กิจกรรม "วันวัฒนธรรมเอเชียแปซิฟิก" ซึ่งก้าวสู่ปีที่ 5 แล้ว หรือเทศกาลผู้ย้ายถิ่นฐานที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี กิจกรรมมากมายที่แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมอันหลากหลายของเอเชียแปซิฟิกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เหล่านี้ ถูกจัดขึ้นตั้งแต่ภาคเหนือไปจรดภาคใต้ของไต้หวัน ไม่ว่าจะเป็นอาหารเลิศรสของแต่ละประเทศ หรือการแสดงระบำที่มีเอกลักษณ์ ล้วนกระตุ้นความมีชีวิตชีวาให้แก่ไต้หวันได้อย่างดีเยี่ยม
เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนไต้หวันได้รู้จักวัฒนธรรมของประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและผลักดันให้เกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม กระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน สาธารณรัฐจีน จึงจัดงาน วันวัฒนธรรมเอเชียแปซิฟิก ขึ้นตั้งแต่ปี 2012 และการจัดงานก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 แล้ว มีการจัดบูธเป็นธีมต่างๆ เช่น ไต้หวัน, ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีความสัมพันธ์ทางการทูต 6 ประเทศ, ญี่ปุ่น, เกาหลี และประเทศกลุ่มเป้าหมายตามนโยบายมุ่งสู่ใต้ใหม่ รวมกว่า 50 บูธ เรียงรายแน่นขนัด ณ ลานสถานีรถไฟไทเป เปิดฉากด้วยอาหารเลิศรส การแสดงระบำ ดนตรี เป็นแสดงออกถึงวัฒนธรรมเอเชียแปซิฟิกที่เต็มไปด้วยสีสันและมีความหลากหลาย
การทูตเชิงวัฒนธรรม เชื่อมไต้หวันกับโลกให้ใกล้กันยิ่งขึ้น
การจัดงานในครั้งนี้ได้เชิญรองประธานาธิบดีเฉินเจี้ยนเหริน (陳建仁) เข้าร่วมงานและเดินเยี่ยมชมบูธจัดแสดงวัฒนธรรม ทดลองชิมอาหารต่างๆ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมประจำชาติ เช่น ตูวาลู เวียดนาม ออสเตรเลีย เป็นต้น รองประธานาธิบดีเฉินเจี้ยนเหรินกล่าวปราศรัยว่า ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินเคยกล่าวว่า วัฒนธรรมคือจิตวิญญาณของประเทศ และเป็นแรงผลักดันที่สำคัญในการส่งเสริมประเทศให้เจริญก้าวหน้าอีกด้วย
รองประธานาธิบดีเฉินเจี้ยนเหรินยังกล่าวอีกว่า ไต้หวันเป็นสังคมวัฒนธรรมผสมผสาน ในช่วงหลายปีมานี้ ภูมิหลังอันหลากหลายของผู้ย้ายถิ่นฐานใหม่ แม้จะมีความแตกต่างกันแต่ก็สามารถหลอมรวมเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในสังคมไต้หวันได้ ถือเป็นองค์ประกอบของวัฒนธรรมโฉมใหม่ที่ทำให้วัฒนธรรมท้องถิ่นของไต้หวันมีความอุดมสมบูรณ์
ในอดีต ความสัมพันธ์ด้านการต่างประเทศของไต้หวันกับประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเน้นเรื่องเศรษฐกิจและการค้าเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม วัฒนธรรมถือเป็นหัวใจสำคัญของความสัมพันธ์ไต้หวันกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลชุดใหม่จึงผลักดัน นโยบายมุ่งสู่ใต้ใหม่ นอกจากด้านเศรษฐกิจและการค้าแล้ว ยังส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านการศึกษา การท่องเที่ยว วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านวัฒนธรรม เน้นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน สอดคล้องกับ การทูตเชิงวัฒนธรรม เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกให้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น
นายหลี่ต้าเหวย (李大維) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน สาธารณรัฐจีน ได้กล่าวปราศรัยในพิธีเปิดงาน วันวัฒนธรรมเอเชียแปซิฟิก 2016 ว่า งานวันวัฒนธรรมเอเชียแปซิฟิกจัดขึ้นตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา และได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 แล้ว สำหรับการจัดงานวันวัฒนธรรมเอเชียแปซิฟิกเมื่อปี 2015 นั้น สามารถดึงดูดผู้มาร่วมชมงานได้มากกว่าแสนคน แสดงให้เห็นว่าประชาชนไต้หวันนั้นชื่นชอบและยอมรับวัฒนธรรมอันหลากหลายได้ นอกจากนี้ การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มพูนวัฒนธรรมให้แก่ตนเอง ยังช่วยเพิ่มความเข้าใจซึ่งกันและกัน ลดความเห็นต่างและความขัดแย้งระหว่างคนต่อคน และประเทศต่อประเทศ ซึ่งเป็นอุดมคติในฝันของประชาคมโลกอีกด้วย
เทศบาล 6 นคร +1 เมือง ร่วมงานวันวัฒนธรรมเอเชียแปซิฟิกเป็นครั้งแรก
การจัดงานวันวัฒนธรรมเอเชียแปซิฟิกในครั้งนี้ นอกจากเชิญประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน 6 ประเทศ ได้แก่ คิริบาส หมู่เกาะมาร์แชลส์ นาอูรู ปาเลา หมู่เกาะโซโลมอน และตูวาลู ยังมีหน่วยงานของออสเตรเลีย บรูไน ฟิจิ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย
เมียนมาร์ นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนามประจำไต้หวัน สาธารณรัฐจีน เข้าร่วมจัดแสดงในงานนี้ มีบูธจัดแสดงตามธีมประเทศต่างๆ รวมทั้งสิ้นกว่า 50 บูธ แน่นขนัดเต็มห้องโถงชั้น 1 กลางสถานีรถไฟไทเป
ที่พิเศษที่สุดคือ งานวันวัฒนธรรมเอเชียแปซิฟิกครั้งนี้ ได้เชิญเมืองที่ลงนามความตกลงเป็นเมืองพี่เมืองน้องหรือเมืองพันธมิตรกับประเทศกลุ่มเป้าหมายตามนโยบายมุ่งสู่ใต้ใหม่ 6 เทศบาลนคร ได้แก่ กรุงไทเป, นครเกาสง, นครไทจง, นครไถหนาน, นครนิวไทเป, และนครเถาหยวน พร้อมด้วยเทศบาลเมืองซินจู๋ ร่วมใจจัดแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่นในงานนี้อีกด้วย
เพื่อเป็นการแสดงพลังของหมู่บ้านเกษตรกร เทศบาลนครเกาสงเชิญชวนร่วมกิจกรรม สนุกกับประสบการณ์การเป็นเกษตรกร 1 วันในเกาสง ในช่วงหลายปีมานี้ นครเกาสงได้ประสานชุมชนหมู่บ้านเกษตรกรและผู้ประกอบการเข้าด้วยกัน โดยการจัดกิจกรรม เช่น เก็บผลไม้ ชิมอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ประจำท้องถิ่น เป็นต้น นับตั้งแต่เริ่มต้นกิจกรรมนี้เป็นต้นมา เป็นที่ชื่นชอบของชาวไต้หวันอย่างมาก และการจัดงาน วันวัฒนธรรมเอเชียแปซิฟิก นี้ นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของวัฒนธรรมหมู่บ้านเกษตรกรแล้ว ยังหวังดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มาเยือนท้องถิ่นอีกด้วย
ด้านเทศบาลนครนิวไทเป นอกจากนำชาพื้นเมืองต้นตำรับมาจัดแสดงแล้ว ยังให้สองพี่น้องฝาแฝดโจวน่าอวี๋ (周娜妤) และโจวน่าอี (周娜伊) จากชมรมชงชา โรงเรียนประถมสือติ้ง
(石碇國小) ใช้ภาษาจีนและอังกฤษบรรยายในการแสดงศิลปะการชงชา นอกจากนี้ยังได้ติดตั้งระบบเทคโนโลยี VR (Virtual Reality) ใหม่ล่าสุดใช้สำหรับฉายภาพเสมือนจริง เป็นภาพชายฝั่งทะเลอุทยานแห่งชาติเย๋หลิ่วแบบ 360 องศา การแสดงไฟประดับในเทศกาลคริสต์มาส ฯลฯ ให้ผู้เข้าร่วมงานและผู้ชมได้ตื่นตาตื่นใจราวกับได้อยู่ท่ามกลางฉากนั้นๆ ด้วยตนเองอีกด้วย
บรรยากาศอบอวลด้วยกลิ่นอายบ้านเกิดแรงงานอาเซียน
การรวมตัวของวัฒนธรรมตระการตาที่หาดูได้ยากนี้ ดึงดูงฝูงชนทั้งคนไต้หวันและต่างชาติมาชมงานจำนวนมาก ภายในงานมีแรงงานข้ามชาติและผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่จากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ถือโอกาสมาร่วมกิจกรรมงาน วันวัฒนธรรมเอเชียแปซิฟิก ในครั้งนี้จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว เพื่อซึมซับบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของบ้านเกิด
เอนดรี (Endri) แรงงานข้ามชาติชาวอินโดนีเซียซึ่งทำงานในตำแหน่งผู้อนุบาลในเขตซินจวงนครนิวไทเปเป็นเวลานานกว่า 10 ปีแล้ว เธอถือโอกาสในวันหยุดมาชมการแสดงนิทรรศการและทำหน้าที่แนะนำบูธเครื่องแต่งกายดั้งเดิมของชาวเกาะสุมาตรา อินโดนีเซีย เธออธิบายว่าในสมัยโบราณอินโดนีเซียแต่ละเกาะ แต่ละชนเผ่าล้วนมีเครื่องแต่งกายประจำเผ่า ซึ่งรูปแบบของเครื่องแต่งกายดั้งเดิมที่นำมาจัดแสดงนี้ ก็มีความแตกต่างกับชวาตะวันออกบ้านเกิดของเธอ
บูธจัดแสดงหนังตะลุงซึ่งเป็นงานฝีมืออันประณีต เป็นการละเล่นที่ชาวอินโดนีเซียนิยมชมชอบอย่างมาก เอนดรีอธิบายว่า การแสดงหนังตะลุงมักพบได้ในชวากลาง ชวาตะวันออก และชวาตะวันตก ในงานแต่งงาน งานเลี้ยงฉลองต่างๆ นิยมนำหนังตะลุงดั้งเดิมมาแสดง ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของอินโดนีเซียอย่างแท้จริง
ส่วนบูธที่อยู่ข้างๆ มีฝูงชนจำนวนมากต่อแถวเข้าคิวเพื่อรอค้นหามนต์เสน่ห์ของอาหารอินโดนีเซีย คือ บูธของอินโดหมี่ (Indomie) โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารยักษ์ใหญ่ของอินโดนีเซีย ได้นำ "หมี่โกเร็ง" (Mi Goreng) อาหารท้องถิ่นซึ่งใครหลายๆ คนที่เคยไปอินโดนีเซียต้องเคยลิ้มรสมาแล้วมาแจกฟรีที่บูธด้วย เอนดรีได้แนะนำวิธีที่ดีที่สุดในการปรุงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของอินโดนีเซีย ต่างจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของไต้หวันที่ปรุงสุกชงน้ำร้อน ของอินโดนีเซียจะชงน้ำร้อนแล้วสะเด็ดน้ำให้บะหมี่แห้งพอขลุกขลิก จากนั้นค่อยเติมเครื่องปรุงลงไป แล้วใส่วัตถุดิบอื่นๆ ตามใจชอบ กลายเป็นอาหารที่แสนอร่อย
ส่วนอีกประเทศที่สำคัญตามนโยบายมุ่งสู่ใต้ใหม่อย่างอินเดีย ได้นำภาชนะหัตถกรรมดั้งเดิมมาตกแต่งจัดแสดงให้เห็นถึงความงดงามของวัฒนธรรมอินเดีย อาหารอินเดียที่มีกลิ่นหอมเย้ายวนใจไม่เพียงแต่ดึงดูดให้ประชาชนเข้ามาลิ้มรสแล้ว ยังมีการติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำลองภาพเสมือนจริงในรูปแบบอินเตอร์แอคทีฟ (Interactive) ให้ประชาชนได้สวมชุดประจำชาติอินเดียแบบภาพจำลอง อีกบูธหนึ่งเป็นบูธเพนท์เฮนน่า (Henna) ซึ่งเป็นสีย้อมทำจากสมุนไพรธรรมชาติ มีนักเพนท์เฮนน่ามาวาดเป็นลวดลายแบบอินเดียดั้งเดิมให้แก่ประชาชนที่สนใจ
กิจกรรมทั้งสองวันต่อเนื่องนี้ มีคณะนาฏศิลป์ของมาเลเซีย อินเดีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นแสดงโชว์ นำการแสดงศิลปะดั้งเดิมเผยแพร่สู่สายตาชาวไต้หวันอีกด้วย
เมืองเหนือจรดใต้ร่วมใจ จัดแสดงเทศกาลผู้ย้ายถิ่นฐาน
ไม่ใช่แค่เพียงภาคเหนือที่มีการจัดงาน วันวัฒนธรรมเอเชียแปซิฟิก อย่างกระตือรือร้นเท่านั้น เทศบาลเมืองเจียยี่ก็จัดกิจกรรม เทศกาลผู้ย้ายถิ่นฐาน-วัฒนธรรมอันหลากหลายของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ ขึ้นที่ภาคใต้ด้วยเช่นกัน
นายถูสิ่งเจ๋อ (涂醒哲) ผู้ว่าการเมืองเจียยี่ กล่าวว่า วัฒนธรรมไต้หวันเป็นวัฒนธรรมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่หรือชนพื้นเมืองก็ตาม เข้ามาสู่ไต้หวันในช่วงเวลาที่แตกต่างกันเท่านั้น การหลอมรวมของชนกลุ่มต่างๆ คือช่องทางในการพัฒนาสังคม
กิจกรรมเทศกาลผู้ย้ายถิ่นฐานในครั้งนี้ มีความพิเศษแตกต่างจากที่ผ่านมา โดยนำกิจกรรมของชนพื้นเมืองและผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่รวมเข้าด้วยกัน และจัดการแสดงเดินแบบชุดแต่งงานประจำชาติต่างๆ 9 แบบ เช่น เนปาล กานา เวียดนาม ญี่ปุ่น เป็นต้น ถือเป็นการแสดงวัฒนธรรมอันหลากหลายอีกรูปแบบหนึ่ง ดึงดูดสายตาผู้ชมได้เป็นอย่างมาก
กิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกเป็นการแนะนำวัฒนธรรมอันหลากหลายของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ ช่วงหลังเป็นการแสดงประเพณีฉลองเทศกาลเก็บเกี่ยวของชนพื้นเมืองในเมือง ปัจจุบันมีผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่อาศัยในเมืองเจียยี่ 4,780 คน ในจำนวนนี้เป็นคู่สมรสต่างชาติ 1,365 คน จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกงและมาเก๊า 3,415 คน ครองสัดส่วน 1.76% จากจำนวนประชากรเมืองเจียยี่ทั้งหมดประมาณ 270,000 คน เทศบาลเมืองเจียยี่จึงจัดงานเทศกาลผู้ย้ายถิ่นฐานเป็นประจำทุกปีเพื่อให้ทุกฝ่ายมีความเข้าใจซึ่งกันและกันมากยิ่งขึ้น
การเที่ยวชมวัฒนธรรมต่างชาติไม่จำเป็นต้องเดินทางไกลเป็นพันไมล์ แค่เพียงร่วมงานวันวัฒนธรรมเอเชียแปซิฟิก หรือเทศกาลผู้ย้ายถิ่นฐาน การแสดงวัฒนธรรมสุดอลังการก็ส่งตรงสู่สายตาของคุณแล้ว ณ ที่นี้