นครเกาสงในฐานะเมอื งชายฝงั่ ไดก้ า้ วผา่ นการพลกิ โฉม ครั้งใหญ่มานานกว่า 20 ปี ด้วยการพัฒนาเส้นทางจราจร เชื่อมต่อเส้นทางรถไฟฟ้าใต้ดินและการปรับปรุงภูมิทัศน์ ริมฝั่งแม่น้ำ "แห่งความรัก" หรือ "愛河 อ้ายเหอ" และ บริเวณชายฝั่งท่าเรือ ทั้งนี้ เพื่อสลัดให้พ้นจากภาพลักษณ์ เก่าๆ ของเมืองอุตสาหกรรมหนักในอดีต
ปลายปีค.ศ. 2015 โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทน้ำมัน CPC ไต้หวัน ที่ตั้งอยู่ในนครเกาสง ได้ปิดฉากลงอย่าง เป็นทางการ แล้วมีการเติมแต่งสีสันแห่งวัฒนธรรมและ มนุษยสัมพันธ์ให้แก่นครเกาสงให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น เทศกาล ศิลปวัฒนธรรมฤดูใบไม้ผลินครเกาสงและเทศกาล ภาพยนตร์นครเกาสงที่จัดให้มีขึ้นนานถึง 4 เดือนในช่วงฤดู ใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง เป็นสองเทศกาลที่บรรดาคอหนัง ทั้งหลายไม่อาจพลาดได้ ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้แก่นครเกา สงขจรขจายไปสู่ระดับโลกด้วย นครเกาสงจึงสลัดพ้นจาก ภาพลักษณ์เดิมๆ ที่ถูกขนานนามว่า เป็นเมืองแห่งความ แห้งแล้ง หรือ "ทะเลทราย" ทางวัฒนธรรม
จากภาพถ่ายหรือภาพวีดีโอ ทำให้เราเห็นภาพเก่าๆ ใน อดีตและภาพแห่งความเป็นจริงของเมืองต่างๆ ในไต้หวัน และยงั เปน็ การบนั ทกึ ความทรงจำแหง่ วฒั นธรรมใหล้ กึ ซงึ้ ยิ่งขึ้นอีกด้วย
ในปี ค.ศ.1871 จอห์น ทอมสัน (John Thomson) (ค.ศ.1837-1921) ช่างภาพฝีมือฉกาจจากเอดินบะระ สหราชอาณาจักร ได้ตัดสินใจเดินทางมาผจญภัยใน ไต้หวัน หลังจากได้รับทราบเรื่องราวเกี่ยวกับเกาะ ฟอร์โมซา (เป็นชื่อที่โปรตุเกสเรียกเกาะไต้หวัน) จากคำ บอกเล่าของคุณหมอเจมส์ เลดลอว์ แมกซ์เวล (James Laidlaw Maxwell) (ค.ศ.1836-1921) หมอสอนศาสนา คนแรกที่คริสตจักรส่งมาประจำในไต้หวัน
ภาพแรกที่ประจักษ์ในสายตาชาวโลก
จอห์น ทอมสัน ได้บันทึกภาพชุดแรกที่เต็มไปด้วยสีสัน แห่งความเป็นเกาะมหาสมบัติ ซึ่งก็คือภาพนครเกาสงและ นครไถหนานในปัจจุบันนั่นเอง
ในตอนนั้น จอห์น ทอมสัน ได้เดินทางมายังไต้หวัน 3 ครั้ง ขึ้นฝั่งที่ท่าเรือ "ต๋าโก่ว" (打狗 แปลตรงๆ ว่า ตีสุนัข) ซึ่งปัจจุบันก็คือย่าน "ฮามาซิง" (哈瑪星) ในนครเกาสง นั่นเอง หลังเก็บภาพไต้หวันภาพแรกที่นั่นแล้ว ก็เดินทาง ต่อไปยังเขตอันผิง นครไถหนาน เพื่อเก็บภาพบรรยากาศ ต่างๆ ของที่นี่ และยังได้เดินทางลึกเข้าไปในเขตป่าเขา โดยมีคุณหมอแม็กซ์เวล เป็นผู้นำทาง โดยเดินทางผ่าน เขตจั่วเจิ้น นครไถหนาน และอีกหลายเขตในนครเกาสง เช่น เขตมู่จ้า เจี่ยซานผู่ แม่น้ำเหล่าหนง และลิ่วกุย (ซึ่ง ก็คือเน่ยเหมิน ฉีซาน เม่ยหนง เจี่ยเซียน และลิ่วกุย ใน ปัจจุบันตามลำดับ)
เมื่อประมาณ 140 กว่าปีก่อนโน้น ถนนหนทางตาม ป่าเขาทุรกันดารและเลี้ยวลดคดเคี้ยวอย่างยากที่จะ พรรณนาได้ แต่จอห์น ก็ได้พบกับชนพื้นเมืองที่ผิงผู่ซึ่งเต็ม ไปด้วยความเป็นมิตร และถูกจอห์นบันทึกไว้ในภาพถ่าย ต่างๆ ของเขา ชีวิตเรียบง่ายเป็นมิตร เร่าร้อน ตรงไปตรง มา และเต็มไปด้วยความจริงใจ เป็นคำบรรยายด้วยความ ชนื่ ชมของจอหน์ ทมี่ ตี อ่ บรรดาชนพนื้ เมอื งทางภาคใตข้ อง ไต้หวัน (ชนชาติศรีรายาและชนชาติมาคัตโต้)
จากท่าเรือ "ต๋าโก่ว" สู่ "ฮามาซิง"
ฮามาซิง เป็นเขตๆ หนึ่งในเมืองเก่าของนครเกาสง ตั้ง อยู่ทางทิศเหนือของเส้นทางรถไฟเก่าในเขตกู่ซาน นคร เกาสง รถราและผู้คนจะพลุกพล่านแออัดในช่วงทุกๆ วัน หยุด จนรถบัสขนาดใหญ่ต้องขับไปจอดบริเวณท่าเรือ กล้วยหอม (香蕉碼頭 Banana Pier) ที่อยู่ใกล้ๆ ให้ผู้ โดยสารเดินเข้าไปชื่นชมบรรยากาศเก่าๆ ของที่นี่ด้วย ตนเอง
"ฮามาซิง" มาจากคำภาษาญี่ปุ่น はません;Hamasen ที่แปลว่า "แนวชายฝั่ง" ซึ่งในตอนนั้น มีเส้นทางรถไฟ 2 สาย ที่วิ่งไปตามแนวชายฝั่งไปยังท่าเรือ (สถานีรถไฟ ท่าเรือเกาสง) เป็นเส้นทางที่มีการจราจรค่อนข้างแออัด และพลุกพล่าน ผู้คนที่นี่เคยชินกับการเรียกที่นี่ว่า "ฮา มาซิง" ในภาษาท้องถิ่นไต้หวัน ชาวบ้านจากเขตฉีจินที่ ต้องการจะเข้าเมือง หากไม่ผ่านไปทางอุโมงค์ลอดใต้ทะเล ทางใต้ของเขตเสี่ยวกั่งในนครเกาสง ก็จะต้องไปทางเรือ ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เมื่อล่องเรือจากท่าเรือฉีจินชม แสงอาทิตย์แรกแย้มยามเช้าหรือแสงอาทิตย์อัสดงในยาม พลบค่ำ เป็นความรู้สึกทั่วไปที่ชาวเกาสงได้สัมผัส แต่มัน เป็นความรู้สึกที่แสนจะโรแมนติกสำหรับคนต่างถิ่น
กองวัฒนธรรม เทศบาลนครเกาสงได้พัฒนาพื้นที่ทาง ทิศใต้ของเส้นทางรถไฟเก่าฮามาซิงให้เป็นย่านวัฒนธรรม เส้นทางรถไฟท่าเรือเกาสง ทางทิศใต้ติดกับท่าเรือเกาสง และเขตศิลปวัฒนธรรมพิเศษป๋อเอ้อ (駁二藝術特區) จะมีนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตาในช่วงวันหยุด ส่วน สถานีท่าเรือเกาสง ซึ่งอยู่บริเวณทางออกสู่ซีจื่อวาน (西 子灣) สถานีสุดท้ายที่อยู่ทางทิศตะวันตกของเส้นทาง รถไฟฟ้าเกาสงสายสีส้ม การเดินทางจะสะดวกสบาย มากกว่า
ฮามาซิง เกาสง มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งที่มีชื่อเสียง อาทิ พระอาทิตย์อัสดงที่ซีจื่อวาน ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ในไต้หวัน และย่านอุทยานวัฒนธรรมสถานกงสุลอังกฤษ ที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาเส้าฉวน ประกอบไปด้วย "ทำเนียบ ที่พักกงสุลใหญ่อังกฤษ" ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา และ "สถาน กงสุลใหญ่อังกฤษ" ที่ตั้งอยู่ที่ท่าเรือบริเวณเชิงเขา ศาลา อู่เต๋อ ที่ตั้งอยู่ระหว่างทางของเส้นทางการ เดินขึ้นเขา มีการอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างแบบ ญี่ปุ่นไว้อย่างครบครัน ซึ่งเป็นแหล่งท่อง เที่ยวที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวโดย ทั่วไป
“เหล่าเหยียนเฉิง” พลิกโฉมหน้าใหม่ ด้วยความใส่ใจของมนุษย์ ดุจสำนวนจีน ที่ว่า “ใจกว้างดุจมหาสมุทร รองรับแม่น้ำ ได้ 100 สาย” ความยิ่งใหญ่ของเมือง อยู่ ที่การยอมรับความต่างที่ดำรงอยู่ และอยู่ ที่พลังแห่งการยอมรับความต่างด้วย เพราะการยอมรับใน ความต่างจะทำให้เมืองมีพลังสรรสร้างความทรงจำแห่ง ประวัติศาสตร์ร่วมกัน เป็นฐานพลังแห่งการฟูมฟักทาง วัฒนธรรมของเมืองท่าเกาสงแห่งนี้
ผู้ย้ายถิ่นฐาน เป็นคุณลักษณะพิเศษเฉพาะของเมืองเกา สง ผู้โยกย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ที่เกาสง เริ่มเข้ามาที่ “ฮามา ซิง” และ “เหยียนเฉิง” (鹽埕) เป็นจุดแรกๆ
เขตเหยียนเฉิง เป็นเขตที่พัฒนาขึ้นมาหลังการพัฒนา ของเขตฮามาซิง ซึ่งเป็นเขตที่พัฒนาขึ้นมาก่อนเขตอื่นๆ ในเกาสง อยู่ในบริเวณเจี๋ยเจียง มีถนนและตลาดเก่าตัด พาดผ่านเป็นตารางหมากรุก เมื่อเราแวะเวียนจิบกาแฟใน ร้านกาแฟที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเก่าๆ คงไม่ใช่เรื่องยาก ที่เราจะขอให้เจ้าของร้านกาแฟโบราณเหล่านี้ เล่าเรื่อง ราวประวัติความเป็นมาของนครเกาสงและท่าเรือ ไม่ว่า จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการต่อเรือหรืออุตสาหกรรมทอ ผ้าของที่นี่ สิ่งหล่อเลี้ยงที่อุดมสมบูรณ์และดีที่สุดสำหรับ บรรดานักสร้างสรรค์วัฒนธรรมในปัจจุบัน นั่นก็คือความ เป็นมาของกิจการอาชีพเก่าแก่ที่มลายหายสิ้นไปกับการ เกิดขึ้นของงานการอาชีพใหม่ๆ ในเกาสง
โรงเตี๊ยม “ซานเปี๋ย” (叁捌旅居) ที่ตั้งอยู่บนถนนอู่ฝูซื่อ ลู่ (五福四路) เดิมเป็นบริษัทตัดเย็บชุดราตรีเจิ้งเม่ย ก่อ ตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1959 บริหารกิจการโดยเจ้าของรุ่นที่ 3 คุณ ชิวเฉิงฮั่น (邱承漢) 3 ปีเศษที่ผ่านมา เขาได้ตัดสินใจย้าย กลับจากไทเปมาที่เกาสง โดยเลือกตกแต่งปรับปรุงสถาน ที่ที่คุณยายได้ทิ้งไว้ให้เป็นมรดก ออกแบบโดยเสริมสีสัน ให้มีความเป็นมนุษย์ลงไปด้วย ออกแบบภูมิทัศน์ภายนอก ให้ดูคลาสสิค ตั้งเด่นเป็นตระหง่านอยู่กลางถนนสายที่มี ความเจริญรุ่งเรืองที่สุดในเขตเหยียนเฉิงขณะนั้น ดึงดูด สายตาและไดร้ บั ความชนื่ ชมจากบรรดานกั วฒั นธรรมรน ใหม่เป็นอย่างมาก
คุณชิวเฉิงฮั่น ได้นั่งถกโครงการความร่วมมือประจำปี กับคุณเซี่ยอีหลิน (謝一麟) คนหนุ่มลูกหลานชาวเกาสง ในฐานะที่ปรึกษาชมรมฟื้นฟูประวัติศาสตร์วัฒนธรรมต๋า โก่ว ฮามาซิง และยังเป็นหนึ่งในเจ้าของร้านหนังสือซัน อวี๋ ด้วย
ส่วนร้านหนังสือซันอวี๋ (三餘書店) ตั้งอยู่บนถนนจง เจิ้ง ซึ่งเป็นถนนหลักสายสำคัญเชื่อมระหว่างทิศตะวัน ออกกับทิศตะวันตกของนครเกาสง ซึ่งตอนนี้มีรถไฟฟ้า ใต้ดินสายสีส้มแล่นอยู่ใต้ถนนสายนี้ บนสองฝั่งถนนแออัด ไปด้วยตึกอาคารพาณิชย์ในแบบฉบับของเศรษฐกิจการ ตลาด ร้านหนังสือซันอวี๋ ตั้งอยู่ระหว่างความเก่าแก่กับ ความทันสมัย หลบมุมอยู่ในห้องแถวเก่าๆ ที่ตั้งอยู่ติดกับ อาคารหรู ไม่สะดุดตาเลยแม้แต่น้อย แต่กลับทำให้รู้สึกถึง ความสมดุลกันอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นความรู้สึกที่วิเศษ จริงๆ แต่ก็อาจจะสืบเนื่องจากการขัดเกลาด้วยความอ่อน ละมุนของร้านหนังสือแห่งนี้ ทำให้ภาพที่ปรากฏนั้นไม่แข็ง กระด้างในแบบฉบับของป่าคอนกรีต แต่กลับเต็มไปด้วย ความอ่อนโยนอย่างพิถีพิถัน
ร้านหนังสือซันอวี๋ ก่อตั้งขึ้นมาได้ไม่ถึง 2 ปี เป็นร้าน หนังสืออินดี้แห่งแรกในเกาสงก็ว่าได้ ซึ่งในวันนี้ รับรู้ได้ ถึงซอฟท์เพาเวอร์ท่เี กิดข้นึ จากการอาศัยวัฒนธรรมของ มนุษย์เข้าไปหลอมละลายเป็นส่วนเดียวกัน ปัจจุบันได้ กลายเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในเกาสงเลย ทีเดียว ร้านหนังสือแสดงบทบาทในฐานะคนเล่าหนังสือ ช่วยผ้อู ่านคัดเลือกหนังสือและจัดกิจกรรมแบ่งปันส่งิ ท่ไี ด้ จากหนังสือ ในทุกมุมของร้านหนังสือแห่งนี้เต็มไปด้วย บรรยากาศที่เป็นกันเองสบายๆ ไม่ว่าจะเข้าไปอ่านหนังสือ หรือร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้นในร้านหนังสือแห่งนี้
โกดังเก่าพลิกโฉมสู่ย่านศิลป วัฒนธรรม
คุณมาคาคา (Macaca) เจ้าของดีไซน์สตูดิโอ 72 วัย เพียง 30 ปีต้นๆ มีพื้นเพเป็นชาวจังหวัดหนานโถว อาจ จะด้วยพรหมลิขิตหรืออะไรทำนองนี้ ทำให้เขาได้ไปศึกษา ต่อที่เกาสง และเมื่อจบการศึกษาแล้ว จึงตัดสินใจปักหลัก ทำงานที่นี่ เช่าอพาร์ตเมนท์เก่าๆ อายุราว 40 ปี ในซอย แคบๆ ข้างศูนย์การค้าฮั่นเสิน (漢神商圈) ในนครเกาสง เขาต้องอดหลับอดนอนเพ่อื ตระเตรียมข้อมูลสำหรับการ เสนอลูกค้าในเช้าวันรุ่งขึ้น เขาเคยร่วมงานดีไซน์เทศกาล วัฒนธรรมขนาดใหญ่ในเกาสงมาแล้วหลายรายการ จน ต้องมนต์เสน่ห์ของนครเกาสง เพราะฉะนั้นในปีนี้ คุณมา คาคา จึงตัดสินใจขยายกิจการเปิดสาขาอีกแห่งขึ้นที่ต้า โกวติ่ง (大溝頂) เขตเหยียนเฉิง นครเกาสง
ย่านศิลปะป๋อเอ้อ ที่ตั้งอยู่สุดถนนต้าหย่ง บริเวณท่าเรือ ของเขตเหยียนเฉิง ซึ่งเป็นแหล่งที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นิยม ชมชอบในศิลปวัฒนธรรมให้ความสนใจเข้าไปเยี่ยมชม และศึกษา คำว่า "ป๋อเอ้อ" (駁二) หมายถึงท่าเทียบ หมายเลข 2 ที่ตั้งอยู่ในอู่เรือหมายเลข 3 ในท่าเรือเกาสง ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1973 เดิมเป็นโกดังเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ ติดกับท่าเรือ
ในปีค.ศ.2000 นครเกาสงรับเป็นเจ้าภาพจัดการแสดง ยิงพลุฉลองวันชาติสาธารณรัฐจีน ทำให้พบสถานที่ รกรา้ งทเี่ พยี บพรอ้ มไปดว้ ยการทดสอบแนวความคดิ ใหมๆ่ แต่เนื่องจากเป็นสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่ที่ขาดการบูรณะ ซ่อมแซมมานาน ผู้ที่ประสงค์จะเข้าไปเปิดให้บริการหรือ จัดแสดงผลงานของตนได้ลงมือปรับปรุงซ่อมแซมเกือบ ทั้งหมด ซึ่งก็แล้วเสร็จในอีก 2 ปีต่อมา ในช่วงแรก โกดัง “ป๋อเอ้อ” มีเพียงส่วนของโกดังต้าหย่ง ที่ตั้งอยู่สุดถนน ต้าหย่งเท่านั้น จนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จึงเริ่มขยับ ขยายพื้นที่ออกไปเชื่อมกับโกดังต้าอี้ ซึ่งอยู่สุดสายถนนต้า อี้และโกดังฝงไหล ที่ตั้งอยู่สุดถนนชีเสียน ทำให้ย่านศิลป วัฒนธรรมนี้ มีสีสันในฐานะของความเป็นเวทีแห่งศิลปะ และวัฒนธรรม สร้างสรรค์ที่มีความพร้อมสรรพมากยิ่ง ขึ้นเป็นลำดับ
ในศตวรรษที่แล้ว การบูรณะฟื้นฟูอ้ายเหอ (愛河 แปล ว่า แม่น้ำแห่งความรัก) ที่ไหลผ่านใจกลางนครเกาสง ได้ พลิกโฉมกล่นิ อายของนครเกาสงจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทีเดียว ส่วนในศตวรรษนี้ การพัฒนาระบบขนส่งมวลชน รถไฟฟ้าใต้ดินก็เป็นสัญลักษณ์แห่งความก้าวหน้าประการ หนึ่งของนครเกาสง เป็นการเสริมพลังแห่งชีวิตให้แก่เมือง ใหญ่อันดับ 1 ทางภาคใต้ของไต้หวันอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ทีเดียว