เที่ยวที่สูง ลุยแดนไกล ไปแบบนี้เลย
จากจุดเริ่มต้นไปสู่จุดสูงสุดของไต้หวัน
เนื้อเรื่อง‧เจิงหลันสู ภาพ‧จวงคุนหรู แปล‧ธีระ หยาง
พฤศจิกายน 2025
การก้าวเข้าสู่ป้อมอันผิง ก็เหมือนกับการก้าวเข้าสู่ จุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ไต้หวันยุคใหม่
ความเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้ไต้หวันถูกจับตามองจากทั่วโลก นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เคยมาเยือนไต้หวัน ต่างก็อยากใช้การเดินทางเป็นโอกาสในการทำความเข้าใจกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และเอกลักษณ์ทางสังคมของไต้หวันอย่างลึกซึ้ง
ทีมบรรณาธิการนิตยสาร Taiwan Panorama ได้จัดทำโปรแกรมการท่องเที่ยวแบบพิเศษ ภายใต้แนวคิด จากจุดเริ่มต้นไปสู่จุดสูงสุดของไต้หวัน เพื่อนำเสนอแนวทางให้แก่ผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางไปตามป่าเขา หรือผู้ที่ชอบการท่องเที่ยวในเมืองแบบสบาย ๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง
จุดเริ่มต้นทางประวัติศาสตร์ของไต้หวัน
ค.ศ. 1624 ชาวดัตช์ได้เดินทางมาถึงเขตอันผิงของนคร ไถหนาน ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ไต้หวันก้าวขึ้นสู่เวทีโลก และเนื่องจากไถหนานเคยเป็นศูนย์กลางการปกครอง ทั้งในสมัยที่อยู่ภายใต้การปกครองของชาวดัตช์ และในสมัยเจิ้งเฉิงกง จึงถือได้ว่า นี่คือจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ไต้หวัน
สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ จุดแวะพักแห่งแรกที่เราขอแนะนำคือ จากสนามบินนานาชาติเถาหยวน สามารถนั่งรถไฟความเร็วสูงตรงไปสู่นครไถหนาน เพื่อไปยังป้อมอันผิง ซึ่งเป็นป้อมปราการที่เก่าแก่ที่สุดของไต้หวัน การได้ก้าวเข้าสู่ป้อมอันผิง ก็เปรียบเสมือนได้ก้าวเข้าสู่จุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ไต้หวันยุคใหม่
ลวี่ซงอิ่ง (呂松穎) เจ้าหน้าที่จากศูนย์วัฒนธรรมหย่งหัว สำนักวัฒนธรรมนครไถหนาน เห็นว่า ค.ศ. 1624 คือครั้งแรกที่ไต้หวันได้มีโอกาสเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ และถูกบรรจุให้เป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์ของบริษัทดัตช์อีสต์อินเดีย ไม่ว่าจะเดินทางไปญี่ปุ่นหรือจีน ล้วนใช้ไต้หวันเป็นจุดแวะพัก หลังผ่านมากว่า 400 ปี ความสำคัญของไต้หวันไม่เพียงไม่ลดลง แต่กลับยิ่งเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุผลเพียง 3 คำคือ Location, Location, Location และในอีก 100 ปีข้างหน้า ไต้หวันก็ยังคงมีความสำคัญอย่างแน่นอน
สถานีต่อไปคือ หอชื่อขั่นโหลว (Chikan Tower) หรือป้อมโพรวินเทีย (Fort Provintia) ที่ชาวดัตช์สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1653
ลวี่ซงอิ่งอธิบายว่า หอชื่อขั่นโหลวและโบราณสถานหลายแห่งในไถหนาน เปรียบเสมือนกับการทับซ้อนทางประวัติศาสตร์ ที่ซ้อนกันอยู่เป็นชั้น ๆ หากเดินเที่ยวไปตามถนนโบราณในเมือง แล้วลองมองจากมุมสูง เราจะรู้เลยว่า ในสมัยราชวงศ์ชิง เราสามารถมองเห็นทะเล ชมพระอาทิตย์ตก รวมถึงเล่นทราย และสัมผัสคลื่นทะเลจากหอชื่อขั่นโหลวได้เลย ส่วนในปัจจุบันก็ยังสามารถพบเห็นร่องรอยของสถาปัตยกรรมสมัยดัตช์ ศิลาจารึกสมัยราชวงศ์หมิงในยุคแม่ทัพเจิ้งเฉิงกงและสมัยราชวงศ์ชิง รวมถึงตัวอาคารต่าง ๆ ที่ได้รับการบูรณะในยุคปัจจุบัน โบราณสถานอย่าง ศาลเจ้าเทียนโห้วกง (大天后宮) ที่บูชาเจ้าแม่ทับทิม และศาลเจ้าจี้เตี่ยนอู่เมี่ยว (祀典武廟) ซึ่งบูชาเจ้าพ่อกวนอู ต่างก็ตั้งอยู่ในตำแหน่งเดิม และมีรูปลักษณ์ที่แทบไม่เปลี่ยนไปเลยตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา
เมื่อเดินต่อไปยัง ตลาดหย่งเล่อและตลาดสุ่ยเซียนกง คุณจะได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวไต้หวัน ทั้งการจับจ่ายอาหารพื้นเมืองอันหลากหลาย และการเซ่นไหว้บูชาทางศาสนา บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก ราวกับเป็นการผจญภัยขนาดย่อม เหล่านักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดที่จะลิ้มลองแฮมเบอร์เกอร์สไตล์ไต้หวัน หรือกั้วเปาไส้ลิ้นหมู และปลาไหลผัดไฟแดงที่ปรุงกันสด ๆ เห็นเปลวไฟลุกโชนและกลิ่นหอมจากกระทะ

ในสมัยราชวงศ์ชิง สามารถมองเห็นทะเลและพระอาทิตย์ตกได้ จากหอชื่อขั่นโหลว แต่ปัจจุบันต้องไปที่แท่นชมพระอาทิตย์ตกอันผิงในนครไถหนาน

ที่ตั้งและรูปลักษณ์ของศาลเจ้าจี้เตี่ยนอู่เมี่ยว ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้จะผ่านวันเวลามานานหลายร้อยปี

ตรอกเสินหนงยังคงรักษาสภาพบ้านเรือนแบบดั้งเดิมของไต้หวันไว้ได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมด้วยร้านค้าที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ศาลเจ้าเล็ก ๆ และร้านค้าดั้งเดิม ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกเหมือนได้ผจญภัยเพื่อค้นหาสมบัติ
ทะเลในไถเจียง - ทะเลกว้างที่กลายเป็นผืนแผ่นดิน
ในวันที่สองของการเดินทาง ขอแนะนำให้เริ่มต้นจากศูนย์วัฒนธรรมไถเจียง ในสมัยราชวงศ์ชิง ทะเลในไถเจียง เคยเป็น ลากูน (ทะเลสาบน้ำกร่อย) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในไต้หวัน และยังเป็นจุดเริ่มต้นการอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานของชาวฮั่นจากจีนแผ่นดินใหญ่ ในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง จากศูนย์วัฒนธรรมไถเจียง สามารถปั่นจักรยานไปยังอุโมงค์สีเขียวซื่อเฉ่า จากนั้นให้เปลี่ยนไปนั่งเรือแพยาง เพื่อชมทัศนียภาพสองฝั่งที่มีทั้งแพเลี้ยงหอยนางรม นกกระยาง นกแขวก และระบบนิเวศแบบป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์
หลังจากนั้น ให้เดินทางต่อไปยัง พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติไต้หวัน ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ซึ่งเมื่อ 400 ปีก่อน เคยอยู่ในบริเวณอ่าวใหญ่ของทะเลในไถเจียง ที่จุดนี้จะพาคุณย้อนชมภาพรวมของประวัติศาสตร์ไต้หวัน และแวะชมพิพิธภัณฑ์โบราณคดีเขตอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์หนานเคอ ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงของภูมิประเทศจากทะเลสู่ผืนดิน อันเป็นภาพสะท้อนของกาลเวลาที่ผันผ่าน
ทะเลในไถเจียงยังเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสีเขียวแห่งชาติซานไห่จวิ้น (山海圳國家綠道)
เถาจวิ้นเฉิง (陶俊成) เลขานุการโครงการจากสมาคมเส้นทางเดินเท้าพันลี้ไต้หวัน (台灣千里步道協會) อธิบายว่า เส้นทางซานไห่จวิ้นสามารถเดินจากปากแม่น้ำในที่ราบ ไปจนถึงยอดเขาอวี้ซาน ซึ่งมีความสูง 3,952 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล จึงมีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นอย่างมาก
สำหรับผู้ที่หลงใหลในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เส้นทางซานไห่จวิ้นยังมีมนต์เสน่ห์เชิงวัฒนธรรม โดยเฉพาะในการเดินเท้า โดยเริ่มจากศาลเจ้าเฉาหวงกง (朝皇宮) ในไหเหว่ย ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์โบราณคดีหนานเคอ เส้นทางนี้ถูกเรียกว่าเส้นทางแห่งทะเลใน และถือเป็นหลักฐานสำคัญของการเปลี่ยนแปลง จากการเป็นผืนทะเลเวิ้งว้างมาสู่การเป็นผืนแผ่นดิน
เถาจวิ้นเฉิงเห็นว่า จากการติดต่อแลกเปลี่ยนกับสมาคมเส้นทางเดินเขาระหว่างประเทศ เช่น แคนาดาและเกาหลี พบว่า เพื่อนต่างชาติเริ่มเข้าใจสถานการณ์ของไต้หวันมากขึ้น และยิ่งสนใจประวัติศาสตร์ของไต้หวัน การเรียนรู้ประวัติศาสตร์จากมุมมองตามเส้นทางสีเขียวแห่งชาติ จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้รู้จักไต้หวันได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์นครไถหนาน ทำให้คุณได้เห็นความหลากหลายทางประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของไต้หวัน

ช่างภาพชาวออสเตรีย เอเดรียน มาริโอ อิวาด (Adrian Mario Ivad) (ซ้าย) ชื่นชอบรสชาติของกั้วเปาไส้ลิ้นหมูเป็นอย่างมาก แต่เขาก็บอกว่า ถ้าไม่มีใครบอกว่านี่คือลิ้นหมู ผมจะรู้สึกดีกว่านี้

อุทยานแห่งชาติไถเจียง ซึ่งเคยเป็นทะเลสาบปิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในไต้หวัน ถือเป็นประจักษ์พยานแห่งการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลา
สถานีรถไฟที่สูงที่สุดของไต้หวัน
เส้นทางเดินเขาซานไห่จวิ้นมีความยาวรวม 177 กิโลเมตร ไซโตะ มาซาฟุมิ (Masafumi Saito) นักเดินทางระยะไกลชื่อดังจากญี่ปุ่น เคยพิชิตเส้นทางนี้มาแล้ว เขาเลือกพักค้างแรมตามโบสถ์และสนามกีฬาในโรงเรียน จึงได้มีโอกาสสัมผัสกับน้ำใจไมตรีของชาวไต้หวันอย่างลึกซึ้ง
สำหรับการเดินทางที่ยาวนานกว่า 10 วัน เถาจวิ้นเฉิงแนะนำว่า หากไม่สามารถเดินครบตลอดเส้นทางได้ อาจเลือกเดินเพียงบางช่วง โดยใช้วิธีเดินเท้าสลับกับการนั่งรถเพื่อลดระยะเวลา เช่น เริ่มจากนั่งรถไฟป่าสายอาลีซาน ขึ้นสู่ภูเขา แล้วค่อยเดินลง โดยผ่านหมู่บ้านชาวเผ่าโจว (鄒族) อาทิ เท่อฟู่เหย่ (特富野) และต๋าปัง (達邦) ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจอย่างมากกับ วัฒนธรรมการฝังศพในบ้านแบบดั้งเดิมของชนเผ่าโจว รวมถึงประทับใจกับลวดลายของสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของชนพื้นเมืองที่มีสีสันสดใส อีกทั้งยังได้สัมผัสความหลากหลายของวัฒนธรรมดั้งเดิม ที่เป็นจุดกำเนิดของไต้หวันด้วย
จากชุมชนหลี่เจีย (里佳部落) สามารถนั่งรถต่อไปยัง ตำบลต้าผู่ เมืองเจียอี้ เพื่อเยี่ยมชม อ่างเก็บน้ำเจิงเหวิน หรือมุ่งหน้าไปยัง อ่างเก็บน้ำอูซานโถว เพื่อเยี่ยมชมสวนอนุสรณ์ฮัตตะ โยะอิชิ (八田與一紀念園區)
ระหว่างนั่งรถไฟสายอาลีซาน สามารถแวะที่ สวนชาสือเจ้า
(石棹茶園) เพื่อชิมชาภูเขาสูงอันเลื่องชื่อของอาลีซาน และชิมอาหารที่ใช้ชาเป็นวัตถุดิบ หรือแวะที่ สถานีเฟิ่นฉี่หู (奮起湖站) เพื่อชิมข้าวกล่องรถไฟ (鐵路便當) อันโด่งดัง ก่อนถึงปลายทางที่สถานีจู้ซาน (祝山車站) อันเป็นสถานีรถไฟที่สูงที่สุดของไต้หวัน แวะพักค้างคืนที่ภูเขาอาลีซาน เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอก ท่ามกลางขุนเขา ก่อนจะปล่อยใจให้ล่องลอยในความงดงามของผืนป่าและธรรมชาติ

การได้ไปชิมชาที่ สวนชาสือเจ้าบนอาลีซาน จะทำให้คุณได้สัมผัสกับวัฒนธรรมชาของไต้หวันอันหอมกรุ่นและมีประวัติศาสตร์ยาวนาน
เดินเคียงข้างขุนเขาและทะเล
สายการบิน EVA Air ได้จัดโครงการคณะสื่อมวลชนยุโรป เพื่อสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวในไต้หวัน เมื่อ ค.ศ. 2024 โดยเชิญผู้ประกอบการสื่อโซเชียลมีเดียจากประเทศต่าง ๆ เช่น ออสเตรียและสวิตเซอร์แลนด์ มาร่วมงานวิ่งมาราธอนของ EVA Air ที่กรุงไทเป และใช้ประโยชน์จากความสะดวกสบายของรถไฟความเร็วสูง ในการสำรวจเส้นทางเดินป่าแห่งชาติซานไห่จวิ้นในแต่ละจุด เพื่อแนะนำป่าไม้และภูเขาของไต้หวัน ให้เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่ชื่นชอบการเดินป่า
ไช่เพ่ยหยุน (蔡佩芸) เจ้าหน้าที่จากสำนักงาน EVA Air สาขาออสเตรีย เห็นว่า ออสเตรียซึ่งตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์กับไต้หวันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คล้ายคลึงกัน โดยต่างก็มีพื้นที่ไม่ใหญ่มาก แต่มีภูเขามากมาย ทำให้ผู้คนนิยมไปเดินเขาและเดินป่า ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
ปัจจุบันมีเที่ยวบินตรงจากยุโรปมายังไต้หวันเป็นจำนวนมาก ทำให้การเดินทางมาเที่ยวไต้หวันสะดวกสบายเป็นอย่างยิ่ง
แอนนา-มาเรีย บอนฟิกลิโอ (Anna-Maria Bonfiglio) อินฟลูเอนเซอร์ชาวออสเตรีย รู้สึกประทับใจเป็นพิเศษ ที่สามารถชมทะเลจากแท่นชมพระอาทิตย์ตกอันผิงในนครไถหนาน แล้วเดินทางต่อไปแช่ออนเซ็นที่กวนจื่อหลิง ซึ่งอยู่ในเขตภูเขาได้ภายในวันเดียวกัน หลังจากได้ลิ้มลองอาหารจานหลักและอาหารว่างหลากหลายชนิด เธอชอบโรตีต้นหอมและขนมไข่เต่าที่ตลาดกลางคืนมากที่สุด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเสริมว่า เต้าหู้เหม็นมีกลิ่นแรงเกินไปจริง ซึ่งเธอได้ลองชิมเพียงคำเดียว ก่อนจะขอยอมแพ้
ปีเตอร์ อะกาทาคิส (Peter Agathakis) คือ นักจัดรายการวิทยุอาวุโสที่โลดแล่นอยู่ในวงการวิทยุของออสเตรียมา 25 ปี และเคยเดินทางไปเยือนกว่า 150 ประเทศจากการทำรายการท่องเที่ยว โดยปีเตอร์ อะกาทาคิส ซึ่งมาไต้หวันเป็นครั้งที่สาม เชื่อว่า ทิวทัศน์ภูเขาของอาลีซานสามารถเทียบได้กับเทือกเขาแอลป์ของสวิตเซอร์แลนด์ และเทือกเขาแอนดีสของเปรู
อะกาทาคิส ได้ยกให้ข้าวหน้าไก่เจียอี้เวอร์ชันแกงกะหรี่, เต้าหู้เย็นราดวาซาบิที่เฟิ่นฉี่หู และอาหารพื้นเมืองไถหนาน อย่างซุปปลานวลจันทร์ต้มแตงโมดอง เป็นอาหารที่อยากจะแนะนำเป็นพิเศษ เมนูโปรดที่เขาแนะนำนั้น ต่างก็เป็นอาหารพื้นเมืองแบบดั้งเดิม สมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง

เส้นทางรถไฟสาย อาลีซาน เริ่มออกเดินทางจากสถานี เจียอี้ ซึ่งตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 30 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เปิดโอกาสให้คุณได้สัมผัสความงดงามของเส้นทางรถไฟสายป่าไม้ อย่างเต็มที่

การได้ปีนขึ้นไปบนยอดเขาสูง เพื่อชมทะเลหมอกและทิวทัศน์ของเทือกเขาสลับซับซ้อน ถือเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่งดงามที่สุด เมื่อมาเยือนไต้หวัน
ไต่สูงมองไกล ยิ้มให้ก้อนเมฆบนนภา
เมื่อมาถึงภูเขาอาลีซาน คุณสามารถเลือกเส้นทางแบบง่าย ๆ อย่าง เส้นทางโบราณเท่อฟู่เหย่ (特富野古道) หรือจะปีนขึ้นไปพิชิต ยอดเขาอวี้ซาน ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือก็ได้ อู๋ถิงเยี่ย (吳亭燁) ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายกิจกรรมของ Wildman International Travel & Tours กล่าวว่า นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมากที่ชื่นชอบการปีนเขา ต้องการปีนยอดเขาอวี้ซาน ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดของไต้หวัน แต่ควรเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมก่อนเดินทางมา และควรมีประสบการณ์ในการปีนเขาที่สูงกว่า 2,000 เมตร เพื่อป้องกันอาการแพ้ความสูง
อู๋ถิงเยี่ย กล่าวว่า หากอากาศดี คุณจะสามารถมองเห็นยอดเขาอวี้ซานได้ด้วยตาเปล่า จากจุดชมวิวซีเฟิง อีกทั้งเส้นทางจากจุดที่เรียกว่าถ๋าถ่าเจีย (塔塔加) ไปจนถึงผายหยุนลอดจ์ (排雲山莊) จะเป็นเส้นทางเดียวกับที่ ทาดาโอะ คาโน่ (Tadao Kano) นักธรรมชาติวิทยาชาวญี่ปุ่น เคยใช้ในการปีนขึ้นไปบนยอดเขาอวี้ซานเมื่อ 100 ปีก่อน ทุกครั้งที่เล่าเรื่องนี้ นักปีนเขาชาวญี่ปุ่นต่างก็จะรู้สึกว่ามีความซาบซึ้งเป็นพิเศษ ยิ่งเมื่อได้ไปแช่ออนเซ็นที่ตงผู่ ก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงความรักที่ทาดาโอะ คาโน่ มีต่อภูเขาสูงของไต้หวันอย่างแท้จริง
เมื่อเทียบกับทะเลสาบชุ่ยฉือ (翠池) ซึ่งเป็นทะเลสาบที่สูงที่สุดบนภูเขาเสวี่ยซาน อู๋ถิงเยี่ยเห็นว่า นักปีนเขาชาวต่างชาติมักจะจัดให้ ทะเลสาบเจียหมิง (嘉明湖) ในไถตง ซึ่งเป็นทะเลสาบที่สูงเป็นอันดับสองของไต้หวัน ที่ตั้งอยู่บนความสูงประมาณ 3,310 เมตร เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดในการมาเยือนไต้หวัน เหตุผลหลักคือสามารถเดินทางไปถึงได้ง่าย และมีที่พักอันสะดวกสบายบนภูเขาทั้งสองลูก อีกทั้งยังสามารถชมทิวทัศน์ของทิวเขาอันตระการตา และทะเลหมอกอันงดงามได้ด้วย
ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่าแบบไปเช้าเย็นกลับ หรือการเดินป่าระยะทางไกล นักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเยือนไต้หวัน สามารถค้นพบจุดเริ่มต้นที่สวยงาม พร้อมเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ของท้องฟ้าสีคราม ก้อนเมฆสีขาว และสายหมอกบนภูเขาของไต้หวันได้อย่างง่ายดาย

จากประสบการณ์ในการจัดรายการวิทยุด้านการท่องเที่ยว ทำให้ปีเตอร์ อะกาทาคิส (Peter Agathakis) รู้สึกว่า ทิวทัศน์ของภูเขาที่อาลีซานนั้น งดงามเทียบเท่ากับเทือกเขาแอลป์ของสวิตเซอร์แลนด์ หรือเทือกเขาแอนดีสของเปรูเลยทีเดียว

ทะเลสาบเจียหมิง (嘉明湖) มีทิวทัศน์ที่งดงามตระการตา จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่ชื่นชอบการปีนเขา ต้องมาเยือนให้ได้ (ภาพ ข้อมูลคลังภาพกระทรวงการต่างประเทศ)






