หากคุณถามคนไต้หวันว่า “รับประทานอะไรเป็นอาหารเช้า” คุณจะได้รับคำตอบเป็นเมนูที่หลากหลายกว่า 101 เมนูจากคน 100 คน ทั้งอาหาร “สไตล์ไต้หวัน” อย่างบะหมี่แห้ง, บ๊ะจ่างผัก, โจ๊กปลานวลจันทร์, เส้นหมี่น้ำใส, ข้าวต้มกุ๊ย หรือ “สไตล์จีน” เช่น ขนมปังอบห่อปาท่องโก๋, น้ำเต้าหู้, ข้าวปั้น, แพนเค้กไข่ และ “สไตล์ตะวันตก” เช่น แฮมเบอร์เกอร์, แซนด์วิช, สปาเกตตีเทปันยากิ, ชานม เป็นต้น ความสุขที่น่าปวดหัวนี้ ทำให้ผู้คนว้าวุ่นกับการต้องตัดสินใจเลือกแต่เช้า
ในยุคที่ญี่ปุ่นปกครองไต้หวัน อาหารเช้าของคนไต้หวันส่วนใหญ่จะเป็นข้าวต้มกุ๊ย รับประทานคู่กับข้าวต่าง ๆ แต่หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง บรรดาครอบครัวเหล่าทหารจากมณฑลต่าง ๆ ของจีนที่อพยพเข้ามา ได้นำทักษะฝีมือด้านการทำอาหารจากบ้านเกิดมาใช้เพื่อหาเลี้ยงชีพ จนทำให้เมนูน้ำเต้าหู้ ขนมปังอบและปาท่องโก๋ ได้ขึ้นไปอยู่บนโต๊ะอาหารของคนไต้หวัน
ในปี ค.ศ. 1981 ได้มีการก่อตั้งร้านอาหารเช้าสไตล์ตะวันตกแห่งแรกของไต้หวันที่มีชื่อว่า Mei & Mei ขึ้นมา จากนั้นในปี ค.ศ. 1984 แมคโดนัลด์ (McDonalds) ได้เข้ามายังไต้หวัน และนำหลักการมาตรฐานการปฏิบัติงาน SOP (Standard Operation Procedure) มาใช้ในกระบวนการปรุงอาหาร จนเป็นแรงบันดาลใจให้มีการเปิดร้านอาหารเช้าสไตล์ตะวันตกขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เมนูอย่างแฮมเบอร์เกอร์ แซนด์วิช ชานมและกาแฟ จึงกลายมาเป็นอาหารเช้าที่พบเห็นได้ทั่วไป
นอกจากนี้ตามเมืองต่าง ๆ ก็ล้วนมีอาหารที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง คนไทจงกินบะหมี่เส้นใหญ่น้ำข้นเป็นอาหารเช้า เจียอี้เป็นข้าวหน้าไก่ ส่วนจางฮั่วมีอาหารเช้าที่ขาดไม่ได้คือข้าวหมูพะโล้ อาหารเช้ามีความเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด ซุปเนื้อวัวอุ่น ๆ ที่เป็นอาหารเช้าของคนไถหนาน ถือเป็นของดีประจำถิ่น เพราะในยุคที่ญี่ปุ่นปกครองไต้หวัน ที่นี่เป็นตลาดโคเนื้อที่ใหญ่ที่สุด ดังนั้นนอกจากความสดของเนื้อวัวในท้องถิ่นที่ไม่มีใครเทียบได้แล้ว แต่ละร้านยังแข่งขันกันในเรื่องรสชาติของน้ำซุปอีกด้วย ไถหนานยังได้รับการขนานนามว่าเป็น “บ้านเกิดของปลานวลจันทร์” เพราะฉะนั้นโจ๊กปลานวลจันทร์จึงเป็นเมนูอาหารประจำวันของคนไถหนานที่พบเห็นได้ทั่วไป
คุณสวี่เจียหลิน (許嘉麟) ผู้อำนวยการมูลนิธิ The Foundation of Chinese Dietary Culture ได้อธิบายไว้อย่างชัดเจนว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสามารถนำมารับประทานเป็นอาหารเช้าได้ นี่ก็เป็นสิ่งน่าสนใจของไต้หวันอีกเช่นกัน”