงเจา (郭英釗) ซึ่งเมื่อดูจากภาพจำลองแล้ว อาคารแห่งนี้จะมีความสูงถึง 12 ชั้น และใช้กระจกมาทำเป็นผนังเพื่อให้คนที่อยู่ข้างนอกสามารถมองเห็นภายในได้อย่างชัดเจน ส่วนด้านหัวมุมของอาคารที่ตั้งอยู่บนสี่แยกที่ตัดกันระหว่างถนนโรสเวลต์ ตอนที่ 1 และถนนหนานไห่ ก็ถูกดัดแปลงให้เป็นระเบียงที่ใช้สำหรับเป็นสถานที่รับประทานอาหาร ความคึกคักของผู้คนทั้งภายในและภายนอกอาคารจึงสามารถประสานสอดรับกันได้เป็นอย่างดี
“พื้นที่ปิดถูกเปิดออก เพื่อดึงให้คนเข้ามา” ความโดดเด่นในข้อนี้ ได้ถูกนำไปใช้อย่างเต็มที่กับอาคารตลาดจงลี่แห่งที่ 1 โดยอาคารตลาดสดแห่งนี้ถือเป็นโครงการเกี่ยวกับตลาดสดโครงการแรกของหลูจวิ้นถิง ซึ่งเป็นคนจงลี่ โดยเจ้าตัวมีความรู้สึกผูกพันกับตลาดจงลี่แห่งที่ 1 ที่ถูกขนานนามว่าเป็น นาฬิกายักษ์แห่งนี้มาก เขาหัวเราะแล้วพูดว่า การออกแบบที่มีจุดเริ่มจากมุมมองของคนในพื้นที่ ทำให้เขาสามารถได้รับงานโครงการนี้ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะเริ่มเปิดสำนักงานได้ไม่นาน
“แนวคิดพื้นฐานของอาคารแห่งนี้ คือ ให้คนข้างนอกมองเห็นชีวิตอันสดใสที่อยู่ภายในอาคาร” หลูจวิ้นถิงอธิบาย การสร้างอาคารแห่งใหม่ขึ้นบนพื้นที่เดิม นอกจากจะใช้กระจกมาทำเป็นผนังด้านที่ติดถนนแล้ว ที่ด้านบนยังมีนาฬิกายักษ์ติดตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 ด้วย เพื่อให้สอดรับกับการถูกเรียกว่าเป็น “นาฬิกายักษ์” ทำให้มันกลายมาเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ไปโดยปริยาย การใช้กระจกมาทำผนังทำให้คนที่อยู่ข้างนอกมองเห็นบรรยากาศภายในได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ หลูจวิ้นถิงยังได้ออกแบบให้มีลานอเนกประสงค์ที่ด้านหน้าและด้านหลังของอาคาร พร้อมทั้งมีการติดตั้งบันไดเลื่อน บันได และบันไดหนีไฟหลายแห่งไว้กลางแจ้ง เพื่อเป็นกันชนและเป็นตัวเชื่อมระหว่าง “ภายใน” กับ “ภายนอก” โดยมีจุดประสงค์ในการ “ทำให้คนที่อยู่ข้างนอกรู้สึกอยากรู้อยากเห็น และอดรนทนไม่ไหวที่จะเดินเข้ามา” หลูจวิ้นถิงกล่าว
หลูจวิ้นถิง สถาปนิกผู้ถนัดการออกแบบอาคารสาธารณะ เป็นผู้ออกแบบอาคารตลาดสดมาแล้ว 3 แห่ง
ภายในอาคารของตลาดหลินโข่วมีทั้งศูนย์รับเลี้ยงเด็กและห้องสมุด เมื่อเดินอยู่ภายในจะเห็นทิวทัศน์เขียวขจีของแมกไม้อยู่เป็นระยะ