สัมผัสประสบการณ์แบบไต้หวันด้วยจักรยานสองล้อ
ตื่นตาตื่นใจกับการเดินทางไป-กลับระหว่างเมือง ภูเขา และทะเล ในวันเดียว
เนื้อเรื่อง‧ซูลี่อิ่ง ภาพ‧Taiwan Pulse Tour แปล‧มณฑิรา ไชยวุฒิ
พฤศจิกายน 2025
เมื่อพูดถึงไต้หวัน หลายคนคงนึกถึงเพียงชานมไข่มุก TSMC ติ่นไท่ฟง และตลาดกลางคืน แต่แท้จริงแล้วยังมีของดีอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักนัก ทว่าเมื่อได้มาสัมผัสด้วยตัวเองแล้ว ก็มักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เหนือความคาดหมาย ถึงขั้นยอมเดินทางไกลมาเพื่อสิ่งนี้ !
พื้นที่กว่าร้อยละ 70 ของเกาะไต้หวันเป็นภูเขาและเนินเขา ซึ่งรวมถึงยอดเขาที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 3,000 เมตรจำนวน 285 ลูก เมื่อภูเขาเหล่านี้ถูกบีบอัดให้อยู่บนพื้นที่ขนาด 36,000 ตารางกิโลเมตร จึงทำให้พื้นที่ราบทางภาคตะวันตกมีประชากรหนาแน่น ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติอันกว้างใหญ่ไพศาลด้วย สิ่งนี้ทำให้ชาวต่างชาติจำนวนมากที่มาเยือนไต้หวัน มักรู้สึกประหลาดใจกับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่สำหรับชาวไต้หวันซึ่งอาศัยอยู่ที่นี่มานาน ก็ดูเป็นเพียงทิวทัศน์ธรรมดาในชีวิตประจำวันที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ
-2.jpg?w=1080&mode=crop&format=webp&quality=80)
เส้นทางจักรยานรอบทะเลสาบสุริยันจันทรา เป็นเส้นทางที่ขี่ง่ายและทิวทัศน์สวยงาม จึงเหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัย (ภาพ คุณจวงคุนหรู)
-3.jpg?w=1080&mode=crop&format=webp&quality=80)
การขี่จักรยานเป็นวิธีสัมผัสไต้หวัน ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า (ภาพ คุณจวงคุนหรู)
ความท้าทายของการท่องเที่ยวเชิงกีฬาในไต้หวัน
คุณไมเคิล แมคครีช (Michael McCreesh) หรือชื่อภาษาจีน เฉินรุ่ยอวี้ (陳睿昱) กล่าวว่า ถ้าอยากสำรวจป่าเขาของไต้หวัน คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการปั่นจักรยานโลดแล่นท่ามกลางขุนเขา เพื่อจะได้หลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ซึ่งการปั่นจักรยานคือประสบการณ์ที่ได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าอย่างเต็มที่ ลูกเขยไต้หวันที่มาจากประเทศแคนาดาคนนี้ ได้ก่อตั้งแบรนด์ท่องเที่ยวเชิงกีฬาของตนเองชื่อว่า Taiwan Outdoors ขึ้น เพื่อเชื่อมโยงและสานฝันของชาวตะวันตกที่อยากมาท่องเที่ยวเชิงกีฬาในไต้หวันให้เป็นจริง และแม้ว่าแบรนด์น้องใหม่นี้จะมีอายุไม่ถึงปี แต่กลับมีการขยายตัวแบบก้าวกระโดด
ผลงานนี้ต้องยกให้คุณไมเคิล ซึ่งสั่งสมประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมานานกว่า 30 ปี
เมื่อไม่กี่ปีก่อน เขากับภรรยาย้ายกลับมาตั้งรกรากที่ไต้หวันเพื่อให้ลูกได้เรียนภาษาจีน และด้วยความที่ตัวเขาเองชื่นชอบกีฬากลางแจ้ง จึงได้ทำการแชร์ข้อมูลการท่องเที่ยวไต้หวันอย่างละเอียดขึ้นบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งก็ดึงดูดชาวต่างชาติที่รักการท่องเที่ยวกลางแจ้งจำนวนไม่น้อยเข้ามาชม ทั้งยังมีคนส่งข้อความมาสอบถามด้วยว่า มีการออกผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเหล่านี้บ้างหรือไม่?
เมื่อเทียบกับประเทศท่องเที่ยวหลัก ๆ อย่างญี่ปุ่นหรือไทยแล้ว ข้อมูลการท่องเที่ยวแบบสองภาษาของไต้หวันยังไม่แพร่หลายมากนัก แถมสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งยังต้องขับรถไปเอง ถือเป็นการเพิ่มความยากลำบากสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่ค่อยรู้ภาษาจีน คุณไมเคิลชี้ให้เห็นอีกว่า ผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมกีฬา (เช่น การเดินป่า ดูนก ดำน้ำ และการปั่นจักรยาน) จำเป็นต้องเช่าจักรยานและอุปกรณ์ดำน้ำ หรือรวมถึงจองไกด์นำเที่ยวดูนก ซึ่งถ้าเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือเป็นผู้ประกอบการอิสระในไต้หวัน มักไม่ค่อยมีข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ อีกทั้งซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการสื่อสารของพวกเขากับนักท่องเที่ยวต่างชาติก็แตกต่างกัน (เช่น ชาวยุโรปนิยมใช้ WhatsApp ขณะที่ชาวไต้หวันส่วนใหญ่นิยมใช้ Line) จึงทำให้การท่องเที่ยวเชิงกีฬาแบบอิสระในไต้หวัน มีอุปสรรคมากกว่าปกติ
Taiwan Outdoors จึงเปรียบเสมือนศูนย์กลาง ที่อาศัยความร่วมมือกับนักกีฬามืออาชีพหลากหลายสาขา และยังร่วมมือกับผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญในภาษาต่างประเทศ เพื่อออกแบบโปรแกรมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ที่เหมาะสมสำหรับนักท่องเที่ยวแต่ละคน
-8.jpg?w=1080&mode=crop&format=webp&quality=80)
ในฐานะผู้นำการปั่นจักรยานมืออาชีพ คุณเจิ้งซื่อเสียน จึงได้อธิบายเส้นทาง การขี่จักรยานในวันนี้ ให้นักท่องเที่ยวรับทราบ
ตอนกลางวันปีนเขา ตกเย็นเดินตลาดกลางคืน
ทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในป่าเขาของไต้หวันมีความอุดมสมบูรณ์มาก แต่บางทีชาวไต้หวันอาจไม่ค่อยรู้ตัว อีกทั้งยังมีความสะดวกสบาย จึงทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก รู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก
คุณเจิ้งซื่อเสียน (鄭世賢) ผู้ก่อตั้งบริษัททัวร์ Taiwan Pulse เป็นคนที่ชื่นชอบกีฬากลางแจ้ง และมักเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศด้วยจักรยานอยู่บ่อย ๆ ตั้งแต่เขาเริ่มทำงานในบริษัททัวร์ขนาดใหญ่ จนกระทั่งออกมาสร้างธุรกิจเป็นของตัวเอง เขาได้สั่งสมประสบการณ์ในแวดวงการท่องเที่ยวเชิงกีฬามานานกว่าสิบปี แม้กระทั่งโลโก้ของกิจการก็ยังออกแบบให้ผสมผสานกับลักษณะการเคลื่อนไหวของแฮนด์จักรยาน โดยแพคเกจหลักของทางบริษัท ก็คือโปรแกรมการท่องเที่ยวด้วยจักรยาน
เขารู้ถึงข้อได้เปรียบด้านการท่องเที่ยวในไต้หวันเป็นอย่างดี จึงกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า ภูมิประเทศของเราก็เหมือนเค้กที่ถูกกดให้แบน เพราะระยะทางเพียงแค่ 100 กิโลเมตร ก็สามารถเดินทางจากทะเลขึ้นไปสู่ภูเขาสูงได้ อีกทั้งความหลากหลายของพืชพรรณ ภูมิทัศน์ และความเปลี่ยนแปลงของแนวสันเขา ล้วนเป็นสิ่งที่หาไม่ได้ในประเทศอื่น
คุณไมเคิลได้ยกตัวอย่างกรุงไทเป ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติว่า เราสามารถตื่นนอนในโรงแรมระดับสี่ดาวหรือห้าดาวในกรุงไทเป แล้วปั่นจักรยานขึ้นไปบนภูเขาหยางหมิงซานได้ทันที ส่วนช่วงเย็นก็สามารถไปเดินชอปปิงที่ตลาดกลางคืนบนถนนเหราเหอหรือซีเหมินติง หรือไม่ก็รับประทานอาหารค่ำที่ร้านอาหารหรู ๆ หรือจะไปจิบเครื่องดื่มที่บาร์ซักแก้วก็ได้ แม้กระทั่งการไปพักค้างคืนที่โรงแรมน้ำพุร้อนในเจียวซีในคืนก่อนหน้า จากนั้นวันถัดมาก็สามารถมุ่งหน้าไปยังภูเขาหลีซาน ที่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,000 เมตรในเขตภาคกลางก็ได้ ซึ่งทั่วโลกมีไม่กี่แห่งที่เปิดโอกาสให้เราทำอะไรเช่นนี้ได้
ชาวไต้หวันอาจคิดว่า มันจะมีอะไรที่แปลกกันเหรอ? ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบแล้วอาจจะเจ็บปวด เพราะหากเปรียบเทียบกับอิตาลี นิวซีแลนด์ และสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวด้วยจักรยานนั้น เพียงแค่อยากจะปั่นจักรยานบนเส้นทางสุดคลาสสิกสักรอบ ก็ต้องใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองไปยังชานเมืองก่อนประมาณ 1-2 วัน ดังนั้นทริปปั่นจักรยานหนึ่งเที่ยวจึงต้องใช้เวลา 5–6 วันขึ้นไป
แม้ว่าชื่อเสียงในระดับนานาชาติจะยังไม่สูงมาก แต่เมื่อพูดถึงการท่องเที่ยวด้วยจักรยานแล้ว ไต้หวันถูกจัดให้อยู่ในลำดับต้น ๆ อย่างแน่นอน ไมเคิลยืนยัน
-7.jpg?w=1080&mode=crop&format=webp&quality=80)
บริษัททัวร์จักรยานมืออาชีพ จะมีการจัดเตรียมรถพี่เลี้ยง เพื่อให้บริการน้ำและอาหารง่าย ๆ แก่นักท่องเที่ยว ตลอดการเดินทาง
-9.jpg?w=1080&mode=crop&format=webp&quality=80)
นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จบทริปการขี่จักรยานรอบเกาะ แสดงความดีใจด้วยการกอดกับชนพื้นเมืองที่เดินทางผ่านไปมา
จุดเด่นที่เพิ่มเสน่ห์ให้กับการเดินทาง
นอกจากธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์และความสะดวกสบายในการเดินทางแล้ว ไต้หวันยังมีข้อได้เปรียบอีกไม่น้อย ที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการเดินทางท่องเที่ยวด้วย
ยกตัวอย่างเช่น แม้วัฒนธรรมการปั่นจักรยานของไต้หวัน จะไม่เข้มข้นเท่ากับประเทศในทวีปยุโรป แต่เส้นทางจักรยานกลับมีอยู่มากมายตามแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะในไทเปและนิวไทเป มีการใช้จักรยานสาธารณะอย่างแพร่หลาย และยังมีเส้นทางจักรยานเลียบแม่น้ำหลายสาย อันเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วย
อุตสาหกรรมจักรยานของไต้หวันก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน คุณเจิ้งซื่อเสียนเล่าให้ฟังว่า นักท่องเที่ยวชาวยุโรปและอเมริกันส่วนใหญ่ จำเป็นต้องใช้บริการเช่าจักรยานผ่านบริษัททัวร์ ดังนั้นบริษัท Taiwan Pulse จึงเน้นจัดหาจักรยานแบรนด์ไต้หวันอย่าง Giant และ Merida ให้กับลูกค้า ซึ่งเมื่อพูดถึงแบรนด์เหล่านี้ ความเข้าใจและความน่าเชื่อถือในคุณภาพ ทำให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจทันที
นอกจากนี้ การท่องเที่ยวด้วยจักรยานยังมีรายละเอียดปลีกย่อยมากมายที่ต้องใส่ใจ เพราะนอกจากไกด์แล้ว บริษัททัวร์ยังต้องจัดเตรียมคนขี่นำขบวน รถบริการเสริม (หรือรถพี่เลี้ยง) อีกทั้งสถานที่รับประทานอาหารกับที่พักก็ต้องคำนึงถึงความต้องการในการจอดจักรยานด้วย โดยหลักการสำคัญคือ ต้องมีคำแนะนำและกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน เพื่อให้นักท่องเที่ยวรู้สึกว่าไม่ได้รบกวนคนอื่น และไม่ได้ลำบากตัวเอง คุณเจิ้งซื่อเสียน กล่าวว่า ความปลอดภัยในสังคมไต้หวัน ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่น่าชื่นชม เพราะโดยทั่วไปแล้ว หากจอดจักรยานไว้ตามจุดที่มีป้ายกำหนด จะไม่ค่อยเจอปัญหาจักรยานถูกขโมย
-10.jpg?w=1080&mode=crop&format=webp&quality=80)
ผาหินสูงชันและยิ่งใหญ่ในอุทยานแห่งชาติทาโรโกะ ได้รับการยอมรับจาก นักท่องเที่ยวต่างชาติว่า เป็นทัศนียภาพที่งดงามที่สุดของไต้หวัน
-11.jpg?w=1080&mode=crop&format=webp&quality=80)
นักขี่จักรยานจะขี่ไปตามเส้นทางของ KOM จนถึงอู่หลิงซึ่งเป็นจุดสูงสุดของทางหลวงบนภูเขาเหอฮวน
เส้นทางสุดคลาสสิก เที่ยวภูเขา เที่ยวทะเล
ไต้หวันมีขนาดไม่ใหญ่แต่ก็ไม่ถือว่าเล็ก แล้วแบบนี้ควรจะวางแผนเส้นทางการปั่นจักรยานอย่างไรดี?
เส้นทางปั่นจักรยานจากในรายการแข่งขัน Taiwan KOM Challenge ที่โด่งดัง ถือเป็นเส้นทางปั่นจักรยานของไต้หวันที่มีชื่อเสียงที่สุดในระดับนานาชาติ แม้จะมีระยะทางรวมเพียง 105 กิโลเมตร แต่เส้นทางจากชีซิงถานของฮัวเหลียนที่ไต่ขึ้นไปจนถึงอู่หลิง ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของทางหลวงไต้หวัน ที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 3,275 เมตร โดยเส้นทางนี้จะผ่านหน้าผาของหุบเขาทาโรโกะ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ Bilu Giant Tree และแนวสันเขาต้าอวี๋หลิ่ง ซึ่งทำให้ได้พบเห็นการเปลี่ยนแปลงของทิวทัศน์อันน่าทึ่งและความท้าทายด้านความสูง เส้นทางนี้จึงเคยได้รับการคัดเลือกจากนิตยสารจักรยานของฝรั่งเศส Le Cycle ให้เป็นหนึ่งใน 10 เส้นทางจักรยานโหดที่สุดในโลก และยังติด 50 อันดับเส้นทางจักรยานที่สวยที่สุด
นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการขี่จักรยานท่องเที่ยว ล้วนต้องเคยได้ยินชื่อของ KOM คุณเจิ้งซื่อเสียนกล่าว สำหรับเส้นทางปั่นจักรยานระยะสั้นของบริษัท Taiwan Pulse จะใช้เส้นทางนี้เป็นหลัก โดยจะแบ่งออกเป็นสองวัน ช่วงกลางทางจะมีการพักค้างคืนที่เทียนเสียง และจะไปสิ้นสุดเส้นทางที่ทะเลสาบสุริยันจันทรา ซึ่งนอกจากจะไม่พลาดสถานที่ท่องเที่ยวคลาสสิกของไต้หวันแล้ว เส้นทางปั่นจักรยานรอบทะเลสาบที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ก็ยังช่วยให้ลูกค้าได้ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจอย่างเต็มที่ จากนั้นสุดท้ายจึงค่อยนั่งรถกลับไปที่นครไทจงหรือนั่งตรงกลับไทเป โดยช่วงเย็นก็จะพาลูกค้าไปเดินเที่ยวตลาดกลางคืนด้วย เรียกได้ว่าเป็นทริปที่คุ้มค่าจริง ๆ
สำหรับนักท่องเที่ยวชาวยุโรปและอเมริกันที่วางแผนการเดินทางตั้งแต่ 10 วันขึ้นไป จะขอแนะนำเป็นเส้นทางขี่จักรยานระยะยาวรอบเกาะไต้หวันแบบตามเข็มนาฬิกา โดยเริ่มต้นวอร์มอัพร่างกายที่จุดแรกบนเส้นทางจักรยานริมแม่น้ำของกรุงไทเป และถือโอกาสขี่ไปเที่ยวชมถนนโบราณ ต้าเต้าเฉิง จากนั้นก็จะขี่ไปยังชายทะเลฝั่งตะวันออกหรือสุ่ยจินจิ่ว ถัดมาคือขี่จากอี๋หลานไปยังฟาร์มอู่หลิงในนครไถจง โดยพักค้างคืนที่ the Wuling National Hostel หรือที่ the Hoya Resort Hotel แล้วจึงค่อยขี่จากอู่หลิงหรือต้าอวี๋หลิง ผ่านอุทยานแห่งชาติทาโรโกะ เข้าสู่เส้นทางหุบเขาบริเวณฮัวเหลียนและไถตง เพื่อสัมผัสประสบการณ์ทางวัฒนธรรมของชนพื้นเมืองบริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก อันเป็นไฮไลท์ของพื้นที่นี้ และปิดท้ายด้วยวิวทิวทัศน์ชายฝั่งทะเล ตลอดทางหลวงหมายเลข 199 ของเมืองผิงตง ถือเป็นทริปที่ครอบคลุมทั้งภูเขาและทะเล ซึ่งสามารถเก็บรวบรวมทิวทัศน์สำคัญของไต้หวันไว้ได้อย่างครบถ้วน
-13.jpg?w=1080&mode=crop&format=webp&quality=80)
เส้นทางท่องเที่ยวที่ผ่านถนนโบราณ สถานีรถไฟ วัด และชุมชนของชนพื้นเมือง ล้วนเพิ่มความน่าสนใจให้กับการท่องเที่ยว ด้วยการขี่จักรยานเป็นอย่างมาก
ผู้กำกับทริปเที่ยวสุดฟินของไต้หวัน
คุณเจิ้งซื่อเสียนชอบใช้คำว่า บท เพื่ออธิบายการวางแผนในแต่ละทริป เขาเปรียบเสมือนนักเขียนบท ที่คอยคิดออกแบบว่า บนเวทีการท่องเที่ยวของไต้หวัน จะจัดบทบาทใดแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งอาจจะเป็นครั้งเดียวในชีวิตของพวกเขา ในการมาท่องเที่ยวที่ไต้หวัน
นอกจากให้บริการนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่องแล้ว ช่วงสองปีที่ผ่านมาบริษัท Taiwan Pulse ยังได้ร่วมมือกับงานแสดงจักรยานนานาชาติไทเป ในการเชิญผู้ประกอบการที่มาเข้าร่วมงาน ไปสัมผัสกับวัฒนธรรมการขี่จักรยานของไต้หวันซึ่งใช้เวลาสั้น ๆ เพียงครึ่งวัน โดยทริปแรกนี้จะออกเดินทางจากศูนย์การแสดงสินค้าหนานกั่ง (Nangang Exhibition Center) จากนั้นจะไปแวะเยี่ยมชมไร่ชาหนานกั่ง แล้วต่อด้วยการขี่ไปเยือนผิงซี (Pingxi) ที่มีชื่อเสียงเรื่องการปล่อยโคมลอย พร้อมทั้งสัมผัสประสบการณ์ด้านวัฒนธรรมการทำเหมืองแร่ และสุดท้ายไปสิ้นสุดปลายทางที่คือแหลมซานเตียว (Cape Santiago) ซึ่งอยู่ทางตะวันออกสุดของไต้หวัน
ส่วนทริปที่สอง คือการขี่จักรยานไปตามริมแม่น้ำ ระหว่างทางจะผ่านสนามฝึกขี่จักรยานกวนซาน, สนามฝึกขี่แบบปั๊มแทร็ก (Pump track) ที่สวนสาธารณะ Rainbow Riverside Park และสนามดินที่เหมาะสำหรับจักรยานวิบากในเขตเป่ยโถว เป็นต้น เพราะคาดว่าผู้มาเยือนที่ทำงานในแวดวงอุตสาหกรรมจักรยาน จะสัมผัสได้ถึงวัฒนธรรมการขี่จักรยานของไต้หวันอย่างแน่นอน โดยเส้นทางนี้ยังตั้งใจให้ผ่านย่านต้าเต้าเฉิง และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง ศาลเจ้าเทียนเต๋อกงบนเกาะเซ่อจื่อ ที่สร้างขึ้นบนพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม จึงมีการติดตั้งลิฟต์โดยเฉพาะ เพื่อเพิ่มความน่าจดจำให้กับการเดินทาง
ชาวต่างชาติคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในไต้หวันมานานหลายปี เคยกล่าวไว้ว่า ความงดงามของไต้หวันจะไม่ได้ปรากฏให้เห็นตั้งแต่แรกที่มาถึง แต่จำเป็นต้องออกไปค้นหาด้วยตัวเอง เพื่อสัมผัสและสำรวจอย่างพิถีพิถัน ไต้หวันมีความสวยงามมาก แม้จะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังระดับโลกไม่มากนัก แต่ภูเขา ทะเลและเส้นทางต่าง ๆ ล้วนอยู่ชานเมือง ซึ่งใกล้เพียงแค่เอื้อม ดังนั้นเพียงกล้าที่จะออกเดินทาง คุณก็จะได้ยินเสียงของบทเพลงแห่งไต้หวัน บรรเลงอยู่ตรงหน้าและตลอดการเดินทาง
-12.jpg?w=1080&mode=crop&format=webp&quality=80)
เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางผ่านเขตผิงซี จะได้สัมผัสประสบการณ์ในการปล่อยโคมลอย เพื่ออธิษฐานขอพร
-14.jpg?w=1080&mode=crop&format=webp&quality=80)
การที่เราสามารถเดินทางไปกลับ ระหว่างเมืองและชนบทได้ภายในวันเดียว ถือเป็นจุดเด่นสำคัญของการท่องเที่ยวด้วยจักรยานในไต้หวัน
-5.jpg?w=1080&mode=crop&format=webp&quality=80)