ผลิตไฟฟ้าพลังงานสีเขียว ลดปล่อยก๊าซคาร์บอน
อาคารหลังนี้ใช้เวลาในการก่อสร้างนาน 2 ปี ด้วยงบกว่า 200 ล้านเหรียญไต้หวัน แล้วเสร็จเริ่มเปิดใช้งานในวันสิ่งแวดล้อมโลก เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ค.ศ.2012 เป็นโรงงานเครื่องสำอาง GMP แห่งแรกในเอเชียที่ได้มาตรฐานอาคารสีเขียว ลงทุนด้วยความกล้าหาญภายใต้แนวความคิด “การอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนระหว่างคน สิ่งปลูกสร้าง และสิ่งแวดล้อม” ณ ที่นี่ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมิใช่เป็นเพียงแค่คำขวัญ แต่ต้องลงมือทำให้เป็นจริง
เริ่มตั้งแต่การเลือกสถานที่ คุณเก่อวั่งผิง (葛望平) ประธาน O’right ยืนหยัดในความคิดของตัวเอง อาศัยสภาพภูมิประเทศที่ลุ่มๆ ดอนๆ ที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยโดยรอบของโรงงานต่ำกว่าอุณหภูมิบนพื้นที่ราบ 2°C “ผมอยากให้สิ่งปลูกสร้างที่จะสร้างงอกออกมาจากพื้นดิน กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ” และเมื่อโรงงานสร้างเสร็จ นอกจากนำเอาต้นไม้กลับมาปลูกไว้ที่เดิมเพื่อให้เป็นที่อยู่ของเหล่าวิหคทั้งหลายแล้ว ยังได้ปลูกไม้ยืนต้นขนาดใหญ่นานาชนิด ทั้งต้นเมเปิล ต้นการบูร และต้นไซเปรสล้าน เป็นต้น ห้อมล้อมกำแพงหนากว่า 40 ซม. ทำให้ความร้อนยากที่จะทะลุผ่านกำแพงเข้ามา และเมื่อคำนวณมุมของชายคาขนาดใหญ่ ก็ยิ่งลดเวลาที่กำแพงจะถูกแดดแผดเผาให้สั้นลง ส่วนไม้พุ่มอย่างต้นแก้วและกุหลาบพันปี ก็เติบใหญ่ร่มรื่นมาช้านานและยังปลูกพืชพวกเถาวัลย์ไว้ที่ชั้นล่างของอาคารเป็นจำนวนมาก วิธีการป้องกันความร้อนเหล่านี้ทำให้อุณหภูมิในห้องพอเหมาะ หน้าหนาวจะอุ่น ส่วนหน้าร้อนก็จะเย็นสบาย
ในหน้าร้อน จะมีฉากกั้นความร้อนเป็นชั้นๆ เครื่องปรับอากาศที่นี่ก็เปรียบเสมือนเป็นเพียงเครื่องประดับตกแต่งอาคารเท่านั้น มันจะทำงานก็ต่อเมื่ออุณหภูมิภายในห้องสูงกว่า 26°C เมื่อระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะในตัวอาคารสำนักงานตรวจจับปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์สูงกว่า 800 ppm อุปกรณ์ระบายความร้อน (Total Heat Exchanging System) ที่ติดตั้งอยู่บนเพดานก็จะทำงานโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ ตลอดปีค.ศ.2016 เครื่องปรับอากาศที่นี่เปิดใช้เพียง 216 ชม. หรือเท่ากับ 27 วันเท่านั้น “เฉลี่ยแล้วที่นี่เราไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศปีละถึง 300 วัน” ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจในผลสำเร็จของการประหยัดพลังงานในปีค.ศ.2016 ของ O’right
อย่างเช่นแผงโซลาร์เซลล์รูปร่มขนาดใหญ่ คลุมดาดฟ้าทั้งหมดของตัวอาคาร แสงแดดจ้าทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างเต็มที่ เมื่อมีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดมา ลักษณะภูมิประเทศที่เป็นรูปช่องลมทำให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าจากพลังงานลมรับหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าต่อ ทำให้ไฟฟ้าที่ได้จากพลังงานสีเขียวมีตลอดทั้งปี นอกจากจะพอใช้ในโรงงานแล้ว ยังมีเหลือพอที่จะนำไปขายได้อีกด้วย
เนื่องจากตัวผลิตภัณฑ์ไปจนถึงหีบห่อ จนถึงการส่งถึงมือลูกค้า ทุกขั้นตอนมีเป้าหมายอยู่ที่การประหยัดพลังงานและลดก๊าซคาร์บอน ทำให้ได้รับใบรับรองรอยเท้าคาร์บอน