รถไฟเล็กอาลีซานเปิด ให้บริการตลอดสาย
การเดินทางข้ามกาลเวลานับร้อยปีของรถจักรไอน้ำ
เนื้อเรื่อง‧ซูลี่อิ่ง ภาพ‧จวงคุนหรู แปล แปล‧เจนนรี ตันตารา
กันยายน 2025
การเดินทางคือการเคลื่อนย้ายจากที่หนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่ง แต่การเดินทางด้วยยานพาหนะที่มีเสน่ห์ มักจะทำให้ผู้คนเกิดจินตนาการและความคาดหวังอยู่เสมอ หรืออาจด้วยเหตุนี้ ทำให้ถึงแม้ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้รถไฟ แต่ผู้คนก็มักจะเกิดความหลงใหลในตัวรถไฟและทางรถไฟได้อย่างง่ายดาย ทางรถไฟที่มีชื่อเสียงที่สุดในไต้หวัน คงหนีไม่พ้นทางรถไฟสายป่าไม้แห่งอาลีซาน ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในห้าสิ่งมหัศจรรย์แห่งภูเขาอาลีซาน
ทางรถไฟสายป่าไม้ ทำให้เมืองเจียอี้มีทิวทัศน์ที่แตกต่างไปจากเมืองอื่น
เมื่อก้าวเข้าสู่เขตอุทยานโรงรถไฟสายป่าไม้อาลีซานในเมืองเจียอี้ จะเห็นรถจักร (หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่าหัวรถไฟ) เคลื่อนตัวออกจากสถานีตามตารางเวลา ไม้กั้นทางรถไฟเลื่อนลงมากั้นทาง รอให้ขบวนรถไฟเคลื่อนผ่านถนนไปอย่างช้า ๆ
ที่นี่ ทางรถไฟมีความใกล้ชิดกับวิถีชีวิตของผู้คน ไม่มีแม้กระทั่งรั้วกั้น คุณกู่ถิงเหวย (古庭維) ผู้เชี่ยวชาญด้านรถไฟ และบรรณาธิการใหญ่ของนิตยสาร Rail News กล่าวว่า นี่เป็นทิวทัศน์ที่หาดูได้ยากในเขตเมือง ที่ทางรถไฟถูกยกระดับขึ้นที่สูงหรือลงไปอยู่ใต้ดินแล้ว

รถจักรไอน้ำโบราณเดินทางผ่านกาลเวลานับร้อยปี เป็นตัวแทนการฟื้นฟูประวัติศาสตร์อันล้ำค่าของเมืองเจียอี้
หน้าบ้านฉันมีทางรถไฟ
ความรู้สึกนี้ยิ่งชัดเจนขึ้น เมื่อมาถึงสถานีรถไฟที่อยู่ตามแนวเส้นทางรถไฟ คุณอู๋หมิงฮั่น (櫋明翰) เจ้าหน้าที่สำนักงานบริหารรถไฟสายป่าไม้อาลีซานและมรดกทางวัฒนธรรม (Alishan Forest Railway and Cultural Heritage Office) ได้เขียนเล่าวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามริมทางรถไฟ และตีพิมพ์เป็นหนังสือที่มีชื่อว่า เสียงสะท้อนของ 2421 เมตร : บันทึกการเดินทางตามแนวรถไฟสายป่าไม้แห่งอาลีซาน (Echoes Along the 2421 m Ascent: Travelogue of the Alishan Forest Railway)
คุณอู๋หมิงฮั่นพาพวกเราเยี่ยมชมสถานีจู๋ฉี (竹崎) สถานีรถไฟที่ทำจากไม้แห่งนี้ เพิ่งได้รับการบูรณะเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการทาสีทิฟฟานีบลูที่สะดุดตา แต่กลับกลมกลืนไปกับภูมิทัศน์โดยรอบอย่างลงตัว เนื่องจากจู๋ฉีเป็นสถานีแรกที่เชื่อมระหว่างพื้นที่ราบกับป่าเขา จึงมีองค์ประกอบต่าง ๆ ของทางรถไฟ ไม่ว่าจะเป็นรางรถไฟรูปสามเหลี่ยม ที่ใช้สำหรับกลับทิศทางของรถจักร แท่นเติมถ่านหินที่ทำจากไม้ รวมถึงจุดชั่งน้ำหนัก รวมอยู่ที่นี่ เป็นเหตุผลที่ทำให้สถานีแห่งนี้ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานระดับเทศบาล
ที่นี่เรายังได้พบกับคุณไล่กั๋วหัว (賴國華) ช่างภาพรถไฟที่ใช้ชื่อในวงการว่า ปลาทะเลลึก (深海魚) เมื่อหลายปีก่อน เคยมีข่าวลือว่า เส้นทางรถไฟสายป่าไม้จะถูกปิด ในฐานะคนท้องถิ่น เขารู้สึกเสียดายอย่างยิ่ง ที่เส้นทางรถไฟซึ่งเห็นกันมาแต่ไหนแต่ไร กำลังจะหายไป เขาจึงหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายภาพ เพื่อเก็บบันทึกเป็นความทรงจำ จนถึงตอนนี้เขาถ่ายภาพมานานกว่า 20 ปีแล้ว และมีภาพถ่ายล้ำค่าสะสมเกือบหนึ่งล้านภาพ
คุณเหอเฟิ่งเหมิน (餀奉門) อดีตนายสถานีรถไฟจู๋ฉี ซึ่งบ้านอยู่ติดรางรถไฟเล่าว่า ผู้คนมากมายที่นี่ ต่างทำงานที่เกี่ยวข้องกับทางรถไฟสายนี้ เขาใช้ชีวิตอยู่ในหอพักพนักงานของรถไฟสายป่าไม้ มานานกว่า 50 ปี มีภูมิหลังคล้ายกับคุณไล่กั๋วหัว โดยทั้งปู่และพ่อของเขา ต่างก็เคยทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายซ่อมบำรุงทางรถไฟ คุณเหอเฟิ่งเหมิน อดีตนายสถานีอาวุโสผู้นี้ เป็นบุคคลที่มีความพิเศษสมชื่อ เฟิ่งเหมิน ที่แปลว่ารับใช้ประตู ราวกับเกิดมาเพื่ออุทิศตนรับใช้ทางรถไฟสายนี้ คอยเฝ้าดูแลประตูเพื่อส่งผู้คนออกเดินทาง และต้อนรับผู้มาเยือนอย่างสม่ำเสมอมาโดยตลอด

สถานีจู๋ฉีที่เพิ่งผ่านการบูรณะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีสีทิฟฟานีบลูที่โดดเด่นสะดุดตา
ไต้ฝุ่นทำให้ต้องหยุดให้บริการนาน 15 ปี
อย่างไรก็ตาม การบำรุงรักษาเส้นทางรถไฟสายภูเขา ที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 30 เมตรไปจนถึง 2,451 เมตร โดยมีความลาดชันสูงสุดอยู่ที่ 6.25% ให้ใช้งานได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
คุณเหลียนเสียงอี้ (連祥益) ช่างเทคนิคฝ่ายบำรุงรักษา ของสำนักงานบริหารรถไฟอาลีซานและมรดกทางวัฒนธรรม เล่าว่า เดิมทีชาวญี่ปุ่นสร้างทางรถไฟสายป่าไม้ขึ้น เพื่อใช้ขนส่งท่อนไม้จากบนภูเขาลงมายังพื้นที่ราบ ซึ่งคำนึงถึงความต้องการด้านอุตสาหกรรมเป็นหลัก ดังนั้น รางรถไฟเก่าบางส่วนจึงถูกสร้างขึ้นแบบง่าย ๆ บนพื้นที่ที่มีความเปราะบางทางธรณีสัณฐาน แต่เมื่อต้องเผชิญกับสภาพภูมิอากาศสุดขั้วในยุคปัจจุบัน ซึ่งเกิดบ่อยครั้งขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เกิดปัญหาต่อการคงอยู่ และการบำรุงรักษาเส้นทางรถไฟสายนี้ ต้องเผชิญกับความท้าทายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในปี ค.ศ. 2009 พายุไต้ฝุ่นมรกตได้สร้างความเสียหายแก่ทางรถไฟสายป่าไม้ถึง 421 แห่ง ต้องใช้เวลาซ่อมแซมนานถึง 6 ปี ในช่วงต้นเดือนกันยายนของปี ค.ศ. 2015 จึงสามารถเปิดให้เดินรถได้อีกครั้ง แต่ในช่วงปลายเดือนเดียวกันนี้ ผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นตู้เจวียน ส่งผลให้อุโมงค์หมายเลข 42 ได้รับความเสียหายอย่างหนัก เกิดดินหินถล่มราว 100,000 ลูกบาศก์เมตร ทางรถไฟจึงต้องหยุดให้บริการอีกครั้ง
การซ่อมแซมรถไฟสายป่าไม้เป็นเรื่องเร่งด่วน และมีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง เพราะสำหรับคนท้องถิ่นแล้ว ทางรถไฟสายนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำสำคัญในชีวิตของพวกเขา อีกทั้งในปี ค.ศ. 2019 กระทรวงวัฒนธรรมไต้หวัน ยังได้กำหนดให้ทางรถไฟสายนี้ เป็นภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมที่สำคัญ ซึ่งนอกจากจะเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมระดับชาติที่ล้ำค่าแล้ว ทางรถไฟสายป่าไม้ที่เปลี่ยนมาให้บริการเพื่อการท่องเที่ยว ยังกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากนานาประเทศ
สิ่งนี้ทำให้คุณเหลียนเสียงอี้ (連祥益) ผู้รับผิดชอบโครงการซ่อมแซมอุโมงค์หมายเลข 42 รู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่ง และเขาก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง การซ่อมแซมใช้เวลายาวนานถึง 15 ปีตั้งแต่ปี ค.ศ. 2009 จนถึงปี ค.ศ. 2024 จนกระทั่งเดือนกรกฎาคมของปี ค.ศ. 2024 ทางรถไฟสายป่าไม้จึงประกาศเปิดให้บริการเดินรถตลอดทั้งสายอีกครั้ง

ที่สถานีจู๋ฉีสามารถพบเห็นแท่นเติมถ่านหินสำหรับรถจักรไอน้ำ
เล็กแต่ไม่ธรรมดา – โครงการซ่อมแซมอุโมงค์หมายเลข 42
นี่เป็นโครงการขนาดเล็ก แต่ไม่ใช่โครงการที่ง่ายเลย คุณเหลียนเสียงอี้เล่าว่า นี่คือคำพูดหนึ่งของผู้รับเหมาที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยสุดท้าย พวกเขาเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการเจาะอุโมงค์ใหม่ในพื้นที่ที่เกิดดินถล่ม คุณเหลียนเสียงอี้เล่าว่า ถึงแม้การเลือกเส้นทางอุโมงค์ จะทำให้ต้องเสียสละทัศนียภาพข้างทางกว่า 200 เมตร แต่นี่ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด ทั้งในด้านความคงทน ความแข็งแรงและความปลอดภัย และเมื่อเวลาผ่านไป พื้นที่ทางลาดที่เกิดดินถล่ม ก็จะฟื้นตัวกลับมาตามธรรมชาติ
โครงการนี้ใช้เวลาในการซ่อมแซมนานถึง 4 ปีเต็ม ก่อนหน้านั้น ยังต้องผ่านการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม นานถึง 2 ปี หลังจากเริ่มก่อสร้าง ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 และสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่ส่งผลให้ต้องเปลี่ยนจากการใช้วัตถุระเบิดแบบหนืด มาใช้วัตถุระเบิดประเภทเจลน้ำ ซึ่งมีประสิทธิภาพด้อยกว่า
นอกจากนี้ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศมากเกินไป จึงเลือกใช้วิธีการขุดเจาะอุโมงค์จากด้านในของอุโมงค์เดิม แทนการเปิดปากอุโมงค์ใหม่ขึ้นมา แนวคิดในการขุดอุโมงค์ซ้อนอุโมงค์ ได้เพิ่มความยากให้แก่โครงการซ่อมแซมอุโมงค์แบบทวีคูณ
เส้นทางรถไฟเก่าได้รับการอนุรักษ์เอาไว้ ตามความตั้งใจของคุณเหลียนเสียงอี้ ซึ่งจินตนาการว่า นักท่องเที่ยวสามารถโดยสารรถไฟในธีมพิเศษ หรืออาจหยุดพักที่จุดนี้ และลงจากรถไฟ เพื่อชมร่องรอยแห่งการฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสายป่าไม้ หลังเผชิญภัยพิบัติต่าง ๆ ด้วยตาตัวเอง สิ่งนี้อาจดูเล็กน้อย แต่กลับเป็นการออกแบบที่มีความละเอียดอ่อน และสะท้อนแนวคิดทางมนุษยนิยม ที่คำนึงถึงผู้คนและคุณค่าทางวัฒนธรรม ถือเป็นผลงานที่เขาภาคภูมิใจมากที่สุด ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการ

อุโมงค์หมายเลข 42 ที่ผ่านการซ่อมแซม ใช้วิธีก่อสร้างแบบขุดอุโมงค์ซ้อนอุโมงค์ ซึ่งมีความยากกว่า แต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้มาก และมีความปลอดภัยมากกว่า (ภาพ อู๋หมิงฮั่น)
รถจักรไอน้ำโลดแล่นอีกครั้ง หลังปิดผนึก 43 ปี
รถไฟที่วิ่งไปมาบนรางรถไฟ ดุจตัวเอกของเส้นทางรถไฟสายป่าไม้แห่งอาลีซาน ที่ดึงดูดความสนใจจากสายตาผู้คนอย่างมาก โดยเฉพาะรถจักรไอน้ำที่พ่นควันขาวโขมง แม้จะเป็นเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมยุค 1.0 ที่ใช้พลังงานจากถ่านหิน แต่เมื่อเทียบกับรถไฟสมัยใหม่ ที่ต้องพึ่งพาผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากแล้ว รถจักรไอน้ำกลับดูมีระบบการทำงานที่เรียบง่ายกว่ามาก
ขอเพียงได้รับการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม เครื่องยนต์เหล่านี้ก็ยังสามารถใช้งานได้ ตามโครงสร้างและกลไกเดิมต่อไป เมื่อก้าวเข้าสู่เขตอุทยานโรงรถไฟสายป่าไม้อาลีซาน รถจักรไอน้ำรุ่น Shay 21 ที่หวนกลับมาประจำการอย่างภาคภูมิอีกครั้ง ในปี ค.ศ. 2024 จอดอยู่ในโรงเก็บรถจักรอย่างเงียบ ๆ รอคอยเวลาออกปฏิบัติหน้าที่ เดือนละหนึ่งครั้งในวันเสาร์
รถจักรไอน้ำหมายเลข 21 ที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1912 มีความสามารถในการวิ่งขึ้นทางลาดชันที่ยอดเยี่ยม เคยให้บริการบนเส้นทางรถไฟสายป่าไม้มานานกว่า 60 ปี ก่อนที่จะถูกนำไปจัดแสดงไว้ที่สวนสาธารณะเจียอี้ในปี ค.ศ. 1976 ถือเป็นการปิดผนึกเป็นเวลา 43 ปี จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2019 กรมป่าไม้ได้ทุ่มงบประมาณ 22 ล้านเหรียญไต้หวัน ใช้เวลา 18 เดือนในการบูรณะ และ 9 เดือนในการทดสอบการเดินรถ จนในที่สุด รถจักรไอน้ำโบราณขบวนนี้ ก็กลับมาโลดแล่นบนรางรถไฟได้อย่างสง่างามอีกครั้ง
คุณกู่ถิงเหวยกล่าวว่า ในยุคปัจจุบันที่ยานพาหนะ พัฒนาและเติบโตอย่างรวดเร็ว การบูรณะรถไฟโบราณให้กลับมาวิ่งบนรางรถไฟได้อีกครั้ง ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ รถจักรไอน้ำบรรทุกอดีตแห่งการพัฒนาของเมืองเจียอี้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนครแห่งไม้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม หรือความทรงจำทางประวัติศาสตร์ ล้วนมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ลึกซึ้ง เกินกว่าจะเอื้อนเอ่ยเป็นคำพูดออกมา
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงภูเขาอาลีซาน ที่เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของไต้หวัน การมีขบวนรถจักรไอน้ำย้อนยุคสุดน่ารัก ซึ่งภายในตู้โดยสาร ที่แม้จะดูคับแคบแต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง ไม่เพียงสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว แต่ยังช่วยเติมเต็มสีสันให้กับการเดินทางได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ถึงแม้การบูรณะจะไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากรถจักรไอน้ำหมายเลข 21 ถูกจอดทิ้งนานหลายปี จนเหล็กภายนอกของตู้รถไฟและชิ้นส่วนต่างๆ ขึ้นสนิม อีกทั้งการดำเนินการของรถไฟสายป่าไม้ ก็มีการเปลี่ยนหน่วยงานที่รับผิดชอบหลายครั้ง จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2018 จึงกลับมาอยู่ภายใต้การดูแลของกรมป่าไม้ และบริหารจัดการโดยสำนักงานบริหารรถไฟสายป่าไม้ภูเขาอาลีซานและมรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นในปีเดียวกัน
เนื่องจากหน่วยงานที่รับผิดชอบมีการเปลี่ยนมือหลายครั้ง จึงทำให้เกิดช่องว่างทางเทคนิค ข้อมูลเอกสารต่าง ๆ และบุคลากร เกิดการสูญหายและขาดตอนอย่างน่าเสียดาย อีกทั้งในปี ค.ศ. 1993 โรงงานซ่อมรถไฟเป่ยเหมินในเมืองเจียอี้ ยังประสบเหตุเพลิงไหม้ ส่งผลให้มรดกทางวัฒนธรรมล้ำค่าจำนวนมาก ถูกเปลวไฟแผดเผาจนวอดวาย
นายชิวชงเต๋อ (邱聰德) วิศวกรจากสำนักงานบริหารรถไฟสายป่าไม้ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมซ่อมบูรณะ เล่าย้อนกลับไปตอนที่ทีมงานเริ่มเข้ามาดูแลโครงงานนี้ใหม่ ๆ นอกจากต้องถอดชิ้นส่วนออกมาทีละชิ้นและผลิตขึ้นใหม่แล้ว การทำความเข้าใจต่อโครงสร้างและการทำงานจากการไหลเวียนของไอน้ำ ต่างก็เป็นเรื่องที่ยากและซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก พวกเขาจึงต้องอาศัยการเปรียบเทียบข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ พร้อมทั้งเดินทางไปขอคำแนะนำจากวิศวกรรุ่นเก่า ที่เคยทำงานกับการรถไฟสายป่าไม้หรือการรถไฟไต้หวันในอดีต ซึ่งต่างก็เป็นผู้สูงวัยที่มีอายุแปดสิบปีขึ้นไป ที่ยินดีให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ หลังจากนั้น ทีมงานก็ได้นำเอาคำศัพท์เทคนิคภาษาญี่ปุ่น ที่วิศวกรรุ่นเก่าเหล่านี้เคยใช้ มาแปลเป็นภาษาจีนอีกครั้ง

คุณกู่ถิงเหวย ผู้เชี่ยวชาญด้านรถไฟระบุว่า การบูรณะรถจักรไอน้ำโบราณ
เป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไต้หวัน และยังเป็นไฮไลต์ทางวัฒนธรรมด้านการท่องเที่ยว

รถจักรไอน้ำ Shay 21 มีกระบอกสูบตั้งตรง ที่สามารถมองเห็นได้จากด้านนอก กระบอกสูบที่เคลื่อนไหวขณะวิ่ง เป็นภาพที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง

การเปิดให้บริการตลอดสายของรถไฟสายป่าไม้ และการแปลงโฉมรถจักรไอน้ำ ล้วนมาจากความร่วมมือของกลุ่มคนตัวเล็ก ๆ ที่ทำงานร่วมกันอย่างแข็งขัน ในภาพคือเหล่าวิศวกรที่รับผิดชอบซ่อมบำรุงรถไฟ
มรดกทางวัฒนธรรมแด่ไต้หวัน และโลก
สิ่งที่ทำให้ทีมงานภูมิใจเป็นอย่างมาก คือ รถจักรไอน้ำหมายเลข 21 เน้นการซ่อมแซมให้เหมือนของเดิมมากที่สุด ชิ้นส่วนใหม่ที่ผลิตขึ้น ล้วนเป็นการผลิตในไต้หวัน ซึ่งคิดเป็น 60% ของชิ้นส่วนทั้งหมดของรถไฟคันนี้
ปล่องควันสีดำและหม้อต้มน้ำคือสัญลักษณ์ของรถจักรไอน้ำ ยังมีตู้ทรายและถังไอน้ำที่คล้ายกับหลังอูฐ ให้อารมณ์ที่ทั้งหนักแน่นและมีเสน่ห์ ด้านขวาของหัวรถจักร เป็นสิ่งที่เหล่าแฟนคลับรถไฟหลงใหลที่สุด มันคือเครื่องยนต์แบบสันดาปภายนอก ที่ไม่มีให้เห็นบนรถไฟสมัยใหม่แล้ว โดยเครื่องยนต์นี้ ประกอบด้วยกระบอกสูบแนวตั้งแบบเปลือยให้เห็นได้ชัดถึงสามกระบอก ซึ่งขับเคลื่อนไปพร้อมกับเฟืองรูปพัดขนาดใหญ่หนึ่งตัว และเล็กอีกหนึ่งตัว คล้ายกับระบบเกียร์ของจักรยาน ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนแรงหมุนขนาดเล็ก ให้กลายเป็นแรงบิดมหาศาล ถึงแม้จะไม่เน้นความเร็ว แต่มีความสามารถในการวิ่งขึ้นทางลาดชันที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งโครงสร้างแบบมีข้อต่อ ยังช่วยให้สามารถเลี้ยวโค้งในภูเขาได้อย่างคล่องแคล่ว
นั่นทำให้รถจักรไอน้ำหมายเลข 21 เป็นดั่งช้างสารที่มีรูปร่างมั่นคงหนักแน่น แต่ในขณะเดียวกัน กลับมีความคล่องตัวอย่างอัศจรรย์
ดังนั้น ทุกครั้งที่นักท่องเที่ยวก้าวเข้าสู่เขตอุทยานโรงรถไฟ ที่ถูกจัดเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวแล้ว ต่างก็ร้องอุทานออกมาว่า รถไฟขยับแล้ว! หรือรีบกระโดดขึ้นไปบนตู้รถโดยสาร ด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ที่รถไฟกำลังจะมุ่งหน้าไปยังภูเขาอาลีซาน ผู้คนจะตระหนักหรือไม่ว่า ทัศนียภาพที่ดูเหมือนธรรมดาเหล่านี้ ล้วนเกิดจากความทุ่มเทของบุคลากรเบื้องหลังนับไม่ถ้วน ผู้เปรียบเสมือนนอตตัวเล็ก ๆ ที่ทำหน้าที่ของตนอย่างสุดความสามารถ เพื่อตอบสนองต่อความไว้วางใจที่ได้รับ ในการนำภาพทัศนียภาพที่ใกล้จะเลือนหาย กลับคืนสู่สายตาของผู้คนทั่วโลกอีกครั้ง

เมื่อระดับความสูงเพิ่มขึ้น ทัศนียภาพด้านนอกรถไฟก็เปลี่ยนไป ภาพนี้คือวิวป่าไม้ด้านหลังสถานีเฟิ่นฉี่หู





