บนโต๊ะหนังสือมักจะมีกระดาษทั่วๆ ไปวางอยู่เป็นของคู่กันเสมอ แต่กว่าจะได้มาซึ่งกระดาษหนึ่งแผ่น กลับมีเรื่องราวและความเป็นมาที่ไม่ธรรมดา การค้นหาความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัดของกระดาษถือเป็นปณิธานอันแน่วแน่ของพิพิธภัณฑ์กระดาษซูโฮ (Suho Paper Memorial Museum: 樹火紀念紙博物館) และพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้โชว์ผลงานอันไร้ขีดจำกัดของกระดาษ ผ่านการสร้างฉากบนเวทีละครที่สวยสดงดงาม ขณะที่บริษัท Taiwan Lung Meng Technology Co., Ltd. (龍盟科技 อ่านว่า หลงเหมิงเคอจี้)
ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของไต้หวัน สามารถพัฒนาการผลิตกระดาษที่มีน้ำหนักเบาและบางจากก้อนหินได้สำเร็จ
คำจำกัดความของคำว่า “กระดาษ” จึงถูกเขียนนิยามขึ้นมาใหม่นับตั้งแต่นั้นมา
ระยะนี้ การเขียนหนังสือได้กลายมาเป็นกระแสความนิยมในไต้หวัน แต่พิพิธภัณฑ์กระดาษซูโฮ ไม่ยอมให้กระดาษมีบทบาทเป็นเพียงตัวประกอบ ได้จัดนิทรรศการ “ในนามของกระดาษ เรามาเขียนหนังสือด้วยลายมือกันเถิด” (以紙為名:我們書寫著) แนะนำประเภทของกระดาษที่เหมาะสำหรับการเขียนด้วยลายมือ 21 ประเภท อาทิ กระดาษเหวินฮั่วเซวียน กระดาษใยสับปะรด กระดาษผลิตจากกากเบียร์ และกระดาษผลิตจากฟางข้าว เป็นต้น กระดาษ 21 ประเภท ให้สัมผัสของเนื้อกระดาษที่แตกต่างกัน 21 แบบ และกระดาษแต่ละชนิดต่างก็มีเรื่องเล่าเป็นของตนเอง
กระดาษเหวินฮั่วเซวียน ซึ่งทำจากกระดาษเซวียนจื่อ* สีฟ้าอ่อนชุดนี้ เป็นของล้ำค่าที่คุณเฉินรุ่ยหุ้ย (陳瑞惠) ซีอีโอมูลนิธิวัฒนธรรมกระดาษซูโฮ (Suho Memorial Paper Culture Foundation: 樹火紀念紙文化基金會) สะสมไว้มานานกว่า 30 ปี เนื้อสัมผัสที่เนียนลื่นของกระดาษ โทนสีและความวาวของสีฟ้าครามที่ยังคงเหมือนเดิม ทำให้แทบไม่เห็นร่องรอยของกาลเวลาปรากฏอยู่บนนั้นแม้แต่น้อย ลายเส้นที่ละเอียดประณีต ยังบ่งบอกถึงงานฝีมือการผลิตกระดาษที่พิถีพิถัน
ลายเส้นที่ปรากฏบนกระดาษ เกิดจากการพิมพ์ลายด้วยเทคนิคการพิมพ์สกรีน ถ้ามีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย ลายเส้นจะไม่คมชัดและเลอะเทอะจึงทำค่อนข้างยาก คุณเฉิน
รุ่ยหุ้ยกล่าว และในปีเดียวกันกับที่กระดาษเหวินฮั่วเซวียนถูกผลิตออกจำหน่าย คุณเฉินรุ่ยหุ้ยซึ่งรู้สึกชื่นชอบในลายเส้นและความงามที่เป็นเอกลักษณ์ของกระดาษชนิดนี้ ได้เก็บสะสมกระดาษดังกล่าวมาตลอดระยะเวลา 30 ปี และจัดเก็บไว้ภายในพิพิธภัณฑ์กระดาษซูโฮ การจัดนิทรรศการจึงเป็นการเปิดโอกาสให้กระดาษเหวินฮั่วเซวียนได้ออกมาปรากฏโฉม และทำให้ทุกคนได้รู้จักความงดงามของกระดาษชนิดนี้มากขึ้น พร้อมๆ กับการสร้างชีวิตใหม่ให้กับกระดาษเหวินฮั่วเซวียน
*กระดาษเซวียนจื่อ เป็นกระดาษคุณภาพดีทำจากเมือง
เซวียนเฉิง ในมณฑลอันฮุย เนื้อกระดาษนิ่มและเหนียว ไม่ขาดง่าย ดูดหมึกสม่ำเสมอ นิยมใช้ในการวาดภาพด้วยพู่กัน
คืนชีวิตให้กระดาษ
คืนชีวิตให้กระดาษกันเถอะ ชีวิตประจำวันของเราอย่างไรก็หลีกหนีไม่พ้นกระดาษ ในสมองของคุณเฉินรุ่ยหุ้ยจึงคิดแต่เรื่องการค้นหาความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัดของกระดาษ และในปีค.ศ. 2005 กระดาษที่ถูกนำมาใช้ประกอบการแสดงชุด Wild Cursive (狂草) ของคณะ Cloud Gate หรือคณะหยุนเหมิน
(雲門) หนึ่งในคณะโมเดิร์นแดนซ์ที่มีชื่อเสียงของไต้หวัน ก็เป็นกระดาษที่ผลิตขึ้นจากโรงงานกระดาษ Chung Rhy Specialty Paper Mfg. Co., Ltd. (中日特種紙廠) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของมูลนิธิกระดาษซูโฮ
เพื่อการแสดงชุด Wild Cursive หลินไฮว๋หมิน (林懷民) ผู้ก่อตั้งคณะหยุนเหมิน จึงไปพบกับคุณเฉินรุ่ยหุ้ย หารือเกี่ยวกับการออกแบบกระดาษชนิดใหม่ที่มีคุณสมบัติพิเศษ โดยให้นักแสดงมีเวลามากพอที่จะแสดงท่าทางการพูดคุยอยู่กับกระดาษ ในระหว่างที่หมึกกำลังถูกดูดซึมเข้าไปในเนื้อกระดาษอย่างช้าๆ
หลังผ่านการทดลองและความล้มเหลวกับการคิดค้นกระดาษชนิดต่างๆ กว่าสองร้อยชนิด ในที่สุดนักวิจัยก็สามารถพัฒนาและผลิตกระดาษที่มีคุณสมบัติตรงตามที่ต้องการได้สำเร็จ แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ระหว่างที่ผู้ปฏิบัติงานนำไปทดสอบการใช้งานจริงที่ห้องทำงานของคณะหยุน-
เหมิน ซึ่งในขณะนั้นตั้งอยู่ที่เขตปาหลี่ นครนิวไทเป ปรากฏว่าหมึกสีดำกลับถูกดูดซึมเข้าในเนื้อกระดาษอย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นไม่เหมือนที่คิดไว้แม้แต่นิดเดียว ความพยายามตลอด 9 เดือนที่ผ่านมาเท่ากับว่าสูญเปล่า และสิ่งที่ทำได้ก็คือเริ่มต้นกันใหม่ อย่างไรก็ดี หลังจากที่ทีมงานวิจัยพยายามทดลองครั้งแล้วครั้งเล่า ท้ายที่สุดก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งเรื่องน้ำหมึกและปัญหากระดาษไม่สามารถทนความร้อนของแสงที่ส่องลงบนเวทีซึ่งมีกำลังไฟสูงถึง 1,500 วัตต์ ได้ ความร่วมมือในครั้งนี้จึงเป็นการท้าทายคุณสมบัติของกระดาษครั้งแล้วครั้งเล่านั่นเอง คุณเฉินรุ่ยหุ้ยกล่าว
เชาเป๋าซิวฟู่จื่อ (超薄修復紙) เป็นกระดาษที่บางเฉียบ นับเป็นผลงานที่ถูกวิจัยพัฒนาภายใต้ปณิธานของซูโฮมานานนับสิบปี โดยเป็นผลงานชิ้นเอกของโรงงานกระดาษ Paper House หรือ โรงงานกระดาษฉางชุนเหมียน (長春棉紙廠) และเป็นผลงานหนึ่งที่คุณเฉินรุ่ยหุ้ยได้รับแรงบันดาลใจ จากการเดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น และเห็นคนในท้องถิ่นใช้กระดาษในการซ่อมหนังสือโบราณ
วัสดุกระดาษชนิดนี้ได้รับการวิจัยพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในงานซ่อมแซมหนังสือโบราณโดยเฉพาะ จึงมีขั้นตอนการผลิตที่ใช้เวลานาน ตัวกระดาษที่บางเบาราวกับปีกจักจั่น ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของผู้ทำกระดาษในการคัดสิ่งแปลกปลอมและเส้นใยที่มีความยาวไม่เท่ากันซึ่งปะปนอยู่ในน้ำเยื่อสำหรับทำกระดาษ ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการเตรียม
น้ำเยื่อและการทำแผ่นที่ต้องอาศัยคนที่มีฝีมือและมีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างดี จึงจะสามารถผลิตกระดาษที่มีความสม่ำเสมอได้ ดังนั้นอัตราความสูญเสียจึงค่อนข้างสูง และสามารถผลิตกระดาษที่มีขนาดใหญ่ที่สุดได้เพียง 30 x 40 เซนติเมตรเท่านั้น
ด้วยความบางเฉียบของกระดาษ เมื่อนำไปใช้ติดเพื่อซ่อมแซมทำให้หนังสือเก่านั้นมีสภาพที่คล้ายคลึงของเดิมอย่างมาก โดยก่อนหน้านี้ ทางสถาบัน Institute of Modern History หรือสถาบันประวัติศาสตร์สมัยใหม่ (中研院近史所) ในสังกัด Academia Sinica (中央研究院) หรือสถาบันวิจัยแห่งชาติของไต้หวัน เคยนำกระดาษเชาเป๋าซิวฟู่จื่อ
ชนิดนี้มาใช้ในการซ่อมแซมหนังสือเก่าเช่นกัน
แนวความคิด กระดาษ 1 ชนิด ใช้ประโยชน์ 2 อย่าง ถูกสะท้อนให้เห็นผ่าน กระดาษเป๋าเซียนจื่อ (薄纖紙) กระดาษที่มีคุณสมบัติพิเศษ ซึ่งนำมาจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์ที่รำลึกซูโฮแห่งนี้อีกด้วย กระดาษเป๋าเซียนจื่อผลิตขึ้นโดยการเติมเยื่อเคมี (เยื่อที่ผลิตโดยใช้สารเคมี) ผสมลงไป เดิมถูกนำไปใช้เป็นอุปกรณ์ส่งสัญญาณที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์ 3C ต่างๆ เนื่องจากมีความเหนียวและทนทานเป็นพิเศษ และในปีที่ผ่านมาหอศิลป์ไทเปหรือ Taipei Fine Arts Museum
(台北美術館) ได้เลือกกระดาษเป๋าเซียนจื่อซึ่งมีเนื้อสัมผัสที่ละเอียดประณีตมาใช้ในการจัดนิทรรศการ X-site project: The Texture of Uncertainty ขณะที่สวนศิลปะหัวซาน หรือ Huashan 1914 Creative Park (華山文創園區) ได้นำผลงานกราฟฟิติ (Graffiti) ของเหยียนจงเสียน (顏忠賢) ศิลปินชื่อดังของไต้หวัน ที่เคยจัดแสดงภายในสวนศิลปะแห่งนี้ เมื่อปีค.ศ.2014 มาวาดลงบนกระดาษเป๋าเซียนจื่อ และนำไปติดไว้บนตัวอาคารเก่าที่อยู่ภายในหัวซาน คุณสมบัติของกระดาษทำให้สามารถมองทะลุและเห็นผนังอาคารที่อยู่ด้านหลังได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้เมื่อลอกกระดาษออกก็ไม่สร้างความเสียหายให้กับตัวอาคารประวัติศาสตร์แห่งนี้ด้วย
กระดาษเล่าเรื่อง
กระดาษถูกพัฒนาให้นำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด บางครั้งเกิดจากความคิดที่ผุดขึ้นมาชั่วครู่ของคุณเฉินรุ่ยหุ้ย บางครั้งได้มาด้วยความบังเอิญจากการที่ลูกค้านำโจทย์มาให้ช่วยขบคิดแก้ไข
ในห้องนอนของมาดามเจียง (ซ่งเหม่ยหลิง) ซึ่งตั้งอยู่บนชั้นสองของซื่อหลินกวนตี่ (士林官邸) บ้านพักของอดีตประธานาธิบดีเจียงไคเช็คในกรุงไทเป หากไม่เดินเข้าไปดูและสังเกตอย่างละเอียดแล้ว ไม่ว่าใครคงจะเดาไม่ออกเลยว่า วอลล์เปเปอร์ติดผนังลายตารางแผ่นใหญ่ที่ติดอยู่บนผนังห้องนั้น ครึ่งหนึ่งของวอลล์เปเปอร์ถูกซ่อมแซมใหม่ด้วยวัสดุกระดาษที่มีคุณสมบัติพิเศษที่ถูกวิจัยและพัฒนาโดยโรงงานกระดาษฉางชุน เนื่องจากผู้ประกอบการที่รับผิดชอบงานบูรณะซ่อมแซมในขณะนั้นไม่สามารถจะหาโรงงานที่ผลิตวอลล์เปเปอร์ลวดลายเดียวกับของเดิมได้ จึงมาหารือกับคุณเฉิน
รุ่ยหุ้ยเพื่อทำวอลล์เปเปอร์ที่เลียนแบบลวดลายเหมือนของเดิม บ้านพักแห่งนี้จึงกลับมาคงความงดงามอีกครั้ง
โรงละครแห่งชาติของไต้หวันมีการตกแต่งด้วยงานศิลปะ และตกแต่งฉากบนเวทีแสดง… และคุณเฉินรุ่ยหุ้ยได้ค้นพบมุมมองใหม่ๆ ของการใช้กระดาษอีกครั้ง ในยุคที่สินค้า 3C เป็นที่นิยม ขณะที่กระดาษก็ค่อยๆ หายออกไปจากการใช้ชีวิตของผู้คน พิพิธภัณฑ์ซูโฮจึงต้องการที่จะรณรงค์ให้เกิดความสนใจในเรื่องของกระดาษ โดยอาศัยการเขียนหนังสือด้วยลายมือซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในไต้หวันเป็นแรงกระตุ้น
ปีค.ศ.2004 พิพิธภัณฑ์กระดาษซูโฮ ได้จัดนิทรรศการ “กระดาษเคลื่อนไหวได้” (一張紙的悸動) ขึ้น เพื่อถ่ายทอดให้เห็นถึงความรู้สึกและมุมมองของนักเขียนหนังสือ
คุณเฉินรุ่ยหุ้ยเปิดเผยว่า นิทรรศการดังกล่าวได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน ซึ่งในขณะนั้น ผู้คนจำนวนมากต้องเสียชีวิตจากการก่อการร้าย หลายชีวิตสูญสิ้นในชั่วพริบตา เจ้าหน้าที่กู้ภัยพบกระดาษโน้ตในที่เกิดเหตุหนึ่งแผ่นเป็นกระดาษที่พ่อคนหนึ่งเขียนข้อความทิ้งไว้ให้ลูกสาวของตน และกระดาษแผ่นนั้นได้กลายเป็นความทรงจำครั้งสุดท้ายของลูกสาวที่มีต่อพ่อ ศิลปินชาวอเมริกันคนหนึ่งที่รู้จักกันกับคุณเฉินรุ่ยหุ้ยเป็นผู้บอกเล่าเรื่องราวดังกล่าวให้กับเธอ ทำให้เธอเกิดความประทับใจและผลักดันให้เกิดนิทรรศการครั้งนี้ขึ้น เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนหันกลับมาขีดเขียนห้วงเวลาแห่งความประทับใจลงบนกระดาษ และคงไม่มีใครที่จะเกิดความรู้สึกผูกพันกับกระดาษได้มากเท่ากับคุณเฉินรุ่ยหุ้ยที่เติบโตมาท่ามกลางกองกระดาษอย่างแน่แท้
และในปัจจุบัน การเขียนหนังสือถือเป็นช่วงเวลาอันมีค่ายิ่งนัก ยามที่เรามีคำพูดหรือข้อความที่เก็บเอาไว้ เราก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกทางจิตใจที่แฝงอยู่ในกระดาษนั้นเอง
เสกหินให้กลายเป็น “กระดาษ”
เส้นใยกล้วยและเปลือกไม้ เป็นวัตถุดิบที่นำมาใช้สำหรับทำกระดาษตามกรรมวิธีแบบดั้งเดิม แต่บริษัท Taiwan Lung Meng Technology ซึ่งตั้งอยู่ในนครไถหนาน ทางตอนใต้ของไต้หวัน ได้สร้างปรากฏการณ์เสกก้อนหินให้เป็นกระดาษ โดยแปลงหินอ่อนที่แข็งแกร่งให้กลายเป็นกระดาษที่บางและเบาได้สำเร็จ
กระดาษม้วนสีขาวขนาดใหญ่แซมสลับด้วยเส้นใยสีเทาส่องประกายระยิบระยับ วางเรียงรวมกันเป็นกองทั่วบริเวณ บนพื้นที่ 10,000 กว่าตารางเมตร ภายในโรงงานของบริษัท Taiwan Lung Meng Technology เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆ จะเห็นว่า โรงงานแห่งนี้ไม่เหลือสภาพแวดล้อมของการทำกระดาษแบบดั้งเดิมที่มักจะเต็มไปด้วยน้ำเยื่อและไอน้ำแล้ว แต่สิ่งที่มาทดแทนกลับเป็นถุงบรรจุผงหินเนื้อละเอียดวางกองอยู่ พร้อมที่จะนำไปผสมกับวัตถุดิบพลาสติกโพลิเอทิลีน เพื่อผลิตเป็นกระดาษต่อไป โดยแต่ละปีบริษัทแห่งนี้สามารถผลิตกระดาษที่ทำจากก้อนหินได้ในปริมาณที่มากถึงหนึ่งหมื่นกว่าตัน
การเปิดตัว stonepaper หรือกระดาษทำจากก้อนหิน ถือเป็นการก้าวข้ามข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีการผลิตกระดาษแบบเดิมๆ อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีการเติมผงหินดังกล่าวไม่ใช่เทคนิคใหม่แต่อย่างใด ในอดีตเคยมีโรงงานทำกระดาษแบบดั้งเดิมบางแห่งนำผงหินมาเติมลงไปในปริมาณเล็กน้อย เพื่อต้องการทำให้กระดาษมีสีและความวาวมากขึ้น แต่ทว่าเมื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้ผงหินในปริมาณที่มากขึ้นจนถึงระดับหนึ่งเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตกระดาษ ความยากในการทำก็เพิ่มขึ้นตามมาเช่นกัน
การหาสัดส่วนระหว่างผงหินและพลาสติกโพลิเอทิลีนให้ได้อัตราส่วนที่เหมาะสมที่สุดเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก คุณเจี่ยนเหลียงคุน (簡良坤) ผู้ช่วยผู้จัดการบริษัท Taiwan Lung Meng Technology เปิดเผยว่า ถ้าอัตราส่วนไม่ถูกต้อง อาจทำให้กระดาษที่ผลิตได้มีผิวไม่เรียบหรือเกิดรอยแตกบนผิวหน้ากระดาษได้ ผู้ประกอบการหลายรายที่สนใจในการวิจัยพัฒนากระดาษจากก้อนหิน ต่างมองว่าจุดที่ทำให้ก้าวข้ามข้อจำกัดนี้ได้ยากคือเรื่องของเทคนิค
คุณเหลียงสือฮุย (梁石輝) ประธานบริษัท Taiwan Lung Meng Technology ซึ่งมีภูมิหลังทางด้านการผลิตงานพลาสติกมาก่อน ได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในขณะนั้นเนื่องจากราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น เขาจึงตัดสินใจที่จะปิดกิจการด้านพลาสติกและหันมาทุ่มเทให้กับงานวิจัยพัฒนาการทำกระดาษจากก้อนหินอย่างจริงจัง
17 ปีให้หลัง บริษัท Taiwan Lung Meng Technology สามารถคิดค้นการเปลี่ยนก้อนหินให้กลายเป็นกระดาษได้สำเร็จ และนวัตกรรมแปลกใหม่นี้ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราอย่างช้าๆ อาทิ ถุงกระดาษพื้นสีม่วงตัวอักษรสีขาวอันเป็นเอกลักษณ์ของร้าน TOKIYA (陶板屋) ร้านอาหารสไตล์โมเดิร์นในเครือของ Wowprime Corporation (王品) ก็ใช้กระดาษจากก้อนหินมาผลิตเป็นถุงกระดาษ ขณะที่แบรนด์เครื่องสำอางระดับโลกอย่าง M‧A‧C ที่มองเห็นความพิเศษของวัสดุกระดาษอย่างกระดาษจากก้อนหิน ก็นำมาใช้ทำเป็นถุงกระดาษใส่สินค้าเช่นกัน ที่น่าสนใจคือ โคมไฟรูป 12 นักษัตร ที่ถูกนำมาจัดวางและประดับประดาในงานเทศกาลโคมไฟไทเป (台北燈會) ซึ่งมีขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเทศกาลโคมไฟ และเป็นที่ชื่นชอบของผู้เข้าชมงานจำนวนมากก็ทำมาจากกระดาษชนิดนี้เช่นเดียวกัน
แม้ว่าราคาของกระดาษจากก้อนหินจะสูงกว่ากระดาษทั่วไปถึง 3 เท่า แต่เนื่องจากมีคุณสมบัติที่สามารถกันน้ำ ทนต่อความชื้นได้ดี และไม่ติดไฟง่าย จึงเหมาะสำหรับการใช้งานภายนอกอาคาร อย่างเช่นที่ประเทศอิตาลี ก็มีผู้ประกอบการนำกระดาษจากก้อนหินนี้มาทำเป็นแผนที่เส้นทางปีนเขาซึ่งติดตั้งอยู่กลางแจ้ง ส่วนที่ประเทศญี่ปุ่น รัฐบาลญี่ปุ่นนำกระดาษชนิดนี้มาทำเป็นแผนที่การป้องกันภัยพิบัติ และไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยังสามารถพัฒนาเทคโนโลยีการเคลือบผิวกระดาษ รวมถึงเอาชนะข้อจำกัดด้านความหนาของกระดาษไปได้อีกขั้นหนึ่ง กระดาษจากก้อนหินมีเนื้อสัมผัสที่เนียนลื่นและมีน้ำหนักที่เบาและบางมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ จึงดึงดูดให้ผู้ประกอบการด้านหนังสือจากประเทศเนเธอร์แลนด์เกิดความสนใจและนำไปผลิตเป็นหนังสือสูตรอาหาร คุณเจี่ยนเหลียงคุน เปิดเผยว่า ถ้ามือเปียกน้ำมา ก็ยังสามารถเปิดหนังสือดูได้ ถ้าน้ำมันกระเด็นใส่หนังสือ ก็สามารถเช็ดออกได้โดยง่าย
เพื่อให้กระดาษมีคุณสมบัติที่กันน้ำและทนต่อความชื้นได้ ที่ผ่านมาจึงนิยมใช้กระดาษเคลือบพลาสติก ซึ่งไม่เพียงทำให้ต้นทุนสูงขึ้นมาก ราคายังอ่อนไหวตามความผันผวนของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอีกด้วย กระดาษจากก้อนหินที่มีการเติมผงหินเข้าในกระบวนการผลิตชนิดนี้ ไม่เพียงแต่มีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถป้องกันน้ำและทนความชื้นได้ดี แต่ยังมีคุณสมบัติที่อ่อนนุ่มและบางเบาเช่นเดียวกับกระดาษทั่วๆ ไป
อย่างไรก็ดี ชื่อของ stonepaper หรือกระดาษจากก้อนหิน ถือเป็นเรื่องที่แปลกใหม่สำหรับผู้บริโภคทั่วๆ ไป ด้วยเหตุนี้ บริษัท Taiwan Lung Meng Technology จึงสร้างแบรนด์ im STONE ขึ้น และออกแบบสินค้าและผลิตภัณฑ์จากกระดาษหลายชนิด อาทิ กระดาษรองจานลวดลายน่ารัก ปลอกหุ้มกระถางต้นไม้กันน้ำได้ และวอลล์เปเปอร์ เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัท Taiwan Lung Meng Technology ยังได้รับรางวัล Red Dot Design Award ในปีนี้ ด้วยผลงานการออกแบบ สมุดบันทึกฮอร์นเฟลส์ โดยที่ปกสมุดและกระดาษด้านในนั้นทำจาก stonepaper ทั้งหมด หน้าปกถูกออกแบบให้มีลายเส้นแบบเรียบง่าย เวลาสัมผัสจะรู้สึกว่ามีความนูนเว้าอยู่ ถือเป็นผลงานการออกแบบที่ยอดเยี่ยมของทีมงาน ที่ใช้ความแข็งแรงของเนื้อกระดาษซึ่งเป็นคุณสมบัติพิเศษของ stonepaper มาช่วย
ในหนังสือโบราณ ศัพทานุกรมจีน ซัวเหวินเจี่ยจื้อ* (說文解字) ได้อธิบายความหมายของ หมวดนำตัวอักษรภาษาจีน (部首) ตัว「糸」ว่าบ่งบอกถึงกรรมวิธีการผลิตกระดาษที่สืบทอดกันมาเป็นเวลายาวนาน และปัจจุบันกระดาษ stonepaper ก็ถูกผลิตขึ้นด้วยกรรมวิธีและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เนื้อกระดาษจึงไม่มีเยื่อกระดาษอยู่เลย การทำกระดาษที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน อาจจะกำลังเริ่มบันทึกเรื่องราวขึ้นใหม่อีกครั้งก็เป็นได้
* ศัพทานุกรม หมายถึง พจนานุกรมที่รวบรวมคำศัพท์ไว้ โดยหนังสือ “ซัวเหวินเจี่ยจื้อ” เป็นหนังสือที่ถูกเรียบเรียงขึ้นในสมัยฮั่นตะวันออก (ตงฮั่น) โดยสวี่เซิ่น (許慎) ถือเป็นพจนานุกรมเล่มแรกของภาษาจีน