วัฒนธรรมหลากหลายในแถบชายฝั่งตะวันออก
ที่ตำบลหมั่นโจว (滿州鄉) มีเส้นทางโบราณสายหนึ่งที่เชื่อมต่อระหว่างหมั่นโจวกับฉาซาน (茶山) เรียกกันว่า “ทางโบราณหมั่นฉา” (滿茶) ในอดีตชนพื้นเมืองเผ่าเซอกาลุ (Seqalu) ใช้เส้นทางนี้ไปจับปลาที่ชายฝั่ง ในยุคญี่ปุ่นปกครองไต้หวัน นักเรียนประถมจะต้องเดินผ่านทางนี้ไปเรียนภาษาญี่ปุ่น ดังนั้น เส้นทางนี้จึงถูกเรียกว่า “ทางจับปลา” และ “ทางนักเรียน” ด้วย ในสมัยญี่ปุ่นปกครองไต้หวัน ทั่วประเทศมีโรงเรียนญี่ปุ่น 14 แห่ง หมั่นโจวถือเป็นแห่งแรกที่มีการจัดตั้งโรงเรียนญี่ปุ่น ในตอนนั้นผู้ที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการเมืองเหิงชุนก็คือ ซางาระ นางัต
ซึนะ (Sagara Nagatsuna) อดีตผู้อำนวยการวิทยาลัยครูโอกินาวา แสดงให้เห็นความมุ่งมั่นของญี่ปุ่นในการให้การศึกษาแก่ชนพื้นเมือง เพื่อกลืนกลายทางวัฒนธรรมอย่างจริงจัง
ปั่นจักรยานมุ่งเหนือต่อไปยังชุมชนซวี่ไห่ (旭海) ไปสัมผัสวัฒนธรรมชนพื้นเมืองที่นั่น
พานเฉิงชิง (潘呈清) ประธานสมาคมพัฒนาชุมชนซวี่ไห่บอกว่า “ในช่วงฤดูหนาว มีผู้ปั่นจักรยานมาที่นี่มากมายเพื่อแช่น้ำแร่ เสียเงินครั้งละ 150 เหรียญไต้หวันเท่านั้น ถือว่าราคาถูกมาก” ในปีค.ศ.1887 จาการุชิ กุริ บุนเกียต (Jagarushi Guri Bunkiet) หัวหน้าเผ่าเซอกาลุ (Seqalu) ได้พานักสำรวจชาวอังกฤษ จอร์จ เทย์เลอร์ (George Taylor) มายังเมืองไถตง ระหว่างทางได้พบว่ามีน้ำแร่ไหลออกมาจากร่องหิน ต่อมา มีชาวบ้านเข้ามาตั้งรกรากและพัฒนาจนกลายเป็นเขตน้ำแร่ไปในที่สุด คุณพานเฉิงชิงบอกว่า เนื่องจากโรงเรียนประถมอยู่ใกล้ธารน้ำแร่ บรรดาคุณแม่จะบอกให้เด็กๆ อาบน้ำแร่ก่อนกลับบ้าน ดังนั้น ก่อนออกจากบ้านในตอนเช้า จึงมีนักเรียนหัวใสพากันทาแชมพูติดไว้บนเส้นผม เมื่อเลิกเรียนแล้วก็กระโดดลงลำธารอาบน้ำ สระผมได้เลย
จุดสุดท้าย พวกเราไปที่ทางโบราณ Alangyi มีมัคกุเทศก์ท้องถิ่นอย่างคุณหรังหรั่ง (穰懹) เป็นผู้นำชม ก่อนขึ้นภูเขาจะต้องผ่านชายหาดลี่ทัน (礫灘) ความยาว 750 เมตร คลื่นจากมหาสมุทรแปซิฟิกกระทบเข้าฝั่งเสียงดัง ไม่ขาดสาย คุณหรัง
หรั่งบอกว่า ในแต่ละฤดูกาล โขดหินจะถูกคลื่นซัดสาดจนเกิดสภาพที่แตกต่างกัน และมีขยะล่องลอยอยู่ในทะเลถูกซัดเข้ามาหาฝั่งในจุดที่ต่างกันด้วย
เวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง พวกเรามาถึงจุดสูงสุด มองลงไปเห็นเต่า 2 ตัวลอยอยู่ในทะเลสีคราม คุณหรังหรั่งพูดติดตลกว่า “การจะถ่ายรูปที่นี่ให้ดูน่าเกลียด เป็นเรื่องยากมาก”
มองไปในท้องทะเลกว้างใหญ่ นึกทบทวนเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่ได้เห็นได้ฟังในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทำให้รู้สึกว่า ความงดงามของคาบสมุทรเหิงชุน ไม่เพียงแค่ภูเขาที่สูงใหญ่ ท้องทะเลอันกว้างไกล ยังมีผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์อยู่ร่วมกันและคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมที่ล้ำค่า สร้างให้พื้นที่แห่งนี้มีเอกลักษณ์และมนต์เสน่ห์อย่างไม่เสื่อมคลาย
ชายหาดเจียเล่อสุ่ยมีชุมชนน้อย บรรยากาศมืดมิดเหมาะกับการชมดาว
ทางโบราณ Alangyi เชื่อมระหว่างตำบลต๋าเหริน (達仁) เมืองไถตง และ ชุมชนซวี่ไห่ (旭海) เมืองผิงตง เป็นหนึ่งในเส้นทางส่วนน้อยที่ยังไม่มีการสร้างทางรถยนต์ (ภาพ: จวงคุนหรู)
บนทางโบราณ Alangyi ชมภาพสวยงามตระการตาของ มหาสมุทรแปซิฟิกในมุมมองใกล้ชิด