ดุจดวงดาวจรัสแสงเต็มท้องฟ้า ไม่ว่าจะพิพิธภัณฑ์หลานหยาง (蘭陽博物館) พิพิธภัณฑ์ศิลปะอี๋หลาน (宜蘭美術館) สวนสนุกจิมมี่ (幾米公園) โรงงานวัฒนธรรมหลัวตง (羅東文化工場) และวนอุทยานความคิดสร้างสรรค์จงซิง (中興文創園區) ล้วนเต็มไปด้วยความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร ตั้งเรียงรายตามแนวกึ่งกลางระหว่างภาคเหนือกับภาคใต้ของเมืองอี๋หลาน(宜蘭縣) เป็นเวทีแห่งการสรรค์สร้างศิลปวัฒนธรรม และยังเป็นฐานที่มั่นแห่งการรวมพลังความคิดสร้างสรรค์ทางด้านวัฒนธรรมในไต้หวันอีกด้วย
เฉกเช่นเดียวกับดอกแดนดิไลออน (Dandelion) ที่บานสะพรั่งอย่างดาษดื่น มหกรรมดนตรี 4 ฤดูของพิพิธภัณฑ์หลานหยาง เป็นการแสดงดนตรีเสียงไพเราะเพราะพริ้งกลางท้องทุ่งสุดลูกหูลูกตา ตามด้วยชุมชนสุนทรียศาสตร์ที่กองวัฒนธรรม เทศบาลเมืองอี๋หลานได้จัดขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 3 โดยในปีนี้นำเอาความสุนทรีย์แห่งศิลปะเข้าไปยังชุมชน ปลุกปั้นนักสุนทรียศาสตร์ในท้องถิ่นจำนวนมากเพื่อบรรจงสรรค์สร้างวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยบริบทแห่งวัฒนธรรมอันสวยสดงดงามร่วมกัน
ìชุมชนแห่งสุนทรีย์ศาสตร์î ที่กองวัฒนธรรม เทศบาลเมืองอี๋หลานจัดขึ้นเป็นปีที่ 3 ในปีนี้ เปิดฉากขึ้นท่ามกลางอากาศสดชื่นแจ่มใสปลอดโปร่งเมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา โดยได้กำหนดให้หัวใจของงานปีนี้อยู่ที่ ìสัมผัสประวัติศาสตร์บ้านโบราณî
(閱讀歷史老屋) โดยการอาศัยกิจกรรมแห่งสุนทรียศาสตร์นี้ มาปลุกกระแสให้ผู้คนหันมาสนใจประวัติศาสตร์บ้านเก่าๆ ในชุมชน ซึ่งเปิดฉากด้วย ìฤดูใบไม้ผลิ ประสบพบ โรงสีข้าวโบราณî ก็จัดให้มีขึ้นที่ ìโรงสีข้าวของคุณทวดî
โรงสีข้าวของคุณทวด ในตำบลจ้วงเหวย (壯圍鄉) สร้างขึ้นเมื่อปี 1946 เครื่องสีข้าวที่ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงอิฐดำและกั้นด้วยฟากไม้ไผ่สาน เดินเครื่องด้วยความทรหดมาตั้งแต่ยุคที่ญี่ปุ่นปกครองไต้หวันมาจนถึงปัจจุบัน คุณสวีฉาวขุย (徐朝魁) เจ้าของวัย 88 ปี กับคุณสวีเหวินจ้ง (徐文仲) บุตรชาย ปลูกข้าวออร์แกนิก ผลิตชาข้าวซ้อมมือ แป้งข้าวเจ้า และยังช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกข้าวออร์แกนิกสีข้าวด้วย
ลานตากข้าวเปลือกบริเวณโดยรอบโรงสีข้าวโบราณ ใช้เป็นสถานที่ในการจัดแสดงผลงานภาพวาดของคุณเฉินสูจื่อ (陳淑子) นักวาดชุมชน ซึ่งเป็นผลงานบรรจงถ่ายทอดบรรยากาศวัฒนธรรมท้องถิ่นจ้วงเหวย ถ่ายทอดวัฒนธรรมชนบทได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และยังโชยกลิ่นอายความหอมของข้าวตลบอบอวลไปทั่วทีเดียว
มหกรรมที่จัดขึ้นนานกว่า 6 เดือน มีนักจัดงานนิทรรศการในท้องถิ่นถือกำเนิดขึ้นมากกว่า 30 คน จัดกิจกรรมแห่งสุนทรียศาสตร์มากกว่า 40 ครั้ง ในบ้านเก่า ห้องอ่านหนังสือ และบ้านโบราณ ìซันเหอย่วนî รวม 22 แห่ง ประสมประสานกันระหว่างบ้านเก่าในชุมชนกับนักสุนทรียศาสตร์ในท้องถิ่น หรือผู้กลับบ้านเกิดหรือผู้ย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐาน ณ ที่แห่งนี้ ร่วมกันสรรค์สร้างวัฒนธรรมการกินและการเกษตร ดนตรี บทกลอน การประยุกต์ใช้ศิลปวัฒนธรรม ท่องเที่ยวแบบชิลชิลในชุมชน และกิจกรรมอนุรักษ์ระบบนิเวศเป็นต้น
การลอยละล่องบนท้องฟ้าของดอกแดนดิไลออน
สุนทรียศาสตร์แห่งชุมชนเป็นกิจกรรมที่สรรค์สร้างและจัดสรรงบประมาณโดยกองวัฒนธรรม เทศบาลเมืองอี๋หลาน ส่งเสริมนักกิจกรรมศิลปกรรมในท้องถิ่น และนักสุนทรียศาสตร์แห่งชีวิตในชุมชน จัดกิจกรรมตามสถานที่ในแต่ละท้องถิ่น กลายเป็น ìศูนย์ศิลปะขนาดย่อมî หลากรูปหลายแบบขึ้น คุณหลินชิวฟัง (林秋芳) อดีตผู้อำนวยการกองวัฒนธรรม เทศบาลเมืองอี๋หลาน และเป็นหนึ่งในนักสุนทรียศาสตร์ที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้อธิบายให้ฟังว่า ìที่เรียกว่าเป็นศูนย์กลางหรือซาลอนนั้น ก็เพื่อมิให้กิจกรรมดูมีความเคร่งขรึมมากเกินไป แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น แบ่งปันความสุขให้แก่ผู้คนรอบข้าง
ìสุนทรียศาสตร์แห่งชุมชน ต้องการที่จะสรรค์สร้างให้อี๋หลานเป็นแหล่งความคิดสร้างสรรค์จากชนบท สร้างความเข้มแข็งให้แก่ความเป็นมนุษย์ของอี๋หลาน สั่งสมเพิ่มพูนสุนทรียศาสตร์ ก้าวสู่ความเป็นเครือข่ายชุมชนแห่งชีวิตสุนทรียศาสตร์î นั่นเป็นคำบอกกล่าวจากคุณซ่งหลงฉวน (宋隆全) รักษาการผู้อำนวยการกองวัฒนธรรม เทศบาลเมืองอี๋หลาน
3 ปีที่ผ่านมา ผู้จัดกิจกรรมสุนทรียศาสตร์แห่งชุมชน ได้สร้างพลังแห่งการสรรหาผู้ชมและระดมทุนทรัพย์เพื่อการนี้ได้ไม่น้อยทีเดียว สถานที่จัดกิจกรรมก็กระจายไปตามชุมชนต่างๆ ผู้จัดกิจกรรมแต่ละคนก็ยังให้ความร่วมมือช่วยเหลือซึ่งกันและกันอีกด้วย คุณหลินชิวฟัง ในฐานะหัวหน้าคณะผู้จัดกิจกรรมบอกว่า ìรัฐบาลขนาดกะทัดรัด ภาคเอกชนเต็มไปด้วยพลังมหาศาล เป็นเป้าหมายที่พวกเรากำลังแสวงหาและต่อสู้î
ดนตรีประสานเสียงเคล้าคลอบรรยากาศท้องทุ่ง
คุณอู๋ถิงฮั่ว (吳亭樺) สถาปนิกออกแบบสิ่งแวดล้อมที่ย้ายมาตั้งรกรากที่อี๋หลานมานานเกินกว่า 10 ปีแล้ว ได้เชิญสถาปนิกนักออกแบบสิ่งแวดล้อมจากต่างประเทศ พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับเทคนิคการใช้ชีวิตในป่าเขากับการใช้ชีวิตในชุมชนชาวอินเดียนแดง จัดกิจกรรมเชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมสัมผัสระบบนิเวศวิทยาอันหลากหลายในสวนผักที่ตั้งอยู่ท่ามกลางอู่ข้าวอู่น้ำที่หนานอ้าว โดยช่วยกันเก็บเกี่ยวพืชผักจากในสวนมาทำอาหารรับประทานในแต่ละวัน แล้วนั่งชมการแสดงดนตรีของนักดนตรีชนพื้นเมืองอันแสนไพเราะไปพร้อมๆ กับการลิ้มชิมรสความสดใหม่ของพืชผักที่เพิ่งเก็บมาจากสวนสดๆ ร้อนๆ ส่วนที่หมู่บ้านโถวเฟิ่น ต.หยวนซัน ได้เชิญนักแสดงอุปรากรไต้หวันชื่อดังอย่างหวางเย่ชิง (王葉青) ร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ชมด้วย ร้านมิตรแห่งชีวิตที่ตงซันก็จัดกิจกรรมเชิญคุณยายมาสอนทำขนม ìก้วยî ส่วนที่เจียวซี โดย ìสถานีศิลปะโหยวอาม่าî (游阿嬤藝站) จัดกิจกรรมสอนผู้คนร้องรำทำเพลง และสอนวิธีทำ ìไชโป๊î ด้วย ส่วนที่ชุมชนเอ้อเจ๋ (二結社區) ก็มีกิจกรรมส่องหาผีเสื้อ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
ที่เมืองอี๋หลาน ศิลปวัฒนธรรมไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะเพียงในกรอบของหอศิลป์ หรือโรงละคร หอแสดงเท่านั้น แต่มันได้ซึมซับอยู่ในทุกอณูของชุมชนที่พักอาศัยของผู้คนด้วย เป็นสุนทรียศาสตร์แห่งชีวิตที่รับรู้ สัมผัส และซึมซับได้เป็นอย่างดี คุณหลินชงเสียน (林聰賢) ผู้ว่าการเมืองอี๋หลานสาธยายเรื่องนี้ว่า ìนักจัดกิจกรรมในท้องถิ่น ก็เหมือนกับดอกผู่กงอิงที่ส่องแสงเจิดจรัสเฉกเช่นดวงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้า สรรค์สร้างให้ความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ ผาดโผนโลดแล่นไปตามชุมชนต่างๆî
คุณหลิวชิวฟัง อธิบายเพิ่มเติมว่า ได้เชิญนักดนตรีระดับชาติเปิดฟลอร์แสดงดนตรีบรรยายความงามแห่งสุนทรีย์ของท้องทุ่งท้องนา บ่มเพาะบุคลากรศิลปวัฒนธรรมในท้องถิ่น แสวงหาเรื่องราวอันประทับใจในชุมชมชนเพื่อสร้างสรรค์เป็นภาพยนตร์สารคดี ซึ่งล้วนเป็นส่วนหนึ่งแห่งสุนทรียศาสตร์ในท้องถิ่นนั่นเอง ส่วนหนึ่งก็เพื่ออาศัยดนตรีประชาสัมพันธ์ความงดงามแห่งธรรมชาติของอี๋หลาน และนำเสนอศิลปะหลากรูปหลายแบบแห่งชุมชนให้ผู้คนได้สัมผัส พร้อมๆ ไปกับการสร้างบุคลากรและความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นในแต่ละชุมชน
แหล่งฟูมฟักความคิดสร้างสรรค์แห่งวัฒนธรรม
ในแผนที่เมืองอี๋หลานที่ปักเต็มไปด้วยหมุดแห่งสุนทรียศาสตร์ชุมชน ได้ทยอยเปิดใช้เวทีขนาดใหญ่แห่งมนุษยศาสตร์ ดุจดวงดาวส่องแสงเจิดจรัสที่แล่นวนเวียนไปตามแนวกึ่งกลางระหว่างภาคเหนือกับภาคใต้ของเมืองอี๋หลาน
เริ่มต้นจากเหนือสุดที่โถวเฉิง พิพิธภัณฑ์หลานหยางที่คว้ารางวัลสิ่งปลูกสร้างยอดเยี่ยมระดับโลกหลายรายการ ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมไต้หวันรับรองว่าเป็นผลงานศิลปะชิ้นหนึ่ง จากนั้น ขยับไปทางภาคกลางของเมืองคือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะอี๋หลาน เดิมเป็นอาคารเก่าที่ตั้งของธนาคารไต้หวัน สาขาอี๋หลาน ประสานกับการบรรจบกันทางด้านวรรณกรรมและนักเขียนด้วยความบังเอิญกับสวนสนุกจิมมี่ และหออิฐแดงที่นักเขียนชื่อดังอย่างหวงชุนหมิง (黃春明) บรรจงสรรค์สร้างขึ้น ชุบชีวิตให้แก่ชุมชนเก่าแก่ในอี๋หลานให้มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเราล่องไปทางภาคใต้ตามแนวระเบียงแห่งวัฒนธรรม โรงงานวัฒนธรรมหลัวตง ที่บรรจงออกแบบโดยหวงเซิงหย่วน (黃聲遠) วิศวกรชื่อดังในไต้หวัน เคยใช้เป็นสถานที่ในการจัดงานมหกรรมมอบรางวัลม้าทองคำให้แก่วงการภาพยนตร์ไต้หวันระดับโลกด้วย ส่วนทางด้านวนอุทยานความคิดสร้างสรรค์จงซิงที่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 30 เฮกตาร์ อนุรักษ์ความเป็นอุตสาหกรรมดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วน เนื่องจากการเดินทางไปมาค่อนข้างจะสะดวกสบาย จึงกลายเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการจัดงานกิจกรรมขนาดใหญ่ในไต้หวัน
สถานที่ในการจัดกิจกรรมวัฒนธรรมต่างๆ เหล่านี้ นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่นักท่องเที่ยวจะต้องไปเยี่ยมชมแล้ว มันยังเป็นจุดเชื่อมต่อเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กอีกหลายแห่งในอี๋หลานอีกด้วย
คุณหลินชงเสียน ผู้ว่าการเมืองอี๋หลานบอกว่า ìในช่วงการ
เตรียมการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ศิลปะอี๋หลานนั้น ได้กระตุ้นให้เกิดการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กของภาคเอกชนและโรงงานเพื่อการท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากขึ้นในเมืองอี๋หลาน เชื่อมต่อกันเข้าเป็นเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ กลายเป็นฐานอันมั่นคงให้แก่การผลักดันความคิดสร้างสรรค์แห่งวัฒนธรรมในอี๋หลานได้เป็นอย่างดี ประสบการณ์พัฒนาวัฒนธรรมเช่นนี้ น่าจะเป็นสิ่งที่พบหายากมากในไต้หวันî
ในทำนองเดียวกัน พิพิธภัณฑ์ศิลปะอี๋หลานที่เพิ่งเปิดใช้งานเมื่อปี 2014 ถือกำเนิดขึ้นจากนโยบาย ìใช้ที่แลกที่î ของเทศบาลเมืองอี๋หลาน จึงยังคงสามารถอนุรักษ์อาคารที่ตั้งธนาคารไต้หวันที่มีความหมายแห่งประวัติศาสตร์นี้เอาไว้ได้ ซึ่งตอนนี้ได้ผันตัวไปสู่การเป็นหอศิลป์ที่ทำหน้าที่เก็บสะสมงานศิลปกรรมต่างๆ มากมาย
ภาคเหนือพัฒนาการแพทย์ชีวภาพ
ภาคใต้บ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์
ตลอดช่วงระยะเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา อี๋หลานได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวกว่า 7 ล้านคนต่อปี ที่แวะเวียนไปท่องเที่ยวยังอี๋หลาน ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญของอี๋หลาน นอกจากด้านการท่องเที่ยวแล้ว พ่อเมืองอี๋หลานยังได้ริเริ่มพัฒนาอุตสาหกรรมไร้ปล่องควันไฟอีกอย่างน้อย 2 รายการ ìภาคเหนือพัฒนาการแพทย์ชีวภาพ ภาคใต้บ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์î อีกด้วย
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีกว่า 200 ชุมชนที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาชุมชนมาเป็นเวลาช้านาน สั่งสมศักยภาพและบุคลากรความคิดสร้างสรรค์จำนวนไม่น้อย ด้วยเหตุนี้ เทศบาลเมืองอี๋หลานจึงล็อบบี้บรรดาสมาชิกสภาเทศบาลให้จัดสรรงบประมาณซื้อโรงงานกระดาษจงซิง ที่ถูกทิ้งร้างไว้เป็นเวลานาน มารีโนเวทให้กลายเป็น ìอุทยานความคิดสร้างสรรค์จงซิงî
(中興文創園區) โดยที่อี๋หลานเคยเป็นแหล่งส่งออกผ้าย้อมอันดับ 1 ของไต้หวัน และเมื่อรายงานวิจัยการย้อมที่จัดทำขึ้นโดยพิพิธภัณฑ์หลานหยางเผยแพร่ออกมาแล้ว กองวัฒนธรรม เทศบาลเมืองอี๋หลานก็ได้ตัดสินใจที่จะบรรจุให้การย้อมผ้าเป็นหนึ่งในผลงานความคิดสร้างสรรค์ของอี๋หลานที่ต้องผลักดันต่อไป อาศัยการส่งเสริมดังกล่าวอบรมบ่มเพาะบุคลากรด้านการย้อมผ้ารุ่นแล้วรุ่นเล่า
การไหลรวมบรรจบของความคิดสร้างสรรค์ยังมาจากรายงานการสำรวจที่ทำมาอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่ดินที่สำรวจโดยพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ด้วย การจัดกิจกรรมประกวดการออกแบบเก้าอี้อี๋หลานได้ระดมสรรพความคิดของดีไซเนอร์จากทั่วโลก เสริมเติมพลังให้แก่อณูของอี๋หลาน กิจกรรม ìอี๋หลานดีไซน์ฟีเวอร์î กลายเป็นเวทีประลองความคิดสร้างสรรค์ให้แก่คนรุ่นใหม่ ในอนาคตอีก 10 ปี 20 ปีข้างหน้า ความคิดสร้างสรรค์แห่งสุนทรียศาสตร์วัฒนธรรมอี๋หลาน จะมีวนอุทยานความคิดสร้างสรรค์จงซิงเป็นศูนย์กลาง สั่งสมขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์อีกหลายระลอก
กลับบ้านไปใช้ชีวิตอย่างราบเรียบ
นับตั้งแต่อุโมงค์เสวี่ยซัน (雪山隧道) เปิดใช้เป็นต้นมา ได้นำเอานักท่องเที่ยวจำนวนมากทะลักสู่ที่ราบหลานหยางแห่งนี้ และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อวงการธุรกิจ คุณซ่งหลง
ฉวนเห็นว่า การพัฒนาวัฒนธรรมอี๋หลานในขั้นตอนต่อไปก็คือจะต้องกลับไปยืนอยู่บนจุดยืนแห่งการพัฒนารูปการจิตสำนึกวัฒนธรรมของชาวอี๋หลานดั้งเดิม ฟื้นฟูวัฒนธรรมการใช้ชีวิตเรียบง่าย แบบชิลชิลเช่นเดียวกับในอดีต แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีต่ออุดมการณ์ ìยิ่งมีความเป็นอัตลักษณ์ท้องถิ่นเพียงใด ย่อมจะต้องมีความเป็นสากลมากยิ่งขึ้นเพียงนั้นî
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การพัฒนาอุตสาหกรรมไร้ปล่องควัน ประกอบกับการทดลองการศึกษาแบบเปิดกว้าง ทำให้คนรุ่นใหม่และผู้คนโยกย้ายไปตั้งถิ่นฐานที่อี๋หลาน
คุณเฉินจ้าวฉี (陳照旗) เจ้าของสำนักพิมพ์ชื่อดังในไต้หวัน ซึ่งทุ่มเทให้แก่งานพิมพ์หนังสือท่องเที่ยวและวัฒนธรรมการปลูกพืชผักกินเองมานานหลายปี เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เขาได้โยกย้ายกิจการสำนักพิมพ์ของเขาทั้งหมดกลับไปบ้านเกิดที่หลัวตง ในยามปกติ เขากับภรรยาจะตระเวนเยี่ยมเยือนเกษตรกรสอบถามสารทุกข์สุขดิบ เพื่อหาสูตรอาหารรสเลิศใหม่ๆ ให้แก่ความคิดสร้างสรรค์ของตน และเป็นข้อมูลให้แก่พ่อครัวที่มีความคิดสร้างสรรค์ คิดค้นอาหารใหม่ๆ ออกมา อาศัยการรับประทานอาหารบนโต๊ะเดียวกัน ลิ้มชิมรสอาหารเดียวกัน เผยแพร่วัฒนธรรมการปลูกพืชผักกินเองให้แก่ผู้คน คุณเฉินจ้าวฉี ได้ตั้งความหวังว่า จะเป็นเวทีเชื่อมประสานระหว่างแหล่งผลิตกับโต๊ะอาหารให้ได้ เพื่อเปิดโอกาสให้แก่ผู้เพาะปลูกให้เข้าใจถึงความเป็นมิตรของผืนแผ่นดิน
ìร้านอาหารหนังสือมินิî ที่แฝงตัวอยู่ในป่าลึกหมู่บ้านหยวนซัน เป็นโรงสีเก่า เจ้าของทำนาปลูกข้าว และยังให้บริการเอาหนังสือมือสองมาแลกกับพืชผักที่ตนปลูกเองด้วย กระท่อมหลังน้อยที่ตั้งอยู่ด้านหน้าบ่อเสี้ยวจันทร์ หรือ ป้านเยว่ ในสวนซงหยวน บนถนนจิ้นซื่อ อี๋หลาน แห่งนี้ ให้บริการสินค้าแลกสินค้า และยังจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นประจำด้วย ส่วน ìร้านหนังสือนักเดินทาง Stayî ที่ตั้งอยู่ในซอยข้างวัดปี้เสียใกล้กับศูนย์เมืองเก่าอี๋หลาน ก็เป็นร้านหนังสืออิสระอีกแห่งที่อี๋หลาน
ìความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างหนึ่ง ประสมประสานกับวิถีชีวิตเนิบช้าของอี๋หลาน ได้ค่อยๆ ผุดขึ้นแล้วî นั่นเป็นความรู้สึกของหยางเหวินชิง (楊文卿) ช่างภาพภาพยนตร์สารคดีวัฒนธรรมอี๋หลานที่พาบุตรสาว 2 คน กลับไปใช้ชีวิตและรับการศึกษาแบบทดลองที่นี่
มหกรรมกรีนเอ็กซ์โป และมหกรรมเทศกาลเด็กเล่น ที่จัดขึ้นเป็นประจำในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนที่นี่ ดูจะเป็นเหมือนงานเทศกาลเพื่อความบันเทิงเท่านั้น แต่สำหรับเทศบาลเมืองอี๋หลานแล้ว มันเป็นงานเทศกาลที่รวบรวมเอาพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ในอี๋หลานมาไว้ด้วยกัน เป็นเสมือนบททดสอบผลงานที่ผ่านมาของการสรรค์สร้างสังคมอี๋หลาน และเปรียบประดุจเวทีวัฒนธรรมที่ส่องแสงเจิดจรัสไปด้วยวัฒนธรรม และเปรียบเสมือนที่มั่นแห่งการฟูมฟักความคิดสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรม โดยเริ่มจากการเกษตรออร์แกนิกไปจนถึงวิถีชีวิตเนิบช้า สร้างบรรยากาศแห่งความเป็นมิตรและสวยสดงดงามให้แก่ชีวิต ดึงดูดผู้คนให้กลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดของตน ìอี๋หลานแห่งความสุข บ้านเกิดแห่งความคิดสร้างสรรค์î นี่ก็คือวัฒนธรรมอี๋หลานทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต