โรงเรียนประถมศึกษาเหวินหลิน (文林國小) นครนิวไทเป ริเริ่มจัดตั้งธนาคารจำลอง คิดค้นสร้างสรรค์สกุลเงินและพิมพ์ธนบัตรจำลองออกมาใช้ภายในโรงเรียน นักเรียนที่เป็นพนักงานในธนาคารแห่งนี้มีเงินเดือนเป็นค่าตอบแทนเหมือนการทำงานในโลกแห่งความเป็นจริง เด็กๆ สามารถถือสมุดเงินฝากกับเงินเดือนที่ได้รับไปฝากธนาคารหรือใช้ซื้อสินค้าที่ตนเองชื่นชอบที่ร้านขายของชำภายในโรงเรียน ดังนั้น สิ่งที่พบเห็นได้ทุกวันในโรงเรียนแห่งนี้ก็คือเด็กนักเรียนทำงานหาเงิน จับจ่ายซื้อของและนำเงินไปฝากธนาคาร ราวกับเป็นการเล่นเกมเศรษฐีในชีวิตจริง นับเป็นการปลูกฝังความรู้ด้านการบริหารการเงินที่ไร้ขีดจำกัด
เมื่อเสียงกริ่งเลิกเรียนดังขึ้น เด็กๆ ช่วยกันดันชั้นวางสินค้าออกมาที่หน้าห้องกิจการนักเรียนแล้วเร่งจัดสินค้าให้เป็นระเบียบอย่างคล่องแคล่วว่องไว เพียงครู่เดียวเด็กนักเรียนจากทั่วทุกสารทิศทยอยกันเข้ามารุมเลือกซื้อสินค้าและจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ แต่ที่นี่ไม่รับเงินสกุลเอ็นที (NT$) ของไต้หวัน จะรับเฉพาะเงินสกุลเหวินหลินที่ทางโรงเรียนพิมพ์ขึ้นมาใช้เองเท่านั้น
ปฏิรูประบบการให้รางวัลใหม่
เมื่อกว่าสามปีที่แล้ว อาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ย (賴皓韋) หัวหน้าฝ่ายกิจการนักเรียน ริเริ่มโครงการธนาคารจำลองในโรงเรียน โดยการจัดตั้งธนาคารเหวินหลินและจัดพิมพ์ธนบัตรเงินสกุลเหวินหลินออกมาใช้ เป็นความพยายามที่จะนำเอาหลักเศรษฐศาสตร์มาประยุกต์และสร้างสรรค์ระบบการให้รางวัลแก่เด็กนักเรียนแบบใหม่แทนระบบเก่าที่ใช้เกียรติบัตรสะสมคะแนนเพื่อแลกเป็นใบประกาศเกียรติคุณ
ระบบการให้รางวัลแบบดั้งเดิมโดยอาจารย์เป็นผู้มอบเกียรติบัตรให้แก่นักเรียนและร่วมกันถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากนักเรียนส่วนใหญ่ อาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ยเปิดเผยว่า ระบบการให้รางวัลแก่นักเรียนแบบเดิมดูเหมือนจะเป็นการให้รางวัลแก่เด็กที่เรียนดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ผมต้องการคือดึงดูดเด็กที่มีผลการเรียนระดับปานกลางและไม่ดี
หากต้องการดึงดูดความสนใจของเด็กนักเรียนส่วนใหญ่ อาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ยมีความเห็นว่า กุญแจสำคัญคือต้องปรับลดมาตรฐานการให้รางวัลลง เด็กนักเรียนที่มีพฤติกรรมในเชิงบวกไม่ว่าจะเป็นการช่วยอาจารย์ทำงานทั่วๆ ไป ส่งการบ้านตามกำหนดเวลา หรือแม้แต่ปัดกวาดทำความสะอาดภายในโรงเรียนก็จะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินสกุลเหวินหลิน จากนั้นเด็กๆ สามารถนำเงินไปจับจ่ายซื้อสินค้าหรือเลือกซื้อของรางวัลที่ตนเองชื่นชอบได้ และนี่คือพิมพ์เขียวโครงการธนาคารเหวินหลินในอุดมคติของอาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ย จะเห็นได้ว่าการเข้าเรียนในโรงเรียนประถมศึกษาแห่งนี้นอกจากเด็กๆ จะได้ศึกษาวิชาความรู้ต่างๆแล้ว ยังได้เรียนรู้พฤติกรรมที่ถูกต้องจากการชักจูงและแนะแนวของครูบาอาจารย์อีกด้วย
อาจารย์จูอวี้หวน (朱玉環) ครูใหญ่โรงเรียนประถมศึกษาเหวินหลิน ซึ่งต้องการปรับปรุงระบบการให้รางวัลแก่เด็กนักเรียนอยู่แล้ว เมื่อได้รับทราบโครงการในอุดมการณ์ของอาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ยจึงตัดสินใจลงมือดำเนินการทันที อาจารย์จูอวี้หวนกล่าวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า ในฐานะที่เราเป็นสถาบันการศึกษา เป้าหมายในระยะสั้นของเราคือการปรับพฤติกรรมของเด็ก และจากการที่อาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ยสังเกตพฤติกรรมการจับจ่ายของเด็ก พบว่าเป้าหมายในระยะยาวของเราควรจะเป็นการปลูกฝังความรู้เรื่องการบริหารการเงิน ปัจจุบันโครงการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงนี้ได้ขยายขนาดโครงการออกไปอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มเศรษฐกิจเหวินหลิน
อาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ยเปิดเผยว่า เราจำเป็นต้องสร้างมูลค่าให้แก่เงินสกุลเหวินหลินเพื่อให้เด็กๆ สามารถใช้เงินเหวินหลินจับจ่ายซื้อของหรือสิ่งที่พวกเขาต้องการได้อย่างอิสระ
อาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ยตระเวนไปตามโรงงานขายส่งของเล่นทั่วภาคเหนือของไต้หวันเพื่อเลือกซื้อของเล่นที่คิดว่าเด็กๆ จะชื่นชอบ หลังจากลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้งจึงเริ่มรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เด็กๆ ชื่นชอบ สินค้าบนชั้นวางเพิ่มความหลากหลายมากขึ้นตามลำดับ ในที่สุด ร้านขายของชำเหวินหลินที่ระเบียงทางเดินหน้าห้องกิจการนักเรียนก็สามารถเปิดกิจการได้อย่างราบรื่น
แคชเชียร์ตัวน้อยๆ 4 คน ใช้คอมพิวเตอร์กับเครื่องอ่านบาร์โค้ดสแกนบาร์โค้ดสินค้าและนับธนบัตรอย่างคล่องแคล่วว่องไว ช่วงเวลาสั้นๆ เพียง 20 นาที ต้องรับมือกับลูกค้าอย่างน้อยที่สุดหลายสิบคนหรือบางครั้งมากถึงร้อยคน กระนั้นก็ตาม เมื่อเห็นลูกค้ายืนเข้าคิวเป็นแถวยาวเหยียดก็มีเสียงบ่นพึมพำจากปากแคชเชียร์ตัวน้อยออกมาออดอ้อนอาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ย แม้เด็กๆ จะบ่นว่ามีแรงกดดันสูงแต่น้ำเสียงยังแฝงไว้ด้วยความตื่นเต้นและภาคภูมิใจในหน้าที่ของตน
อาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ยจบการศึกษาจากภาควิชาวิจิตรศิลป์ ก่อนที่จะผลักดันโครงการธนาคารเหวินหลิน เขาไม่เคยสนใจเรื่องการบริหารการเงินเลย แต่เพื่อขับเคลื่อนให้โครงการดังกล่าวสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น เขาหันไปศึกษาวิจัยเรื่องสกุลเงิน เทคนิคการบริหารกิจการร้านขายของชำและซูเปอร์มาร์เก็ต รวมถึงวิธีการทำบาร์โค้ดสินค้า ในทางปฏิบัติอาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ยอาศัยการปรับราคาสินค้าหรือจัดโปรโมชั่นต่างๆ มาดึงดูดความสนใจของเด็กนักเรียนที่มีต่อเงินสกุลเหวินหลินให้มากขึ้น อีกทั้งยังสร้างภาวะเงินเฟ้อหรือเงินฝืดในอัตราที่เหมาะสม ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงสิ้นปีจะเปิดให้มีการสั่งจองถุงมงคลโดยใช้กลยุทธ์ในการกำหนดราคาด้วยเงินสกุลเหวินหลิน นับจากปีแรกกำหนดราคาไว้ที่ถุงละ 30 เหรียญ ปีที่ 2 ถุงละ 90 เหรียญ และปีนี้จำหน่ายในราคาถุงละ 150 เหรียญ จะกำหนดราคาต่ำเกินไปไม่ได้ ปัจจุบันเด็กๆ มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 99 เหรียญ เด็กนักเรียนประมาณครึ่งหนึ่งสามารถซื้อได้ แต่การกำหนดราคาให้สูงกว่าเงินเดือนเช่นนี้ก็เพื่อให้เด็กต้องหยุดคิดก่อนที่จะซื้อ อาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ยเล่าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่าวิธีนี้จะช่วยให้เด็กรู้จักไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะใช้เงิน
การบริหารเงินสกุลเหวินหลินของอาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ยแบบค่อยเป็นค่อยไปนี้ แม้แต่พนักงานสถาบันการเงินที่มาเยี่ยมชมยังรู้สึกประหลาดใจและชื่นชมความสมบูรณ์แบบของระบบเศรษฐกิจเล็กๆ แห่งนี้
ธนาคารจำลอง แต่ใช้ในชีวิตจริง
ธนาคารเหวินหลินในอุดมคติของอาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ย ไม่เพียงพิมพ์ธนบัตรได้เอง ยังต้องมีบริการรับฝากเงินแต่เนื่องจากเด็กนักเรียนในโรงเรียนประถมศึกษาเหวินหลินมีจำนวนกว่า 1,600 คน แค่การนับธนบัตรก็เพียงพอที่จะทำให้โครงการนี้ล้มเหลวได้แล้ว
เครื่องนับธนบัตรทั่วไปที่มีกลไกป้องกันการปลอมแปลงจากน้ำหนักและวัสดุที่ใช้ผลิตธนบัตรไม่สามารถนำมาใช้นับธนบัตรเงินสกุลเหวินหลินได้ อาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ยตระเวนเสาะหาโรงงานทั่วไต้หวัน จนกระทั่งในที่สุดเจอโรงงานแห่งหนึ่งที่เขตซู่หลิน นครนิวไทเป ยินดีผลิตเครื่องนับธนบัตรเหวินหลินให้โดยเฉพาะ แต่เนื่องจากธนบัตรเหวินหลินใช้เครื่องพิมพ์ทั่วไปในการจัดพิมพ์ ทำให้ขณะที่นับธนบัตรจะมีผงหมึกร่วงลงในเครื่องนับได้ ส่งผลให้เครื่องนับธนบัตรขัดข้องบ่อยๆ ต้องแจ้งให้วิศวกรจากโรงงานมาช่วยจัดการแก้ไขเกือบทุกสัปดาห์ และกว่าจะสามารถพัฒนาเครื่องนับธนบัตรได้สำเร็จและใช้งานได้ดี ต้องใช้เวลาทดลองนานถึง 1 ปี และปรับปรุงเครื่องนับธนบัตรออกมาเป็นรุ่นที่ 5
บริการรับฝากเงินของธนาคารเหวินหลินเริ่มจากพนักงานธนาคารต้องนับและตรวจสอบธนบัตรทีละใบ จากนั้นใส่ข้อมูลต่างๆ ของลูกค้า อาทิ หมายเลขบัญชีและจำนวนเงินลงในคอมพิวเตอร์แล้วอัพเดทสมุดบัญชี และปิดท้ายด้วยการประทับตราชื่อพนักงานตัวน้อยที่ทำหน้าที่รับฝาก จึงจะถือว่าเสร็จสิ้นขั้นตอนการรับฝากเงิน เด็กนักเรียนที่ทำหน้าที่เป็นพนักงานธนาคารยังใช้เวลาช่วงก่อนเข้าเรียนในตอนเช้าและช่วงพักเที่ยงมาให้บริการรับฝากเงินของลูกค้าทั้งโรงเรียน ประสิทธิภาพการทำงานของเด็กๆ เหล่านี้ไม่แพ้ผู้ใหญ่แม้แต่น้อย
ทุกอย่างราวกับอยู่ในโลกของความเป็นจริง การจะได้เข้ามาทำงานเป็นพนักงานร้านขายของชำหรือพนักงานธนาคารเหวินหลินต้องผ่านการทดสอบก่อน เริ่มจากกรอกใบสมัคร ชี้แจงเหตุผลที่ต้องการทำงาน มีประสบการณ์ร่วมกิจกรรมหรือเป็นสตาฟชมรม เป็นต้น หลังผ่านการคัดเลือกในขั้นตอนแรกแล้วก็จะเข้าสู่ขั้นตอนของการสอบสัมภาษณ์ซึ่งจะมีการจำลองเหตุการณ์เพื่อทดสอบไหวพริบการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เด็กๆ ส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สอบสัมภาษณ์ยากกว่าการทำข้อสอบจริง
หลังผ่านการสอบสัมภาษณ์ยังต้องทดลองงานอีก 1 เดือน จึงจะบรรจุเข้าทำงานอย่างเป็นทางการ อาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ยเตือนเด็กๆ ว่า ช่วงเวลา 1 เดือนนี้ ครูจะสังเกตและประเมินผลงานของหนู หนูเองก็ต้องสังเกตและประเมินด้วยว่างานนี้เหมาะกับหนูหรือไม่
ปัจจุบันโครงการธนาคารเหวินหลินมีพนักงานร้านขายของชำและพนักงานธนาคารรวม 10 คน อาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ยเล่าว่า เพราะกว่าจะได้ทำงานในโครงการนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เด็กนักเรียนที่ได้รับเลือกมีความตั้งใจสูงทำให้อัตราการลาออกของพนักงานต่ำมาก อาจารย์จูอวี้หวนกล่าวว่า หวังว่าเด็กๆ ที่เคยทำงานในโครงการเหวินหลินจะกลายเป็นผู้ที่รักอาชีพการงานของตนเอง มีความมานะพยายามและมีความรับผิดชอบ
ฝึกให้เด็กรู้จักไตร่ตรองอย่างรอบคอบก่อนใช้เงิน
ในช่วงเริ่มต้นมีกระแสต่อต้านโครงการนี้จากภายในโรงเรียนเนื่องจากไม่เคยมีแบบอย่างให้ยึดปฏิบัติ อีกทั้งยังเกี่ยวโยงไปถึงพฤติกรรมการบริโภคและยังส่งผลให้เกิดความกังวลจากโลกภายนอกอีกด้วย ในการประชุมชี้แจงโครงการช่วงแรกๆ ผู้ปกครองและครูในโรงเรียนต่อต้านอย่างรุนแรง และเรียกร้องให้อาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ยยุติโครงการนี้
ช่วงแรกผมไปคุยกับครูที่สนใจในโครงการนี้ก่อน เฉพาะการอธิบายรายละเอียดของโครงการก็ต้องใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง อาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ยเล่า
หลังจากใช้ความพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนเข้าใจ ในที่สุด ธนาคารเหวินหลินก็เปิดดำเนินการได้ โดยในปีแรกมีนักเรียนจำนวน 10 ห้องเรียนเข้าร่วมโครงการ และในปัจจุบันร้อยละ 80 ของห้องเรียนทั้งหมดในโรงเรียนแห่งนี้ใช้เงินสกุลเหวินหลินมาเป็นเงินรางวัลให้แก่เด็กนักเรียน
หลังดำเนินโครงการมาหลายปี อาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ยพบว่าวิธีการคิดของเด็กๆ ลึกซึ้งเกินคาด เด็กบางคนใช้เงินสกุลเหวินหลินมาซื้อของขวัญวันเกิดให้เพื่อนและมีเด็กผู้ชายบางคนซื้อที่ใส่ปากกาฮัลโหลคิตตี้ (Hello Kitty) ให้คุณแม่ เมื่อได้เห็นการกระทำที่น่าประทับใจและเป็นพฤติกรรมในทางบวกของเด็กๆ ผู้ปกครองจึงคลายความกังวลลง
สำหรับสิ่งที่โลกภายนอกกังวลว่าการให้นักเรียนได้สัมผัสกับเงินทองตั้งแต่ในวัยเด็ก เมื่อเติบโตขึ้นอาจจะกลายเป็นคนที่เห็นแก่ชื่อเสียงและเงินทอง อาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ยเห็นว่า มนุษย์เรามีนิสัยต่างกันนับร้อยนับพันประเภท สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นขณะเดียวกันก็อาจจะเป็นประโยชน์ต่อตนเอง จากประสบการณ์ชีวิตที่ต้องตัดสินใจด้วยตนเองนับครั้งไม่ถ้วนจะช่วยสร้างจิตสำนึกและค่านิยมที่ถูกต้องให้แก่เด็กๆ ตลอดจนสามารถแยกแยะสิ่งที่จำเป็นกับสิ่งที่ต้องการออกจากกันได้ ประกอบกับเงินสกุลเหวินหลินทุกเหรียญได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของตนเอง ทำให้เด็กๆ จับจ่ายใช้สอยอย่างระมัดระวัง
บ่อยครั้งที่ผมเห็นเด็กๆ หยิบสินค้าชิ้นหนึ่งขึ้นมาแล้วก็วางลงไป แม้จะไม่สามารถใช้เครื่องมือใดๆ มาชั่งตวงวัดได้ แต่ผมรู้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างวิ่งวนอยู่ในสมองของเด็ก อาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ยกล่าวทิ้งท้ายว่า มันคือการไตร่ตรองอย่างรอบคอบซึ่งเป็นความสามารถพิเศษที่ต้องฝึกฝนและบ่มเพาะ
จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายของธนาคารเหวินหลิน
เมื่อการบริหารการเงินกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน การให้ความรู้เรื่องการเงินจึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เมื่อเร็วๆ นี้ อาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ยผุดไอเดียให้ธนาคารเหวินหลินเปิดบริการเงินฝากประจำ โดยมีระยะการฝากให้เลือกตั้งแต่ 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน และ 12 เดือน ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยเงินฝากแตกต่างกัน เพียงเริ่มเปิดบริการก็มีเด็กนักเรียนชั้นประถมปีที่ 4 วิ่งเข้ามาหารือว่าฝากเงินแบบไหนดีจึงจะคุ้มค่าที่สุด ผู้คนจำนวนมากออกสู่สังคมและหาเงินได้ก้อนแรกแล้วจึงเริ่มเรียนรู้การบริหารการเงิน การปลูกฝังเมล็ดพันธุ์ความคิดเรื่องการบริหารการเงินผ่านโครงการธนาคารเหวินหลิน ช่วยให้เด็กๆ ซึมซับเรื่องเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว และในอนาคตเด็กๆ เหล่านี้จะสามารถวางกลยุทธ์ในการบริหารการเงินของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2017 อาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ยได้จัดทำโครงการช่วยเหลือนักเรียนในโรงเรียนประถมศึกษาหงเย่ เมืองไถตง ซึ่งได้รับความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่นเนพาร์ตัก โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะให้เด็กๆ ได้รับรู้ถึงความลำบากของเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันที่ประสบภัยธรรมชาติ ทำให้ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ตามปกติ อาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ยใช้วิธีให้เด็กนักเรียนที่สมัครใจบริจาคเงินสกุลเหวินหลิน 99 เหรียญ เพื่อซื้อเครื่องเขียน 1 ชุด เดิมเตรียมไว้เพียง 100 ชุด แต่ผลปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากเด็กนักเรียนดีเกินคาด สุดท้ายสามารถเรี่ยไรเงินบริจาคและจัดซื้อเครื่องเขียนได้กว่า 800 ชุด ซึ่งอาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ยและอาจารย์จูอวี้หวนได้นำน้ำใจของเด็กนักเรียนจากโรงเรียนประถมศึกษาเหวินหลินไปมอบให้แก่โรงเรียนประถมศึกษา 4 แห่งในเขตตำบลเหยียนผิง เมืองไถตง จากการที่เด็กนักเรียนในโรงเรียนประถมศึกษาเหวินหลินสามารถช่วยเหลือตนเองและยินดีช่วยเหลือผู้อื่น ทำให้อาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ยตระหนักว่าโครงการธนาคารเหวินหลินได้ดำเนินมาถึงจุดที่สมบูรณ์แบบแล้ว
การจัดทำโครงการธนาคารจำลองในโรงเรียนที่แฝงไว้ด้วยความกระตือรือร้นและยึดมั่นในอุดมการณ์ด้านการศึกษา โดยหวังว่าจะหลอมรวมการบริหารการเงินเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของเด็กนักเรียน อาจารย์ไล่เฮ่าเหว่ยกล่าวอย่างติดตลกว่า จะทำให้ไต้หวันเป็นเหมือนประเทศอิสราเอลที่ประชากรเป็นนักบริหารการเงินกันทุกคน
ไม่แน่! สักวันหนึ่งความฝันของเขาอาจจะกลายเป็นความจริง