ระดมสมอง ร่วมกันสู้เพื่อท้องทะเล
อ่าววั่งไห่เซี่ยงครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 250 เฮกตาร์ โดยทางเทศบาลเมืองจีหลงได้กำหนดพื้นที่นำร่องในระยะแรกราว 15 เฮกตาร์ เพื่อใช้เป็นเขตอนุรักษ์ตัวอย่าง และหากประสบความสำเร็จก็จะมีการขยายและเพิ่มพื้นที่ให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การดำเนินโครงการพื้นที่คุ้มครองทางทะเลที่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 15 เฮกตาร์ กลับไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายนัก
คุณหลินชิงไห่ (林青海) รองผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางทะเลแห่งชาติ (National Meseum of Marind Science and Technology) เป็นชาวเมืองจีหลงที่เกิดในครอบครัวชาวประมง และเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายพัฒนาเศรษฐกิจของเทศบาลเมืองจีหลง เขาเล่าว่าเขาเห็นเรือประมงจอดรวมกันอยู่ในบริเวณท่าเรือประมงเจิ้งปินนับพันลำมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งแตกต่างจากปัจจุบันมาก เพราะตอนนี้อุตสาหกรรมประมงกำลังอยู่ในช่วงถดถอย ทำให้เขาตระหนักถึงความจำเป็นและความเร่งด่วนในการอนุรักษ์และคุ้มครองทะเล
กว่า 6 ปีกับการทำงานอย่างหนักร่วมกับชาวประมงในการจัดเวทีเสวนาต่าง ๆ ทำให้คนในพื้นที่เกิดความรักทะเลมากขึ้นและมีความภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตน ชาวประมงจำนวนไม่น้อยร่วมมือกับหน่วยงานลาดตระเวนชายฝั่งจัดตั้ง “กองเรืออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” เพื่อทำหน้าที่สอดส่องตรวจตราเรือประมงที่ทำการจับปลาอย่างผิดกฎหมาย ขณะที่หน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีอย่างมหาวิทยาลัยสมุทรศาสตร์แห่งชาติไต้หวัน (National Taiwan Ocean University) และพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางทะเลแห่งชาติ รับผิดชอบเรื่องข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ และให้ความช่วยเหลือในเรื่องของการปล่อยลูกปลา การจัดกิจกรรม “ทะเลสะอาด” เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่มีผู้คนจำนวนมากทั้งที่เป็นจิตอาสาและนักวิชาการมาร่วมกันเก็บขยะและทำความสะอาดชายหาด อาศัยการมีส่วนร่วมของประชาชนในการรณรงค์และสร้างความเข้าใจในการปกป้องคุ้มครองทรัพยากรทางทะเล
นอกจากมาตรการห้ามมิให้ใช้อวนลากเพื่อทำประมงในพื้นที่ห่างจากแนวชายฝั่ง 500 เมตรแล้ว เทศบาลเมืองจีหลงยังได้จัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งเพื่ออุดหนุนการรับคืนเครื่องมืออวนจากชาวประมง เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ชาวประมงปรับเปลี่ยนวิธีการจับปลา และเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากขึ้นไปอีก เมื่อมาตรการต่าง ๆ เหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้แทนประชาชนจำนวนมาก อีกทั้งสื่อท้องถิ่นได้ช่วยเหลือในการทำข่าวและประชาสัมพันธ์ ความร่วมมือที่เกิดขึ้นจากแต่ละภาคส่วนเหล่านี้ ส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างมาก
ดังนั้น การกำหนดพื้นที่คุ้มครองทางทะเลในโครงการนำร่องครั้งนี้ เปรียบได้กับการร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้เพื่อท้องทะเลจากทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง ทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นเทศบาลเมืองจีหลง มหาวิทยาลัยสมุทรศาสตร์แห่งชาติ ชาวประมง จิตอาสา ชาวบ้านในท้องที่ ผู้แทนประชาชน และสื่อมวลชนต่าง ๆ